ครั้งหนึ่งในชีวิต ฉันเคยสู้กับมะเร็ง

เราขอโทษที่จะบอกว่า เรื่องนี้ไม่เหมาะกับ คนคิดมาก

หากเราหมั่นเช็คร่างกาย ใส่ใจสุขภาพ หมั่นสังเกตตัวเอง น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด - มะนาวกล่าว

เพราะสิ่งที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง!

คือ สิ่งที่แอนนี่ (ขอใช้คำว่า "เรา") ตั้งใจอยากจะเล่าให้ทุกคนฟังและอยากให้ทุกคนรู้ว่า บนโลกนี้มันมีสิ่งรุนแรงบางอย่างที่จ้องรังแกผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ยังไงบ้าง! จากประสบการณ์จริงของ มะนาว หญิงสาววัย 30 กลาง ๆ ที่มีความสดใสร่าเริง อารมณ์ดี และเป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้าง

และถ้าทุกคนได้อ่านแล้ว จะรู้ว่าการใช้ชีวิตของเธอไม่ได้ผิดแปลกไปจากพวกเราเลย

..เธอทำงานอิสระ เธอใช้ชีวิตปรกติ เธอมีสุขภาพแข็งแรงและไม่ต้องดูแลตัวเองเพิ่มเป็นพิเศษอะไรมากมาย บางครั้งเธอเป็นโรคกระเพาะและกรดไหลย้อนบ้าง เมื่อเธอได้กินยา อาการก็หาย! เป็นอยู่แบบนี้เรื่อย ๆ แต่มันก็ดูธรรมดามาก ๆ เพราะไม่ได้มีอะไรอย่างอื่นผิดปรกติ… เราเองก็เคยเป็นกรดไหลย้อนและเชื่อว่าใครที่อ่านอยู่ตอนนี้ ก็อาจเคยเป็นเหมือนกัน!

จากนั้นมะนาวเปลี่ยนงานทำใหม่ ซึ่งไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ คือ การเริ่มไหมอะไรบางอย่างหรือไม่?

เธอกลับไปทำงานประจำ ทำงานเช้า เลิกงานเย็น แบบฉบับมนุษย์เงินเดือนอีกครั้ง อย่างที่เรารู้กันว่า ความจริงของงานออฟฟิตโดยแท้ ต้องไม่มีข้อแม้เวลาเลิกงาน เธอกลับดึกเกือบทุกวันค่ะ ไม่รู้ว่าจะได้ค่าแรงเพิ่มหรือไม่ งานที่มะนาวทำ เป็นแบบนี้มาเกือบปี!

ทีนี้ ผลของการเลิกงานไม่ตรงเวลา จึงไปกระทบเวลากินข้าวของเธอไปด้วย นาฬิกาชีวิตเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด ๆ

มื้อเช้าของเธอ บางวันก็ดื่มนม บางวันก็กินข้าว สลับกันไปแบบนี้อยู่เรื่อยมา ส่วนมื้อเที่ยง เธอออกไปกินปรกติกับเพื่อนร่วมงาน และระหว่างกลับออฟฟิต เธอมีแวะซื้อขนมจุกจิกติดไปกินระหว่างวันด้วย ถ้าให้เดาว่ามีอะไรบ้าง เราว่า สาวออฟฟิตน่าจะทายถูกเกือบหมด!

แต่ไม่ต้องเดาก็ได้ค่ะ ตามนี้เลย…น้ำผลไม้ปั่น ขนมปัง ขนมขายเป็นถุง ๆ ขนมไทยและผลไม้ดอง ของโปรดสาวออฟฟิต (แก้ง่วงล่ะ) เธอไม่ได้กินทั้งหมดต่อวันหรอกค่ะ กินสลับกันไปในแต่ละวัน ถ้าเป็นเราเอง ก็คงซื้อกินล่ะ ของอร่อย ๆ วางขายต่อหน้าซะเย้ายวนขนาดนั้นและคงมีกาแฟติดมาอีก  1 แก้ว

น่าประหลาด! พฤติกรรมมะนาวไม่ได้ผิดแปลกจากคนทั่วไป แถมดีกว่าบางคนด้วยซ้ำ (ดีกว่าเราเองนี่แหละ) เพราะเธอไม่ดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม

เธอชอบกินผักผลไม้ เธอไม่ชอบเนื้อสัตว์ ประมาณว่าขี้เกียจเคี้ยว เพราะมันเหนียวเมื่อยกาม ดังนั้นอาหารแต่ละมื้อของเธอ ก็จะเน้นกินกับที่เป็นผัก ๆ ตักข้าวกินทีละน้อย ๆ

เราว่า พื้นฐานการใช้ชีวิตของมะนาวถือว่าดีเชียวนะ เราเองก็งงกับ สิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับเธอ เพราะนี่ขนาดเธอใช้ชีวิตเรียบง่าย ทำไมกันล่ะ!

ความว่างเป็นเหตุให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น

วันหนึ่ง มันช่างประหลาดมากที่อยู่ดี ๆ เธอนึกอยากไปส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร ทั้งที่ไม่มีสัญญาณใด ๆ แม้แต่น้อย ขอย้ำค่ะ! ว่าเธอไม่มีอาการใด ๆ ความว่างในวันหยุดเป็นเหตุ และ ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอลุกจากเตียง อาบน้ำแต่งตัวไปโรงพยาบาล เพื่อไปขอส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร ทั้ง ๆ ที่

เธอไม่มีอาการปวดท้องรุนแรง น้ำหนักตัวของเธอเป็นปรกติ ระบบขับถ่ายก็ปรกติ ท้องเธอไม่อืด ไม่มีอ่อนแรงใด ๆ

แต่ที่เราพอจะนึกออก ก่อนหน้านั้น (ก่อนเปลี่ยนงานใหม่) มะนาวเคยเป็น "โรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน"  และหลังจากส่องกล้องตรวจไปแล้ว คุณหมอได้นัดเธอให้มาฟังผลภายหลัง จากนั้น เธอจึงเดินทางกลับบ้าน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

27 พฤศจิกายน 2561

นัดฟังผล..หลังจากส่องกล้องตรวจ เรียกสติให้ดี

วันฟังผลตรวจ วันที่คุณหมอแค่พูดว่า “ให้คุณตั้งสติ” พร้อมกับการถอนหายใจเบา ๆ จากนั้นใจของมะนาวเริ่มเต้นแรง แรงขึ้น และสั่นระรัว มือเท้าเริ่มเย็น ขนลุกไปหมด

ผลสรุปออกมา ปรากฏว่ามะนาวเป็น “มะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะที่ 3”

มะนาว.. เธอใจเย็นมาก เธอนิ่งและยังจะไปสัมพาษณ์งานต่อในวันนั้น (ถ้าเป็นเรา หากได้ยินคุณหมอบอกแบบนั้นแล้ว คงจะตัวเย็น หน้าชาจนมืด ใจเต้นแรง และคงทำไรต่อไปไม่ถูกแน่นอน)

ในตอนนั้น เธอมีเพียงหนึ่งคำถามในใจว่า “อายุเธอยังน้อย เป็นมะเร็งได้ยังไง?” มันแปลกประหลาดมาก! แต่เธอก็ไม่เก็บเอาไปคิดอะไรต่อ เพราะเมื่อความจริงมันเป็นแบบนี้แล้ว เธอคิดเพียงแค่ว่า..คงต้องทำการรักษามะเร็งกันต่อไป

เธอได้บอกเรื่องนี้กับพี่สาวและเพื่อนสนิท แต่ไม่ได้บอกพ่อแม่! เพราะเธอไม่อยากเห็นท่านเสียใจ โชคดีที่พี่สาวเธอจัดการบอกเรื่องนี้ให้พวกท่าน ในเย็นวันนั้นทันที

ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวรับรู้กันหมดแล้ว และทุกคนเป็นกำลังใจให้เธอ

กลับมาถึงบ้าน มะนาวจึงตั้งใจจะเริ่มกระบวนการรักษาในทันที เพราะต้องผ่าตัดให้เร็วที่สุด! (เราไม่รู้จริง ๆ ว่าเพราะอะไรกัน!)

28 พฤศจิกายน 2561

ถึงเวลาแล้วที่ต้องพิสูจน์ว่า มะเร็งลุกลามไปถึงไหน?

CT Scan แรกในชีวิต เพื่อจะได้วางแผนการรักษา

ผลปรากฏว่า มะนาวต้อง “ตัดกระเพาะอาหารทิ้งทั้งหมด”

เธอกลับไปนั่งครุ่นคิดเรื่องวางแผนค่าใช้จ่ายทั้งหมด พร้อมกับนั่งเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้พ่อกับแม่ของเธอเซ็น รวมถึงตัวเธอเองด้วย

จากนั้น เธอจึงมาตามที่คุณหมอนัด เธอนั่งเรือเดินทางไปโรงพยาบาลศิริราชกับแม่ของเธอ และการนัดของคุณหมอครั้งนี้ เธอจะต้องได้ "รับการผ่าตัด" ดังนั้นทางคุณหมอเตรียมขั้นตอนการผ่าตัด ใส่อุปกรณ์ต่าง ๆ ให้กับเธอ

จากนั้นหมอต้องล้างท้องมะนาว เพื่อรอการผ่าตัดในอีก 2 วันข้างหน้า

และ มะนาวได้บอกด้วยว่า..

“เจ็บที่สุด คือการเจาะให้น้ำเกลือ และ สารอาหารทางเลือด”


วันที่ 30 พฤศจิกายน 2561

ไม่พบเซลล์มะเร็งเพิ่ม..ผลเลือดก็ออกมาดี!

ขั้นตอนการผ่าตัด ผ่านไปด้วยดีทุกอย่าง

วันนี้ คุณหมอทำการผ่าตัดกระเพาะอาหารให้มะนาว เธอนอนพักที่โรงพยาบาล 3 คืน และคุณหมออนุญาตให้เธอกลับบ้านได้

จากนั้นเธอมีนัดให้มาทำ CT Scan อีกครั้ง เพื่อตรวจดูว่ามี เซลล์มะเร็งหลงเหลือหรือจะมีเพิ่มตรงไหนอีก?

มะนาว.. เธอจิตใจเข้มแข็งมาก กำลังใจเธอมีมากล้น และยิ้มสู้กับโรคมะเร็งอย่างมีความหวัง

เราขอชื่นชมเธอจากใจ! 

หลังจากเธอมาตามนัดเพื่อทำ CT Scan ครั้งที่สอง ปรากฏผลออก พบว่า "ไม่มีเซลล์มะเร็งเพิ่มและผลเลือดของเธอดี"

การปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ได้เกิดขึ้น

อาการผิดปรกติ เริ่มเกิดขึ้น..กับมะนาว!

ความจริงด้านอารมณ์เริ่มปรากฏ มันเป็นความรู้สึกแปลก ๆ ของมะนาว เธอเริ่มไม่เคยชินกับการที่ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน

เธอไม่ได้ออกไปไหนเลย และยังต้องหยุดทำงานทันที!

อาหารการกินของเธอเปลี่ยนไปหมด เธอกินอะไรไม่ได้เลย นอกจาก “นมและน้ำ ตามแพทย์กำหนด” มีอย่างอื่นที่เธอพอจะกินได้ คือ ข้าวต้มเหลว ๆ และโจ๊กอ่อน ๆ สามารถเติมสารอาหารด้วย "น้ำผักและผลไม้แยกกาก"

เราเองคิดว่า มะนาวน่าจะชอบเพราะเธอชอบกินผักผลไม้ แต่กลายเป็นว่า เธอทนทรมานมาก ๆ ที่ไม่ได้กินของอร่อย ๆ เหมือนแต่ก่อน

มุมมองความคิดที่เริ่มเปลี่ยนไป

มะนาวได้ความรู้จากมะเร็งเยอะมาก และเธอมีมุมมองความคิดที่เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ พลังบวกของเธอกลับเริ่มมีมากขึ้น เพราะเธอได้กำลังใจจากคนรอบข้างอย่างมากล้น แถมยังได้ส่งต่อให้กับคนอื่น ๆ ที่กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาอะไรก็ตามที่เข้ามาในชีวิต เพื่อให้พวกเขาได้รับรู้ว่า "มิตรภาพเกิดขึ้นได้รอบตัวเรา"


คีโม..ครั้งแรก

สูตรยาคีโม 12 ครั้ง (2 อาทิตย์ครั้ง)

วางแผนทำคีโมและเริ่มขั้นตอนแรก

ครั้งนี้ มะนาวต้องมานอนโรงพยาบาล 3 วัน 2 คืน และขอโทษจริง ๆ ที่ต้องพูดบอกว่า “มันทรมานมาก ๆ” ออกมา เพราะการผ่าตัดฝังพอร์ตใต้ผิวหนัง ทำให้เธอรู้สึกมีอาการเหมือนคนพิการครึ่งซีก

คอ ไหล่และแขนของเธอ ตึงไปหมด! เธอรู้สึกแสบแผลแปลบ ๆ นิดหน่อย และระหว่างที่กำลังนอน เธอต้องนอนหมอนสูงตลอดเวลา เพราะหากเธอเผลอนอนราบไป ตอนลุกขึ้น จะยิ่งทรมานมากที่สุด

มะนาวยังบอกตรง ๆ อีกว่า ตอนผ่าตัดฝังพอร์ต เธอรู้สึกเหมือนโดนกรีด แถมมีกลิ่นไหม้ ๆ และมีเขม่าควัน จากนั้นเธอรู้สึกว่ามีสายอะไรบางอย่างถูกดันอยู่บริเวณคอของเธอ ความรู้สึกเธอตอนนั้นมันใจหวิวๆ แต่ก็คิดว่า “ไม่เป็นไร มันจะผ่านไปด้วยดี”

การให้ยา “คีโมครั้งแรก” ของมะนาว

  • มีอาการชาตามปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า เธอรู้สึกคันยิบ ๆ ตามตัว และวันนั้นเธอมีอาเจียรจนเหนื่อยเพลีย อ่อนล้าและหมดแรง เธอเหม็นและเบื่ออาหาร แถมมีแผลร้อนในช่องปาก
  • น้ำหนักตัวของมะนาว ลดลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เธอตัวผอมมากๆ เพราะกินได้น้อยลง รู้สึกเหม็นและเบื่ออาหารไปหมด
  • ท้องของเธอเริ่มบวมเพราะอาหารอ่อนไม่ย่อย และท้องเริ่มบวมขึ้นเรื่อย ๆ เธอกลายเป็นกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะอาการปวดเริ่มรุนแรงขึ้น และรู้สึกเหมือนท้องจะแตกตลอดเวลา ดังนั้น เธอเดินตรง ๆ ไม่ได้เลย เธอต้องเดินตัวงอ เท่านั้น!

เธอเริ่มสงสัยกับตัวเอง... นี่มันเป็นสัญญาณของอะไร?

เราก็ไม่รู้ว่า.. มะนาวอาการแบบนี้ถือว่า หนักหรือเปล่าหรือเป็นเรื่องปรกติของคนทำคีโม แต่แล้ว..

เกิดเหตุด่วน!

มะนาวต้องเข้าแอดมิทที่โรงพยาบาลด่วน เธอเดินไม่ได้และกินอะไรไม่ได้เลย! น้ำหนักตัวลดลงไปเร็วมาก ๆ ผลเอกซเรย์พบว่า "ช่องท้องเธอมีแต่น้ำ" (หมอจึงเจาะเอาน้ำออกไป 1 ลิตร) จากนั้นทำ CT Scan อีกครั้ง และคุณหมอให้ผ่าตัดด่วนทันที! เกิดอะไรขึ้นกับเธอ!?

มะนาวมีพังผืดรัดลำไส้ แถมพบเซลล์มะเร็งเกาะตามช่องท้อง

ตอนนี้มะนาวอาการแย่ลงมาก หมอต้องคอย "ฉีดยาระงับปวด" ให้ทุก ๆ 2 ชั่วโมง เธอลุกเดินไม่ได้เลย แต่ถ้าจะลุกต้องมีคนช่วยพยุงตลอดเวลา

เธอไม่คิดว่าอาการมันจะรุนแรงเพียงนี้ เพราะเธอเคยคิดว่า การผ่าตัดเอากระเพาะอาหารออกแล้วน่าจะดีขึ้น ส่วนการทำคีโมยับยั้งเซลล์มะเร็งครั้งที่สอง คงต้องรออีกสักพัก! ตอนนี้เธอคิดว่า โชคเริ่มจะไม่เข้าข้างเธออีกแล้ว

เกิดการติดเชื้อ

หลังผ่าตัดด่วนไปแล้ว 15 วัน แผลผ่าตัดของเธอ “เกิดการติดเชื้อ” เธอต้องโดนเจาะเลือดทุกวันและมีไข้สูงตลอด เธอกินข้าวไม่ได้ ลุกเดินไม่ได้ และระหว่างนี้ หมอเตรียมผ่าตัดเพื่อใส่ท่อระบายน้ำในช่องท้องของเธอ

มะนาวนอนคิดอยู่กับตัวเองและเริ่มรู้สึกท้อ แต่ทันใดนั้นเอง คำพูดของน้องเมย์ หรือ “หมอเมย์สู้มะเร็งระยะสุดท้าย” ก็ดังขึ้นในหูของเธอ

(ทั้งคู่รู้จักกันค่ะ และเป็นคนเชียงใหม่ด้วยกันทั้งคู่ แถมยังคล้าย ๆ พวกเขาว่าจะตรวจเจอมะเร็งในระยะเวลาใกล้ ๆ กันด้วย)

หมอเมย์เคยพูดว่า “พี่มะนาวคะ...ระหว่างทางจะเป็นยังไงช่างมันค่ะ ขอแค่ปลายทางเราหายก็พอ”

ลำไส้รั่ว 1 จุด

เมื่อมะนาวนึกถึงคำพูดน้องเมย์ เธอจึงมีกำลังใจฮึดสู้อีกครั้ง!

แต่เธอก็ยังเริ่มทำคีโมครั้งที่สองไม่ได้ เพราะต้องรักษาแผลติดเชื้อนี้ให้มีอาการดีขึ้นก่อน แต่ความโชคร้ายยังไม่ยอมจากไปไหน คุณหมอตรวจพบ “ลำไส้รั่ว 1 จุด”

ตอนนี้เธอต้องรอให้ลำไส้รั่วและอาการท้องบวมหายดีซะก่อน (เรียกว่าเป็น ช่วงประคองอาการไปเรื่อย ๆ) ยิ่งตอนนี้มะเร็งได้กระจายเต็มช่องท้องของมะนาว แต่หมอก็ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องรออย่างเดียว...

20 มีนาคม 2562

การต่อสู้  ความหวังและทางตัน

เธอ...ผู้ไม่เคยเสียน้ำตาให้กับ "มะเร็ง"

วันที่เป็นวันที่มะนาวนอนโรงพยาบาล ครบ 50 วัน ตั้งแต่วันที่เจาะระบายน้ำในช่องท้อง

เธอต้องนอนรักษาประคองอาการไปเรื่อย ๆ และตอนนี้น้ำยังคงท้วมเต็มปอดของเธอ... ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น และหมอยังไม่สามารถทำคีโมครั้งที่สองให้เธอได้

วันที่ 29 มีนาคม 2562

การต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความหวังและความเข้มแข็งของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ชื่อมะนาว ผู้หญิงที่มีจิตใจแข็งแกร่ง ที่ไม่เคยผิดหวังกับโชคชะตา ไม่เคยโทษตัวเอง ไม่เคยน้อยใจกับชีวิต แม้บางครั้งจะเริ่มรู้สึกท้อ เหนื่อย อ่อนล้า แต่เธอก็ไม่เคยเสียน้ำตาให้กับ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "มะเร็ง"

แล้ววันนี้ คงถึงเวลาแล้ว ช่วงเที่ยงวันที่มีแสงแดดสาดส่อง..

ความทุกข์ทรมาน ความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดของเธอค่อย ๆ หยุดลงจนวินาทีสุดท้ายของลงหายใจ

มะนาวจากไปแล้ว อย่างสงบ..

..มันคงถึงควรแก่เวลา ที่เธอต้องย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่บนสรวงสวรรค์ ไปเป็นนางฟ้าร่างเล็ก ๆ

แด่มะนาว...ผู้ไม่เคยร้องไห้ให้กับมะเร็ง ผู้ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค์ ผู้ที่สู้จวบจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ เธอมีหัวใจที่แกร่งดุจหินผา เธอมีรอยยิ้มให้กับตัวเองตลอดเวลาที่สู้กับมะเร็ง ปีศาจร้าย! ขอให้เธอได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีด้วยเทอญ

ด้วยความเคารพและขอขอบคุณเรื่องราวจากเพจ "ไดอะรีจากฉันเอง"

แอนนี่


หลังจากนั้นอีกไม่นาน...

วันที่ 20 เมษายน 2562 หมอเมย์ ผู้ที่เคยให้กำลังใจพี่มะนาว ก็ได้จากไปอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย

สรุป ค่าใช้จ่าย รักษามะเร็ง

เพราะมะนาวคนนี้ คนที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก ๆ แก่เราทุกคน ให้ได้รับรู้เกี่ยวกับ "ค่ารักษามะเร็ง" ของเธอ รวมถึงขั้นตอนการรักษา การย้ายโรงพยาบาล การใช้สิทธิรักษาที่มี ทั้งคำแนะนำดี ๆ ที่เธอคนนี้ หวังดีและมอบให้เป็นวิทยาทาน

- ขอบคุณมะนาว -


มาดูค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งของเธอกันค่ะ ซึ่งมีรายละเอียดตั้งแต่ เริ่มส่องกล้องในกระเพาะอาหารไปจนถึงการทำคีโมหนึ่งครั้ง ตามที่เธอได้บอกเอาไว้กันค่ะ (อาจจะไม่ทั้งหมด แต่ต้องขอบคุณมะนาวจากหัวใจที่มอบข้อมูลดี ๆ เอาไว้ให้ค่ะ)

ค่าส่องกล้องกระเพาะอาหาร

  • ครั้งแรก ใช้บริการโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่าย 25,000+ บาท
  • ครั้งที่สอง ใช้บริการโรงพยาบาลรัฐบาล ค่าใช้จ่าย 15,000+ บาท

ค่า CT Scan (ก่อนผ่าตัด)

  • ครั้งแรก ใช้บริการโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่าย 20,000+ บาท
  • ครั้งที่ 2 ใช้บริการโรงพยาบาลรัฐบาล (คลินิคนอกเวลา) ค่าใช้จ่าย 14,000+ บาท

ค่าผ่าตัดมะเร็งกระเพาะอาหาร (คลินิคพิเศษ รพ.รัฐ )

มะนาวผ่าตัดกระเพาะอาหารในโรงพยาบาลรัฐบาล สาเหตุที่เธอเลือกคลินิคพิเศษ (นอกเวลา) เพราะต้องการผ่าตัดโดยด่วน

ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด

  • ประมาณ 200,000+ บาท (ไม่รวมค่าห้องพักฟื้น ค่าพยาบาล ค่าอาหาร ค่าแพทย์ตรวจเยี่ยมไข้)

และตอนที่ มะนาวทำคีโมครั้งแรก ค่าใช้จ่ายค่อนเยอะมาก ๆ (เรียกได้ว่าค่อนข้างสาหัส)

คุณหมอจึงแนะนำใช้สิทธิ์บัตรทองหรือบัตรประกันสังคมที่มีทั้งหมด เพื่อเอามาช่วยกันแบกค่าใช้จ่ายที่กำลังจะเกิดขึ้นแน่นอน และจะได้วางแผนรับมือกับ "ค่ายา" บางชนิดที่เธออาจต้อง ออกค่าใช้จ่ายเอง!

สิทธิ์การรักษาที่มะนาวเลือกใช้

  • สิทธิ์ประกันสังคม (ที่มีกับโรงพยาบาลอื่นทที่อยู่ต่างจังหวัด - รักษาช่วงปลายปี 2561)

ดังนั้น เธอจึงต้องทำเรื่อง “ขอใบส่งตัว” เพื่อให้ได้สิทธิ์รักษากับโรงพยาบาลศิริราช (แห่งเดิมที่เธอรักษาอยู่ในคลินิคพิเศษ)

** หากไม่มีใบส่งตัว เธอต้องย้ายไปรักษากับโรงพยาบาลที่มีสิทธิ์ประกันสังคม หรือ ต้องออกค่ารักษาเองทั้งหมด ถ้าจะรักษาที่โรงพยาบาลเดิมที่รักษาอยู่

ค่าทำคีโมและค่าผ่าตัดฝังพอร์ต

  • ค่าผ่าตัดและค่าฝังพอร์ต (ทำคีโม) ประมาณ 20,000+ บาท
  • ค่าทำคีโม ครั้งละ 25,000+ บาท (มะนาวต้องรับคีโมทั้งหมด 12 ครั้ง โดยทำ 2 อาทิตย์ครั้ง)

ค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ทั้งหมดนี้ ยังไม่รวม ค่าเดินทาง ค่าแพทย์ ค่าพยาบาล ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการทางการแพทย์อื่น ๆ ซึ่งมะนาวไม่ได้เล่าไว้ แต่คิดว่า ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ สิทธิ์ประกันสังคมและบัตรทองน่าจะรับค่าใช้จ่ายตรงนี้ไป

ขั้นตอนการขอใบส่งตัว ในสิทธิ์ประกันสังคมของมะนาว

  1. สอบถามโรงพยาบาลที่ถือสิทธิ์ว่า "มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่สามารถรักษามะเร็งที่เธอกำลังเป็นอยู่หรือไม่" หากไม่มี เธอจึงจะสามารถขอทำเรื่อง "ขอส่งตัวได้" ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ว่า จะถูกส่งไปรักษาที่ไหน
  2. ขอประวัติการรักษา ของเธอจากโรงพยาบาลที่กำลังรักษามะเร็ง จากนั้น ติดต่อโรงพยาบาลตามสิทธิ์ประกันสังคม
  3. ทำบัตรคนไข้ที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์ประกันสังคม จากนั้นไปห้องตรวจสิทธิ์ประกันสังคม อย่าลืม! แจ้งพยาบาลว่า “มาขอทำเรื่องส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลที่เราต้องการรักษา” จากนั้นรอพบหมอ (มะนาวถูกส่งไปพบกับหมอศัลยแพทย์ เมื่อหมออ่านประวัติของเธอและซักถามนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เขียนใบส่งตัวให้กับเธอ)
  4. ไปติดต่อขอเอกสารใบรับรองค่าใช้จ่ายสิทธิ์ประกันสังคม กับห้องประกันสังคมของโรงพยาบาลที่กำลังจะรักษาตัว ใบรับรองค่าใช้จ่ายสิทธิ์ประกันสังคม จะต้องมาขอก่อนที่จะเข้าไปใช้สิทธิ์ที่โรงพยาบาล - ตอนนั้นมะนาว.. เธอต้องย้ายออกโรงพยาบาลก่อนชั่วคราว เพื่อไปทำเรื่องขอเอกสารให้เรียบร้อย แล้วจึงค่อยกลับเข้ามารักษาต่อ ด้วยสิทธิ์ประกันสังคม!
  5. นำเอกสารใบส่งตัว พร้อมแนบใบรับรองค่าใช้จ่ายสิทธิ์ประกันสังคมไปยื่นที่โรงพยาบาล (ศิริราช)

    **อย่าลืมตรวจสอบรายละเอียดในจดหมายส่งตัว (ชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน โรคที่จะรักษา วันที่ ฯลฯ) ว่าถูกต้องไหม? ไม่อย่างงั้นจะเสียเวลามาก เพราะต้องกลับไปแก้ไขข้อมูลค่ะ

ขอขอบคุณ
ข้อมูล "เพจไดอะรีจากฉันเอง"

สรุป เรื่องราวของมะนาว

- ขอบคุณมะนาว อีกครั้ง-


การที่มะนาวเป็น "โรคกระเพาะและกรดไหลย้อน" มันเหมือนส่งสัญญาณบางอย่างให้เรารู้ว่า ร่างกายเราเริ่มไม่ปกติ และควรต้องดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม

เรา (ทุกคน) ควรต้องหมั่นตรวจเช็คสุขภาพร่างกาย (อย่างน้อยปีละครั้ง) และดูแลสุขภาพตัวเอง

หากพบความผิดปรกติเกิดขึ้นกับร่างกาย ให้รีบตรวจดีกว่าค่ะ อย่าปล่อยเอาไว้ เพราะไม่อย่างนั้น มันอาจจะสายเกินแก้ หรือรักษาไม่ทันค่ะ

ในระหว่างที่มะนาวกำลังรักษาในโรงพยาบาล คุณหมอได้ให้คำแนะนำแก่เธอ และฝากให้เธอส่งต่อคำแนะนำนั้นไปยังแฟนเพจของเธอด้วย ว่า..

  • หากเป็นโรคกระเพาะอาหาร หรือมีอาการกรดไหลย้อน ให้รักษาต่อเนื่องไปจนหายสนิท
  • ส่วนผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หากพบว่ามีอาการปวดท้องผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์โดยด่วน!

การจากไปของเธอ ให้ข้อคิดหลายอย่าง

มันทำให้พวกเราเข้าใจดีว่า "โรคมะเร็ง" ควบคุมไม่ได้! ซี่งไม่ได้เลยจริง ๆ และยังส่งผลให้ควบคุม "การวางแผนค่ารักษาได้ยาก"

เธอสูญเสียเงินและเวลาจำนวนมากเพื่อรักษาตัวเอง และ ด้วยอายุเพียง 30 กลาง ๆ เธอจึงยังมีความหวังว่าเธอจะสามารถหายจากโรคนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทั้ง "เงินและเวลา" ไม่สามารถต่อลมหายใจให้เธอได้


เราทุกคนที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในวันนี้

ถ้ารู้ตัวเองว่า ใช้ชีวิตเสี่ยงหรือเครียดจากการทำงาน ควรเริ่มหันมองตัวเอง กลับมาดูแลสุขภาพ กินอาหารที่ดีต่อร่างกาย หมั่นออกกำลังกาย

และที่สำคัญ "อย่าประมาทเรื่องการใช้ชีวิต" ควรวางแผนการเงินไปพร้อมกับการดูแลสุขภาพ เตรียมตัวเองให้พร้อมรับมือกับเรื่องที่คิดว่า "ไม่น่าจะเกิดขึ้น"

เพราะเชื่อเถอะว่า.. ไอ้เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นนี้ มันย่องมาเงียบ ๆ ไม่ให้เรารู้ตัว

เกี่ยวกับผู้เขียน

  • Ruchira Taboonruang

    จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตการทำงานทั้งหมดของแอนนี่ในสายงาน CRM ได้พบว่า ความไม่รู้ เป็นศัตรูที่แพงอย่างมากในโลกของการเงิน ซึ่งในหลายครั้งกว่าจะรู้และเข้าใจก็อาจจะสายไปแล้ว และนี้คือสาเหตุใหญ่ที่ทางเรา จะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ โดยให้ความรู้ทางการเงินที่ดีและเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงการป้องกันไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากความไม่รู้นี้ ผ่านเว็บไซต์ Release your Risk ที่ต้องการให้ทุกคนได้ปล่อยความเสี่ยงที่ตนเองถือไว้อยู่ ผ่านเครื่องมือทางการเงินด้วยความเข้าใจ และมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

>
Scroll to Top

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ตกลงทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก