อะไรคือสิ่งที่จำเป็นที่สุด ที่ทุกครอบครัวควรต้องทำการผ่อนค่าใช้จ่ายในสิ่งนี้ล่วงหน้าทุกปี
คำตอบของคำถามนี้ จะพบได้ก็ต่อเมื่อเริ่มทำบัญชีงบรายรับจ่ายตลอดทั้ง 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี หรือจนถึงอายุ 60 ปีตอนเกษียณ ซึ่งจะทำให้ตระหนักได้ว่า มีภาระอะไรรออยู่ในอนาคตบ้าง และควรจะจัดการกับภาระเหล่านั้นอย่างไร
⦿ ภาระค่ารักษาในโรงพยาบาลก่อนจากไป.. หลักหมื่นถึงแสน
⦿ ภาระค่าจัดการฌาปนกิจจนถึงการลอยอังคาร.. หลักแสน
⦿ ภาระค่าหนี้สินต่าง ๆ ที่คุณหรือคนในครอบครัวมีอยู่ กับอาจได้ค้ำประกันเอาไว้.. หลักแสนหลักล้าน
⦿ ภาระค่าดำเนินการทางกฎหมายทั้งหมดระหว่างรอการจัดการมรดกและหนี้สิน.. หลักแสน
⦿ ภาระค่าใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็นของครอบครัว 3-5 ปี เพื่อให้ครอบครัวมีเวลาปรับตัว.. หลักล้านหลักสิบล้าน
⦿ ภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาให้กับคนในครอบครัว.. หลักล้าน
หนึ่งในรูปแบบของปัญหาที่ หากยังไม่เปิดใจและนึกถึง ก็จะไม่รู้ว่าหนักหนาเพียงใด
ซึ่งนั่นจะทำให้ครอบครัวหรือคุณเองต้องมึนงงไปพักใหญ่ อาการทั้งเสียใจต่อการจากไปที่ไม่มีวันหวนกลับ บวกกับอาการที่ต้องรับรู้ภายหลังว่า ครอบครัวมีภาระที่หนักมากเพียงใดที่ทิ้งไว้ให้ต้องรับผิดชอบ
ทุกอย่างจะดูสับสนและมึนงง กว่าที่ครอบครัวหรือคุณจะตั้งหลักได้ก็จำเป็นต้องใช้เวลา แต่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ หรือแม้แต่ดอกเบี้ยยังคงเดินต่อไปไม่ได้รอให้ครอบครัวหรือคุณตั้งหลักขึ้นมาได้ก่อนเลย
เพราะสภาพคล่องอาจหามาไม่ได้ง่าย ๆ และการกันเงินสดก้อนใหญ่ไว้จนสภาพคล่องล้นทำให้เสียโอกาส
◤ วิธีการแก้ปัญหาภาระที่ถูกทิ้งไว้ให้ครอบครัวต้องช่วยกันดูแลต่อนั้น แบบพื้นฐานที่สุด คือครอบครัวต้องกันเงินสดก้อนเท่ากับที่ภาระนั้นไว้ ข้อดีคือ ทำให้มีสภาพคล่องเอาเงินออกมาใช้ได้ทันที แต่ข้อเสียคือ ยิ่งเงินก้อนใหญ่มากสภาพคล่องก็ยิ่งล้นและเสียโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนไปฟรี ๆ กับเงินสดที่ไม่ทราบว่าจะถูกใช้ตอนไหน
◤ หรือ คุณอาจไม่กันเงินไว้แต่หาทางออกโดยการขายทรัพย์สินที่มีอยู่ แต่ก็อาจขายออกไม่ง่ายนัก หรือจำเป็นต้องขายขาดทุน ที่สำคัญจะไม่สามารถขายทรัพย์สินที่มีชื่อของผู้ที่จากไปได้.. ต้องทำเรื่องจัดการมรดกให้เรียบร้อยก่อนซึ่งอาจใช้เวลาตั้งแต่ 1-6 เดือนขึ้นไป
◤ หรือการต้องเอาบ้านไปจำนอง ก็ทำให้เกิดหนี้ก้อนใหม่ขึ้นมาแทน แต่ก็เพื่อสามารถยืดระยะเวลาให้ได้หายใจ เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนเท่านั้น
◤ ยังไม่นับรวม หากคนในครอบครัวที่จากไปนั้น เป็นหัวใจสำคัญของกิจการบางอย่าง ทั้งเรื่องหนี้และค่าใช้จ่ายของกิจการก็จะกระหน่ำซ้ำลงมาอีกรอบ
◤ และการจะนำเงินออกจากกิจการก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หากกรรมการมีเฉพาะชื่อของผู้ที่จากไปเท่านั้น รวมถึงกิจการไม่ได้วางแผนตั้งรับเอาไว้ล่วงหน้า
เพียงเปลี่ยนจากรอแล้วค่อยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า.. มาเป็นการเตรียมการแก้ปัญหาล่วงหน้า
ทางออกที่ดีที่สุดของปัญหานี้ ถ้าให้พูดให้สั้นที่สุดก็คือ “เงินสด” เพราะเป็นสิ่งเดียวที่มีความคล่องตัวในการแก้ปัญหามากที่สุด
▍แต่เงินสดนั้นก็ต้องอยู่ในรูปแบบที่ เอาออกมาใช้ได้ง่าย ไม่ต้องไปศาลเพื่อจัดตั้งผู้จัดการมรดก และต้องไม่ถูกเจ้าหนี้เข้าไปยึดได้ก่อนคนในครอบครัว
จึงทำให้เครื่องมือการเงินเดียวที่สามารถตอบโจทย์นี้ เป็นลักษณะของ การทำสัญญาผ่อนจ่ายล่วงหน้าในเงินก้อนใหญ่ ที่หากต้องจากไปกระทันหัน.. ก็จะได้เงินก้อนนี้ให้กับคนในครอบครัวตามที่ผ่อนล่วงหน้ากันไว้แล้ว
ซึ่งสามารถเรียกสัญญารูปแบบนี้ได้ว่าเป็น การทำสัญญาประกันชีวิต นั่นเอง โดยเงินที่มาจากประกันชีวิต ในความจริงจะไม่นับว่าเป็นเงินมรดกตกทอด แต่เป็นเงินที่บริษัทประกันสัญญาว่าจะนำให้กับผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เท่านั้น เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิมายึดเงินในส่วนนี้ออกไปได้
ทำให้สามารถนำเงินจากสัญญารูปแบบนี้ ไปวางแผนจัดสรรเพื่อแก้ไขปัญหาภาระต่าง ๆ ที่จำเป็นได้ก่อนเจ้าหนี้ เพื่อช่วยให้คุณและคนในครอบครัวได้หายใจหายคอสะดวกขึ้นในระหว่างที่รอการดำเนินการต่าง ๆ ด้านกฏหมายมรดก
▍จากรูปจะเห็นได้ชัดเจนว่า การทำสัญญาผ่อนล่วงหน้านี้จะช่วยให้ประหยัดได้มากกว่าพอสมควร และที่สำคัญที่สุดเป็นสิ่งที่ช่วยให้สบายใจว่าคุณได้ร่วมรับผิดชอบภาระที่จะเกิดขึ้นของตนเอง.. ไม่ได้ผลักภาระทั้งหมดนี้ให้ครอบครัว
การเตรียมการแก้ปัญหาล่วงหน้าทำได้อย่างไร
เมื่อเห็นภาพถึงความสำคัญของการผ่อนล่วงหน้าในภาระของแต่ละคนในครอบครัวแล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือ การเลือกสัญญาการผ่อนล่วงหน้านี้อย่างถูกต้อง และเหมาะสมกับความต้องการที่แท้จริง
โดยจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ใช้ในการคำนวณการผ่อนล่วงหน้านี้ให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกรูปแบบสัญญา รวมไปถึงระยะเวลาที่สามารถนำวงเงินไปใช้ได้หากจากไป ว่าจะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนเกษียณ หรือ เป็นแบบตลอดชีวิต
▍อัตราดอกเบี้ยเป็นได้ทั้งมิตร และเป็นได้ทั้งศัตรู
ในการกู้เงิน แล้วผ่อนจ่ายหนี้ภายหลังนั้น ยิ่งดอกเบี้ยแพงมากเท่าใด.. ก็ยิ่งทำให้ต้องผ่อนเยอะขึ้นหรือผ่อนนานขึ้นเท่านั้น
เพราะเป็นการคิดมูลค่าเงินตามเวลาจากปัจจุบันที่กู้เงิน ไปยังอนาคตที่ดอกเบี้ยเงินผ่อน จะทบต้นไปข้างหน้าเรื่อย ๆ
แต่ถ้าเป็นการผ่อนล่วงหน้านั้นจะตรงข้ามกัน โดยจะเป็นการคิดมูลค่าเงินตามเวลาจากอนาคตที่จะกู้เงินย้อนกลับมาที่ปัจจุบันที่ผ่อนจ่ายล่วงหน้าแบบดอกเบี้ยทบต้นย้อนกลับ
ทำให้หากดอกเบี้ยยิ่งมีผลตอบแทนสูง ก็ยิ่งทำให้เงินที่ต้องผ่อนล่วงหน้าในปัจจุบันยิ่งลดลงไปด้วยนั้นเอง
วิธีเลือกเครื่องมือการเงินที่ไว้ผ่อนค่าภาระล่วงหน้า
เครื่องมือทางการเงินที่ใช้ปกป้องความมั่งคั่งนี้ก็คือ สิ่งที่คุณกับครอบครัวอาจคุ้นเคยกันอยู่เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือ "ประกันชีวิต" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีมานานหลักร้อยปีในประเทศไทย
แต่มักถูกวิธีการอธิบายที่เน้นเพียงการปิดการขาย หรือการไม่อธิบายทุกข้อมูล เพราะอาจจะทำให้เข้าใจยากและเป็นกำแพงให้ไม่สามารถปิดการขายได้
ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้คุณกับครอบครัวเข้าใจผิดหรือถูกหลอก แล้วได้เครื่องมือทางการเงินที่ไม่ตรงกับความต้องการ หรือไม่สามารถจะปกป้องภาระของครอบครัวได้จริง จะสามารถทำความเข้าใจโครงสร้างของเบี้ยประกันชีวิตที่จ่ายไปถูกนำไปใช้อะไรบ้างในประกันชีวิตแต่ละรูปแบบดังลิงกด้านล่างนี้ค่ะ
คลิก ประกันชีวิตแบบไหนดี
การวางแผนเก็บเงินและเกษียณอย่างจริงจัง เริ่มขึ้น เมื่อเข้าใจ..
วิธีใช้ธรรมชาติของเครื่องมือการเงินที่จำเป็นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
"ตน (ในปัจจุบัน) จักเป็นที่พึ่งของตน (ในอนาคต)"