5
ศัตรูร้าย
ที่พร้อม ทำลายฐานะ และ เงินออม ของคุณกับครอบครัว หากไม่เข้าใจวิธีการออมและวางแผนภาษีส่วนบุคคลให้มีประสิทธิภาพ
5 ศัตรูนี้มาในรูปแบบของเหตุการณ์ร้าย ที่ทุกคนรู้ว่าจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งยังสามารถทำลายฐานะการเงินได้อย่างร้ายแรง แต่คนส่วนใหญ่กลับเลือกที่จะไม่ทำความเข้าใจ และ ใช้เครื่องมือลดหย่อนภาษีที่เหมาะสมสำหรับเตรียมการรองรับกับเหตุการณ์เหล่านี้
จนสุดท้ายเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น จึงจำต้องแก้ไขสถานการณ์แบบฉุกเฉินโดยมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าการเตรียมการล่วงหน้าอย่างมาก และ อาจตามมาด้วยดอกเบี้ยอีกมากมาย
ฐานะทางการเงิน
อาจสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับชั้น
จะสามารถเปรียบเทียบฐานะทางการเงินครอบครัวได้ดังภาพด้านบน ที่แสดงถึงสัดส่วนระหว่างรายได้ รายจ่ายและหนี้บริโภคทั้ง 4 แบบ หรือ 4 ระดับชั้น
ซึ่งแต่ละครอบครัวจะเสมือนอาศัยอยู่ในบอลลูนที่ลอยขึ้นลงอยู่ระหว่าง 4 ระดับชั้นนี้ อันประกอบไปด้วย
ชั้น 4
หรูหรา
มีรายได้หลายทาง มากกว่ารายจ่าย
ชั้น 3
สะดวกสบาย
มีรายได้มากกว่ารายจ่ายและหนี้บริโภค
ชั้น 2
ขัดสน
มีรายจ่ายและหนี้บริโภคมากกว่ารายได้
ชั้น 1
ยากลำบาก
ต้องอาศัยสวัสดิการภาครัฐ
ผู้คนโดยส่วนใหญ่จะพยายามหาทางเลื่อนฐานะตนเองและครอบครัวให้ไปอยู่ที่ชั้น 3-4 โดยมักลืมไปว่าไม่ว่าจะอยู่ชั้นฐานะใด ก็ไม่สามารถหลีกหนี 5 ศัตรูหรือ 5 เหตุการณ์ที่เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ล่วงตกชั้นฐานะลงมาได้
เนื่องด้วยพาหนะบอลลูนที่ลอยขึ้นลงของครอบครัวนั้น จะลอยได้ด้วย ไฟจากรายได้ของการทำงาน ถ่วงน้ำหนักด้วย ค่าใช้จ่าย และ หนี้บริโภค ที่มี
จึงทำให้หากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ รายได้ลดลงหรือหายไป พร้อมกับไปทำให้ ค่าใช้จ่ายและหนี้บริโภคสูงมากขึ้น "อย่างรุนแรง" ก็ย่อมทำให้บอลลูนล่วงลงต่ำและลดชั้นฐานะได้อย่างรวดเร็วมาก
แน่นอนว่าแต่ละครอบครัวคงไม่อยากที่จะเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้ แต่น่าเสียดายที่เหตุการณ์เหล่านี้ มีมากถึง 5 เหตุการณ์ที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้
5
เหตุการณ์ศัตรูร้าย
ลดชั้นฐานะทางการเงินได้อย่างไร
เหตุการณ์ร้ายที่คอยโจมตีบอลลูนของแต่ละครอบครัวที่กำลังลอยอยู่ในชั้นฐานะการเงินต่าง ๆ จะประกอบด้วย 5 เหตุการณ์ศัตรูร้าย ดังต่อไปนี้
1
เหตุการณ์ Death / Permanent Disablement :
ไฟจากรายได้การทำงานหายไปกระทันหันและถาวร (เมื่อสมาชิกที่หารายได้จากไปกระทันหัน หรือ ทุพพลภาพถาวร)
2
เหตุการณ์ Critical Illness :
ไฟจากรายได้การทำงานต้องลดลงถาวรพร้อมหินถ่วงค่ารักษาก้อนใหญ่ตลอดชีพ (เมื่อสมาชิกไม่สามารถทำงานเดิมได้อีก จากสภาพร่างกายที่ถดถอยเปลี่ยนไปถาวร)
3
เหตุการณ์ illness :
ไฟจากรายได้การทำงานหายไปชั่วคราวพร้อมหินถ่วงค่ารักษาก้อนใหญ่ (เมื่อสมาชิกเจ็บป่วยเข้าผ่าตัด แต่ยังกลับมาทำงานเดิมได้)
4
เหตุการณ์ Retirement :
ไฟจากรายได้การทำงานหมดลง (เมื่อสมาชิกเกษียณจากการทำงาน)
5
เหตุการณ์ Education fee :
ไฟจากรายได้ถูกหินถ่วงก้อนใหญ่ (เมื่อสมาชิกต้องจ่ายค่าเล่าเรียนระดับสูง และค่าใช้จ่ายเพื่อให้สมาชิกเตรียมออกมาสร้างไฟครอบครัวตนเองต่อในอนาคต)
วิธีป้องกัน
การถูกลดฐานะทางการเงินได้
โดยสิ่งเดียวที่จะช่วยป้องกันได้ คือ การวางแผนเตรียมแหล่งจ่ายไฟสำรอง (หรือแหล่งเงินสำรองไว้) รองรับกับเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เหล่านี้
ซึ่งน่าจะเป็นทางแก้ไขที่ตรงจุดที่สุด..แต่ปัญหาก็คือ สมาชิกในครอบครัวมักโฟกัสเพียงแต่ไฟจากการทำงานหารายได้เท่านั้น มากกว่าที่จะวางแผนเตรียมไฟสำรองที่จำเป็นกันอย่างจริงจัง
ทำให้โดยส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่า ราคาของไฟสำรองที่ควรเตรียมการล่วงหน้านั้นมีราคาถูกกว่าไฟปกติอย่างมาก แถมยังได้รับดอกเบี้ย เงืนคืนภาษี กลับคืนมา
ซึ่งหากเตรียมการล่วงหน้าได้นานพอ ดอกเบี้ยกับเงินคืนภาษีที่ได้มานั้น มีโอกาสสูงที่จะมากกว่าราคาของไฟสำรองเสียอีก (เสมือนได้ไฟสำรองมาฟรี ๆ)
แต่..ด้วยเพราะความไม่รู้นี้เอง จึงไม่น่าแปลกใจที่สมาชิกในบอลลูนส่วนใหญ่ เลือกที่จะรอให้เกิดเหตุขึ้นก่อนแล้วค่อยหาไฟฉุกเฉินทีหลังมากกว่าการเตรียมไฟสำรองไว้ล่วงหน้า
ทั้งนี้ปัญหาใหญ่ของไฟฉุกเฉิน คือ ราคาของไฟฉุกเฉินจะแพงมากกว่าไฟสำรองอย่างมาก และยังตามมาด้วยหินถ่วงก้อนใหญ่ (ดอกเบี้ยเงินกู้) ที่พร้อมจะฉุดบอลลูนให้ลงไปยังชั้นที่ 2 หรือชั้นที่ 1 ได้ตลอดเวลา
จะเลือกเป็น
คนหมู่มาก
ที่ยอมจ่ายแพง
หรือ จะเลือกเป็น
คนส่วนน้อย
ที่จ่ายถูกกว่า
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เริ่มเห็นแล้วว่า สิ่งที่บอลลูนส่วนมากเลือกทำกันอยู่ในปัจจุบันนั้น เป็นเรื่องที่แปลก และคุณเองก็ไม่ต้องการที่จะเป็นหนึ่งในบอลลูนส่วนมากเหล่านี้
การเริ่มที่จะศึกษาเพื่อวางแผนการเตรียมไฟสำรองให้เหมาะสมกับบอลลูนของคุณมากที่สุดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก
โดยไฟสำรองนั้นมีหลายชนิดหลายขนาด การเตรียมไฟสำรองทั้งที่ยังไม่เข้าใจจะเป็นอันตรายอย่างมาก
เลวร้ายที่สุด..ไฟสำรองที่ได้มาอาจจะมีหน้าที่เพียงเพื่อปกป้องเงินที่ใช้ซื้อไฟสำรองมาเท่านั้น ไม่ได้ปกป้องไม่ให้บอลลูนล่วงลงไปชั้นที่น้อยกว่า แต่อย่างใด
ดังนั้นการเลือกซื้อไฟสำรอง จึงต้องเลือกซื้อด้วยความเข้าใจ (ไม่ใช่เพียงเพื่อได้เงินคืนภาษีอย่างเดียว)
หรือ ไม่ใช่ซื้อเพียงเพราะเชื่อในคำพูดคนขายที่ดูน่าเชื่อถือ ดูขายดี ลูกค้าเยอะ ซึ่งเป็นหลุมพรางที่เมื่อตกลงไป จะทำให้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ควรจะจ่าย
ชนิดของ
ไฟสำรอง
แบบต่าง ๆ
มีอะไรบ้าง
โดยขนาดและชนิดของไฟสำรอง (เงินสำรอง) นั้น จะขึ้นอยู่กับว่าจะนำไฟสำรองมาใช้รองรับในเหตุการณ์ใดบ้างต่อไปนี้
โดยไฟสำรองแบบนี้มักมีขนาดใหญ่ประมาณ 10-20 เท่าของรายได้ของเดอะแบกต่อปี และไฟสำรองขนาดใหญ่นี้มักจะมีระยะเวลา Stand by รอทำงานเพียง 10-20 ปี หรือจนถึงประมาณอายุ 60 ปีเท่านั้น
จึงทำให้ไฟสำรองแบบนี้ทำหน้าที่คล้ายกับประกันรถยนต์ที่จ่ายเงินชดเชยค่าซากรถที่ไม่สามารถซ่อมได้แล้ว เพียงแต่ไฟสำรองนี้จะเน้นไปที่บุคคล(แทนรถยนต์) โดยเฉพาะหากเกิดเหตุการณ์ที่บุคคลนั้นต้องจากไป หรือถูกตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรงแล้วทำงานต่อไม่ได้อีก ไฟสำรองนี้ก็จะทำหน้าที่เป็นเงินทดแทนรายได้ของบุคคลในอีก 10 - 20 ปีข้างหน้าได้นั่นเอง
ดังนั้นไฟสำรองแบบที่ 1 นี้ จะมีประโยชน์กับบอลลูนหรือครอบครัว ที่มีลูกอายุยังน้อยมากและไม่มีใครจะขึ้นมาทดแทนทำหน้าที่เป็นเดอะแบกแทนได้ในระยะเวลาสั้น ๆ
เป็นไฟสำรองหรือเงินสำรองที่มีขนาด 5 เท่าของรายได้ต่อปีของบุคคลนั้น ๆ เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวได้มีเวลาปรับตัวประมาณ 5 ปี ในการหารายได้ทดแทนหากบุคคลใดในครอบครัวได้จากไป หรือถูกตรวจพบโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง
โดยไฟสำรองลักษณะนี้มักจะ Stand by รอทำงานตลอดชีวิตและมีเงินเป็นมูลค่าสะสมอยู่ในไฟสำรองเองด้วย
ซึ่งเมื่อถึงจำนวนปีที่กำหนด มูลค่าของเงินที่สะสมไว้ก็จะสามารถเกินค่าตัวของไฟสำรองแบบนี้ได้ จึงทำให้ไฟสำรองแบบที่ 2 เป็นคล้ายกับการบังคับออมเงินในระยะเวลาที่กำหนดแล้วจะแถมไฟสำรองตลอดชีพฟรี เป็นค่าตอบแทนการออมเงินนี้
ที่สำคัญเงินที่ออมอยู่ในไฟสำรอง หากทำตามเงื่อนไขก็จะสามารถนำออกมาใช้ได้ด้วย โดยที่ไฟสำรองยังคง Stand by รอทำงานเหมือนเดิม
ดังนั้นไฟสำรองแบบนี้จึงเหมาะกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีสมาชิกที่มีศักยภาพพอที่จะทำงานสร้างรายได้ทดแทนสมาชิกที่จากไปหรือเป็นโรคร้ายแรง ได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ในปัจจุบันเมื่อต้องนอนรักษาตัวใน รพ.เอกชน มักจะมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทที่ไม่แตกต่างกับการถูกปล้นเท่าใดนัก
ไฟสำรองแบบที่ 3 นี้ จึงคล้ายกับประกันรถยนต์ที่เน้นจ่ายค่าซ่อมรถกรณีถูกเชี่ยวถูกชน ที่ต้องสูญเสียทั้งเวลาซ่อมและค่าซ่อมจำนวนมาก
โดยปัญหาของไฟสำรองรูปแบบนี้คือ ถ้าไม่รีบทำตอนที่สุขภาพยังแข็งแรงก็อาจจะทำไม่ได้อีกแล้ว
กับปัญหาที่ราคาของไฟสำรองแบบนี้จะสูงมากขึ้นทุกปีจนตอนเกษียนอาจไม่สามารถทำต่อได้ จึงจำเป็นต้องวางแผนเตรียมเงินเผื่อไว้ทำไฟสำรองแบบนี้ต่อในช่วงเกษียณด้วย เพราะจะประหยัดกว่าการออกค่ารักษาฉุกเฉินเองได้แน่นอน (หากค่ารักษาในรพ. ยังเพิ่มมากขึ้นทุกปีอยู่แบบนี้)
เป็นไฟสำรองที่ทำหน้าที่เป็นรายได้ในทุก ๆ ปีตั้งแต่วันที่เกษียณเป็นต้นไป จึงทำให้แม้รายได้จากการทำงานจะลดลงลงหรือไม่มีรายได้จากการทำงานแล้ว แต่บอลลูนก็ยังคงลอยต่อไปได้ไม่ล่วงหล่นลงมายังชั้นที่ต่ำกว่า
ไฟสำรองแบบนี้ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาราคาไฟสำรองที่แพงขึ้นตามอายุของไฟแบบที่ 3 ได้อีกด้วย แต่ราคาของไฟสำรองแบบที่ 4 นี้สูงพอสมควร หากเลือกทำไม่ดีอาจได้ไฟสำรองที่ราคาแพงกว่าที่ควรจะเป็นถึงหลักล้านบาทได้!!!
เป็นไฟสำรองที่คล้ายกับไฟสำรองที่ทดแทนรายได้ 5 ปี เพียงแต่จะใช้เพื่อมาแทนเงินเก็บตามจุดประสงค์ที่ต้องการเท่านั้น จึงเสมือนเป็นการบังคับให้ออมเงินหรือเก็บเงิน แลกกับผลประโยชน์ที่สามารถเลือกได้แบบต่าง ๆ
ทำให้ปัญหาของไฟแบบที่ 5 จะเป็นการพิจารณาเลือกผลประโยชน์ที่ได้จากการบังคับออม เช่น ได้เงินเก็บที่สูงมากขึ้นจากเป้าหมายหรือได้เงินเก็บตามเป้าหมาย แต่ระหว่างเก็บเงินจะมีไฟสำรองขนาดใหญ่กว่าเงินเก็บหลายเท่า Stand by รอทำงานอยู่ หากผู้เก็บเงินต้องจากไปกระทันหัน เป็นต้น
7 คำถามสำคัญ
ที่ควรถามตนเอง
ก่อนเลือกหาไฟสำรอง
ตัวคุณเอง
คือ ที่พึ่งสำคัญที่สุด สำหรับการวางแผนไฟสำรองนี้
จะเห็นว่า ตัวคุณเองจะเป็นคนที่ตอบได้ว่า ไฟสำรองแบบใดจะจำเป็นกับคุณบ้าง และคุณต้องหาความรู้เรื่องใดเพิ่มเติมอีก ไม่ใช่เพียงแค่ตามหาพ่อค้าแม่ค้าที่ขายไฟสำรองมาบอกว่าคุณเหมาะกับอะไรเท่านั้น
เพราะอย่างไฟสำรองแบบที่ 3 (ค่ารักษา) นั้นมีรายละเอียดและเงื่อนไขในการใช้งานเยอะอย่างมาก การให้พ่อค้าแม่ค้าเลือกให้ตามงบประมาณ หรือดูเพียงราคาอย่างเดียวโดยไม่ทราบเลยว่าไฟสำรองแบบที่ 3 นี้ ควรต้องทดแทนค่ารักษาที่จำเป็นใดๆ บ้างนั้น จะอันตรายมาก ๆ
เพราะสุดท้ายแล้วทุกอย่างต้องเป็นไปตามเงื่อนไขการใช้งาน ไม่ใช่เพียงที่พ่อค้าแม่ค้าแนะนำหรือโฆษณาใด ๆ
หรืออย่างไฟสำรองแบบที่ 4 (บำนาญ) หากเข้าใจและเลือกให้เหมาะสมกับจุดประสงค์การใช้งาน ไม่ได้เลือกเพียงเพราะภาพลักษณ์ของพ่อค้าแม่ค้า
ก็จะทำให้มีโอกาสได้บำนาญเท่ากันแต่ประหยัดเงินได้กว่าหลักล้านขึ้นไปเลยได้ นี้จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่คุณจำเป็นต้องยอมเสียสละเวลาทำความเข้าใจไฟสำรองเหล่านี้
ไม่ใช่เพียงการค้นหาพ่อค้าแม่ค้าที่มีภาพลักษณ์ดีแล้วใช้เงินแก้ปัญหาทันที เพราะส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้นมีโอกาสสูงถึงหลักล้าน และบางอย่างไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้อีก
ทุกอย่างเริ่มต้น..ที่
การเรียนรู้ทำความเข้าใจ
อย่างที่กล่าวมาเบื้องต้นว่า สิทธิลดหย่อนภาษีของไฟสำรอง ไม่ว่าจะเป็น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันบำนาญ และกองทุนรวม RMF/SSF/PVD/กบข. นั้น
หากใช้ 7 คำถาม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกับความเข้าใจในบทบาทของไฟสำรองแบบต่างๆ แล้ว
สิทธิลดหย่อนภาษีเหล่านี้จะสามารถทำให้บอลลูนของคุณยังลอยอยู่ในชั้นฐานะทางการเงินเดิมได้แน่นอนทั้งในปัจจุบัน ในยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด และในอนาคต (ยามเกษียณ)
มากกว่าที่จะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างขาดเป้าหมาย หรือเป้าหมายเพียงระยะสั้นว่าเสียภาษีน้อยที่สุด จนสุดท้ายได้ใช้เพียงฟังก์ชันที่เล็กที่สุดของไฟสำรอง คือเพียงการเก็บเงินและปกป้องเงินเก็บเท่านั้น
ทำให้มักจะลงเอยที่ระหว่างปีได้เงินคืนออกมาจากไฟสำรองเท่าใดก็หมด เงินคืนภาษีที่ได้มาก็หมด ครบกำหนดสัญญาการเก็บเงิน ได้เงินเก็บก้อนใหญ่ออกมาก็หมด หรือไม่ก็เป็นหนี้เพราะนำไปดาวน์ของชิ้นใหญ่ที่ต้องการจนหมด
ในขณะที่หากใช้สิทธิลดหย่อนภาษีนี้เป็นและอย่างมีประสิทธิภาพ มีโอกาสสูงที่จะส่งผลให้
1
มีประกันสุขภาพแบบที่เพียงพอต่อค่ารักษามะเร็งในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงครอบคลุมวิธีการรักษาแบบใหม่ล่าสุด
2
สามารถจ่ายเบี้ยสุขภาพได้จนอายุครบ 99 ปี
4
เจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด มีเงินก้อนหลักล้านถึงสิบล้านดูแลบอลลูนได้ทันที
'คุณ'
เข้าใจเครื่องมือ
สำคัญกว่า 'ใคร' ขายเครื่องมือ
ด้วยความแตกต่างกันอย่างมาก ระหว่าง "การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ" กับ "การใช้เพื่อจ่ายภาษีน้อยลง"
จึงเป็นที่มาที่ทาง Release your Risk ได้จัดทำบทความและเครื่องมือในการคำนวณขึ้นมา เพราะเราเห็นว่า ความเข้าใจที่จับต้องได้พร้อมระยะเวลาให้ได้พิจารณาทำความเข้าใจ
จะเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับการเลือกใช้เครื่องมือการเงินได้อย่างเหมาะสม
เราจึงเน้นที่ การให้ความรู้และเครื่องมือคำนวณ ที่ทำให้เห็นภาพเปรียบเทียบจับต้องได้
แทนการสร้างภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือว่า.. เราคือใคร ขายดีเพียงไหน ฐานะดีขึ้นเพียงใด ประสบความสำเร็จอะไรมาบ้าง
เพราะสุดท้ายเมื่อถึงเวลาใช้เครื่องมือการเงิน ภาพลักษณ์เหล่านี้จะไม่ได้ช่วยอะไรเลย ในขณะที่ความเข้าใจจะช่วยตั้งแต่ตอนเลือกซื้อ..ไม่ใช่เพียงตอนการใช้งานเท่านั้น
สิทธิลดหย่อนภาษีเท่ากัน
แต่ผลลัพธ์สุดท้ายไม่เท่ากัน
ดังนั้น สิ่งเดียวที่ทางเราอยากจะขอ..เมื่อเริ่มสนใจหาซื้อเครื่องมือลดหย่อนภาษีเหล่านี้
เราอยากขอให้ อย่าซื้อเพราะซื้อตามคนสนิท อย่าซื้อเพราะเพียงดูน่าเชื่อถือ หรือแม้แต่อย่าซื้อเพราะเชื่อตามบทความของทางเรา
เพราะในความเป็นจริง ชีวิตของทางตัวแทนหรือตัวเราเองก็หนีไม่พ้น 5 เหตุการณ์อันตรายในชีวิต การจะพึ่งตัวแทนไปตลอดชีวิตจึงเป็นได้ยากอย่างมาก
แต่หากซื้อเพราะเชื่อใจตัวแทนที่เข้าใจสัญญาฝ่ายเดียว และหากตัวแทนเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นหรือจากไป ความเข้าใจในเงื่อนไขของสัญญาก็จะจากไปพร้อมกับตัวแทน
ดังนั้นการเข้าใจในสัญญาที่ทำด้วยตนเอง จึงเป็นที่พึ่งพิงได้ตลอดทั้งอายุสัญญา มากกว่าที่จะฝากความเข้าใจให้อยู่กับตัวแทนเพียงฝ่ายเดียว
และนี้คือ 7 วิธีการเลือกใช้งานเครื่องมือการเงิน ที่ทางเราอยากให้ได้เริ่มทำความเข้าใจ ก่อนที่จะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและรองรับกับ 5 เหตุการณ์ร้ายได้
จุดเริ่มต้นครั้งสำคัญ
เมื่อคุณผู้อ่านอ่านมาถึงจุดนี้ จะเริ่มเห็นภาพชัดขึ้นว่า
การวางแผนเก็บเงินและเกษียณอย่างจริงจัง เริ่มขึ้น เมื่อเข้าใจ..
วิธีใช้ธรรมชาติของเครื่องมือการเงินที่จำเป็นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
"ตน (ในปัจจุบัน) จักเป็นที่พึ่งของตน (ในอนาคต)"