ประกันรถชั้น 1 กับ 2+ ต่างกันยังไง

หากพูดให้เข้าใจง่ายและเร็วที่สุดว่าประกันทั้งสองแบบนี้ต่างกันตรงที่ "ราคาสูงต่ำกว่ากัน" แบบนี้ไม่แปลกและไม่ผิดใช่ไหมคะ แต่ที่จะชี้ให้เห็นก็คือเรื่อง "ความแตกต่างด้านความคุ้มครอง" แน่นอนว่าประกันชั้น 2+ ต้องให้ความคุ้มครองน้อยกว่า (นิดเดียว) ประกันชั้น 1 แล้วทำไมบางคนถึงชอบทำประกัน 2+ ดูจากภาพข้างล่างนี้ก็น่าจะได้คำตอบค่ะ

สังเกตุไหมคะว่ามันมีเงื่อนไขต่างกันนิดเดียวตรงที่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวรถเราเอง หากเรามีประกันชั้น 2+ จำไว้ว่าบริษัทจะซ่อมรถให้กรณีที่เราชนกับรถเท่านั้น (ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก) และต้องมีคู่กรณี ณ จุดเกิดเหตุ

หากชนคนตาย อันนี้คุ้มครองทั้งสองแบบประกันค่ะเพราะเป็นความรับผิดชอบต่อ "บุคคลภายนอก" เป็นจำนวนที่เหลือหลังจากที่ พ.ร.บ จ่ายให้และไม่เกินวงเงินกำหนดในกรมธรรม์ แต่ก็อย่าลืมนะคะว่าบริษัทไม่ซ่อมรถให้ถ้าเป็นประกันชั้น 2+ เพราะคู่กรณีเป็นคน ไม่ใช่รถ

แนะนำค่ะ หากเป็นคนขับรถระมัดระวัง ไม่ขับเร็ว ไม่ประมาท และขับเองประจำ ทำประกันรถยนต์ 2+ ก็ไม่น่าเกลียดเลย ถือว่าเหมาะสมและเบี้ยประกันภัยก็ถูกกว่าด้วย เรียกง่ายๆ ว่าประหยัด นั่นเองค่ะ 🙂 และที่สำคัญรถบางรุ่นเมื่ออายุเกิน 7 ปี บางบริษัทก็ตัดตัวเลือกประกันชั้น 1 ออก เหลือประกันชั้น 2+ เป็นตัวเลือกแรกซึ่งแค่นี้ให้ก็อุ่นใจแล้วค่ะ

แนะนำเพิ่มค่ะ ถ้ารถยนต์ที่เราขับพึ่งออกใหม่ หรือใช้ยังไม่ถึง 7 ปี ประกันชั้น 1 จะดีกว่าค่ะซ่อมศูนย์ก็ดีไปอีก เพราะรถยังสภาพใหม่ (ใส่ใจเค้าสักนิด แล้วจะไม่ผิดหวัง) กลัวก็ตอนที่ขับรถตอนมีพายุรุนแรง ต้นไม้ใหญ่ล้มใส่รถเราที่ทำประกัน 2+ ไว้ รถเรายังใหม่ๆ แต่ต้องมาพังยับเพราะต้นไม้ แบบนี้น้ำตาตกในได้ค่ะ อาจต้องเรียกร้องกับผู้ว่าจังหวัด คิดดูแล้ววุ่นวายน่าดู 

มาถึงตอนนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนน่าจะมีทางเลือกการทำประกันรถยนต์อยู่ในใจว่าชอบแบบไหน และตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์มากที่สุดแล้วนะคะ 

อย่าลืม! เทียบเบี้ยประกันบริษัทเดียวกันกับหลายๆ ที่ด้วยนะคะ บริษัทประกันภัยควรต้องเลือกให้ดี ศึกษาอ่านรีวิวจากแหล่งต่างๆ ก่อนตัดสินใจทำประกันรถยนต์ค่ะ ถ้าใครยื่นขอเบี้ยกับแอนนี่เชื่อได้ว่าน่าจะได้ราคาถูกกว่าที่อื่นเพราะมีส่วนลดกลุ่มเพิ่มให้กับลูกค้า 10% หากประวัติดีก็ลดกันไปอีกและถ้ามีอุปกรณ์เสริมอย่างกล้องหน้ารถแจ้งได้ค่ะ (รับส่วนลดลงไปอีก)

"พบกันใหม่บทความหน้าค่ะ" ขอให้ทุกคนโชคดีและสวัสดีค่ะ 🙂