ประกันชีวิตควบโรคร้าย VS ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่
แบบจ่ายเบี้ยไม่เกิน 20 ปี คุ้มครองถึงอายุ 85-99 ปี แบบใดจะดีกว่ากันสำหรับการออมเงิน แลกวงเงินความคุ้มครองโรคร้ายแรงที่สูงกว่าเงินที่ออมหลายเท่า
ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง VS
ประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่
แบบประกันทั้งสองจะมีความคล้ายกันค่อนข้างมาก โดยเป็น แบบเบี้ยคงที่ ตลอด 20 ปี
![ประกันโรคร้าย ประกันโรคร้าย](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2023/08/ประกันโรคร้าย.png)
แต่..จะมีจุดต่างที่สำคัญดังต่อไปนี้
“ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่” (เช่น Happy CI) จะไม่ได้เน้นให้ความคุ้มครองชีวิต แต่เน้นโรคร้ายแรงเป็นแกนหลักเดียวเท่านั้น ในขณะที่ “ประกันชีวิตควบโรคร้าย” (เช่น CI Supercare และ iShield) จะเน้นที่คุ้มครองชีวิตเป็นแกนหลักและโรคร้ายต่าง ๆ เป็นแกนเสริม
“ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่” ให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรงได้สูงสุดที่ 5 ล้านบาทเท่านั้น ในขณะที่ “ประกันชีวิตควบโรคร้าย” สามารถคุ้มครองเกิน 5 ล้านบาทได้
จากจุดต่างที่สำคัญ 2 จุดนี้ จึงทำให้เมื่อนำแบบประกันทั้ง 2 แบบนี้มาเปรียบเทียบกัน ในแง่ทุนความคุ้มครองต่อเบี้ยที่จ่ายไป โดยเน้นที่อายุเริ่มทำประกันตั้งแต่ 0 - 20 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่จะได้รับทุนความคุ้มครองที่สูงกว่าเบี้ยที่จ่ายไปมากที่สุด ดังนี้
![จำนวนเท่าความคุ้มครอง ต่อ เบี้ยปีแรก (เพศชาย1) จำนวนเท่าความคุ้มครอง ต่อ เบี้ยปีแรก เพศชาย1](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2023/08/จำนวนเท่าความคุ้มครอง-ต่อ-เบี้ยปีแรก-เพศชาย1.png)
![จำนวนเท่าความคุ้มครอง ต่อ เบี้ยปีแรก (เพศหญิง1) จำนวนเท่าความคุ้มครอง ต่อ เบี้ยปีแรก เพศหญิง1](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2023/08/จำนวนเท่าความคุ้มครอง-ต่อ-เบี้ยปีแรก-เพศหญิง1.png)
จะเห็นได้ว่า ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่จะให้ความคุ้มครองสูงกว่า แบบประกันชีวิตควบโรคร้ายเสมอ ในทุกช่วงอายุและเพศ ในเบี้ยที่เท่ากัน
โดย ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่ ให้ความคุ้มครองสูงที่ 50-90 เท่าของเบี้ยปีแรก ในขณะที่ประกันชีวิตควบโรคร้าย ให้อยู่ที่ 30-50 เท่าของเบี้ยปีแรกเท่านั้น
และหากมองในแง่มุมของ เบี้ยรวมทั้งสัญญา ว่าประกันทั้ง 2 แบบ จะให้วงเงินทุนความคุ้มครองเกิน เบี้ยรวมที่จ่ายไปตลอด 20 ปี ได้เท่าใด จะได้ผลลัพธ์ออกมาดังรูปด้านล่างนี้
![เปรียบเทียบจำนวนเท่าความคุ้มครอง ต่อ เบี้ยรวมทั้งหมด (ส่วนที่2) เปรียบเทียบจำนวนเท่าความคุ้มครอง ต่อ เบี้ยรวมทั้งหมด ส่วนที่2 1](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2023/08/เปรียบเทียบจำนวนเท่าความคุ้มครอง-ต่อ-เบี้ยรวมทั้งหมด-ส่วนที่2-1.png)
![เปรียบเทียบจำนวนเท่าความคุ้มครอง ต่อ เบี้ยรวมทั้งหมด (ส่วนที่3) เปรียบเทียบจำนวนเท่าความคุ้มครอง ต่อ เบี้ยรวมทั้งหมด ส่วนที่3 1](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2023/08/เปรียบเทียบจำนวนเท่าความคุ้มครอง-ต่อ-เบี้ยรวมทั้งหมด-ส่วนที่3-1.png)
จากรูปกราฟ จะเห็นได้ว่า ยิ่งเริ่มเก็บเงินผ่านประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่เร็วขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งได้วงเงินความคุ้มครองเกินเงินที่เก็บไปหลายเท่ามากขึ้นเท่านั้น
โดยจะยิ่งเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นดังตารางเบี้ยรวม 20 ปีของวงเงินทุนคุ้มครอง 5,000,000 บ. ดังต่อไปนี้
![เปรียบเทียบเบี้ยประกันรวมต่อทุน 5,000,000 (ส่วนที่4-) เปรียบเทียบเบี้ยประกันรวมต่อทุน 5000000 ส่วนที่4](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2023/08/เปรียบเทียบเบี้ยประกันรวมต่อทุน-5000000-ส่วนที่4-.png)
แน่นอนว่า ประกันชีวิตควบโรคร้าย จะต้องใช้เบี้ยสูงกว่ามาก เพื่อให้ได้ทุนคุ้มครองเท่ากันที่ 5,000,000 บ. เนื่องจากต้องมีการคุ้มครองชีวิตร่วมด้วย
ซึ่งการให้ความคุ้มครองชีวิตร่วมด้วยนั่นเอง จึงทำให้ระยะเวลาที่มูลค่าของเงินที่สะสมในสัญญาจะโตเกินเบี้ยที่จ่ายไปได้ ต้องใช้เวลานานมากขึ้นตามไปด้วย ดังรูปด้านล่างนี้
(เป็นตัวอย่างของประกันชีวิตตลอดชีพ ห่วงรักพรีเมียร์ ซึ่งใช้เวลา 33-34 ปี กว่าที่มูลค่าเงินที่สะสมในสัญญาจะเกินเบี้ยที่จ่ายไปตลอด 20 ปีได้ ในขณะที่ประโรคร้ายเบี้ยคงที่ Happy CI จะใช้เวลาเพียง 21-23 ปีเท่านั้น)
![ระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ยของประกันชีวิตกับประกันโรคร้าย (ส่วนที่2) ระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ยของประกันชีวิตกับประกันโรคร้าย ส่วนที่2](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2023/08/ระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ยของประกันชีวิตกับประกันโรคร้าย-ส่วนที่2.png)
จากรูปจะเห็นได้ว่า ประกันชีวิตแบบปกติของเด็กอายุ 0-20 ปี จะต้องใช้เวลาประมาณ 33-34 ปี จึงจะยกเลิกสัญญาแล้วได้เบี้ยที่จ่ายไปทั้งหมดคืนมาได้ (เสมือนได้ความคุ้มครองชีวิต ก่อน ยกเลิกสัญญามาฟรี)
ซึ่งถ้าหากเป็น ประกันชีวิตควบโรคร้ายอาจจะต้องบวกเพิ่มอีกจากประกันชีวิตตลอดชีพปกติอีก 3-5 ปี คือ ต้องรอนานถึง 36-39 ปี เนื่องจากจะต้องนำเงินที่สะสมในสัญญามาแบ่งช่วยจ่ายค่าประกันภัยของโรคร้ายร่วมด้วยนั่นเอง
รวมไปถึงประกันชีวิตควบโรคร้ายมักจะเน้นพ่วงให้ความคุ้มครองโรคร้ายที่มีความเสี่ยงน้อยเพิ่มเข้ามาจำนวนมาก แทนที่จะเจาะจงไปที่โรคร้ายความเสี่ยงสูงเป็นหลักซี่งมีไม่กี่โรค ดังสถิติการเคลมโรคร้ายด้านล่างนี้ หรือ ศึกษาวิธีการเลือกประกันโรคร้ายแรงเพิ่มเติม (การเน้นเจาะจงเฉพาะโรคร้ายเสี่ยงสูง ย่อมจะสามารถให้วงเงินความคุ้มครองต่อเบี้ยที่สูงมากขึ้นได้)
![สถิติการเคลมประกันโรคร้าย สถิติการเคลมประกันโรคร้าย e1716547802728](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2024/05/สถิติการเคลมประกันโรคร้าย-e1716547802728.jpg)
ในขณะที่ ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่ จะใช้เวลาเพียง 21-23 ปีเท่านั้น เนื่องจาก ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่ จะเน้นเฉพาะเจาะจงไปที่โรคร้ายความเสี่ยงสูงเท่านั้น รวมถึงไม่ได้เน้นให้ครอบคลุมไปถึงความคุ้มครองชีวิตร่วมด้วย
(ที่หากทำประกันชีวิตตลอดชีพแยกออกมาโดยตรง จะได้วงเงินทุนประกันชีวิตที่สูงกว่าการควบกับประกันโรคร้ายอย่างมาก)
ทำให้ภายหลังเก็บเงินจ่ายเบี้ยโรคร้ายคงที่เพียง 20 ปี และรอต่ออีกเพียง 1-3 ปีเท่านั้น ก็จะสามารถยกเลิกสัญญานำเงินที่จ่ายเบี้ยไปทั้งหมดออกมาใช้ได้ (เสมือนได้ความคุ้มครองโรคร้ายวงเงินสูงตอนก่อนยกเลิกสัญญามาฟรี)
หรือ สามารถเลือกที่ไม่ยกเลิกสัญญาและเก็บต่อไป เพื่อให้เงินได้สะสมในกรมธรรม์โตมากยิ่งขึ้น พร้อมยังได้ความคุ้มครอง 5,000,000 บ. ต่อจนกว่าจะถึงช่วงเวลาจำเป็นจริง ๆ แล้วจึงค่อยยกเลิกสัญญาเพื่อนำเงินเก็บนี้ออกมาให้ใช้
หรือ แม้แต่จะกู้กรมธรรม์แทนการยกเลิกสัญญา ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเพียง 4.5% ต่อปี พร้อมยังได้รับความคุ้มครองโรคร้าย 5,000,000 บ. ต่อได้นานจนถึงอายุ 99 ปี
ทั้งหมดนี้เองจึงทำให้ ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่ BLA HAPPY CI จึงมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในแง่มุมการเริ่มเก็บออมเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูก ๆ ตั้งแต่อายุน้อย ๆ
โดยเฉพาะในยุคที่ความเสี่ยงกับโรคร้ายมะเร็งสูงขึ้นอย่างมาก และอายุเฉลี่ยที่เริ่มเป็นมะเร็งน้อยลงเรื่อย ๆ รวมไปถึงประกันสุขภาพเด็กที่มีการปรับเบี้ยสูงขึ้นแต่ลดวงเงินความคุ้มครองลง
![Cancer2 Cancer2](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2023/08/Cancer2.webp)