ประวัติการรักษาและผลตรวจสุขภาพแบบใด ที่ BLA จะไม่สามารถรับทำประกันสุขภาพได้
การสมัครทำประกันสุขภาพแบบถูกต้องนั้น "ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย"
- และจะเป็นเรื่องยากมากขึ้นไปอีก หากผู้สมัครทำประกันไม่พร้อมให้เวลาในการศึกษาทำความเข้าใจ ในข้อมูลแบบประกัน ในหมวดความคุ้มครองต่าง ๆ ที่ทางเราเน้นให้ความสำคัญและให้เวลาเป็นอย่างมากในการจัดเตรียมข้อมูล บทวิเคราะห์ต่าง ๆ ไว้เรียบร้อย (เหมือนอย่างที่ทางเราเคยอยากได้ข้อมูลเหล่านี้ตอนที่ค้นหาแบบประกันสุขภาพที่จะสมัครเองในอดีตแต่ไม่สามารถหาได้) โดยอยากให้การสมัครทำประกันสุขภาพเป็นไปด้วยความเข้าใจ ไม่ต้องการให้มีปัญหาความขัดแย้งจากการไม่ทราบมาก่อนเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง
- ด้วยเหตุนี้ทางเราซึ่งเป็นตัวแทนจึงต้องให้บริการ (ตามหน้าที่ที่ควรเป็น) ด้านข้อมูลที่จำเป็นของสัญญาระยะยาวอย่างประกันสุขภาพนี้ให้ครบถ้วน โดยไม่เสี่ยงเอาง่ายและเร็วเข้าแลก ไม่ว่าจะเป็น บทวิเคราะห์ เงื่อนไข ข้อควรระวัง การเคลม ข้อยกเว้นความคุ้มครอง สัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองที่ควรมี (เนื่องจากประกันสุขภาพไม่ได้ตอบโจทย์ทุกอย่าง)
- รวมถึงตัวแทนควรต้องแนะนำการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทำประกันสุขภาพ โดยเฉพาะกับผู้ที่มีประวัติการรักษา ที่เคยได้ตรวจสุขภาพอย่างละเอียด พร้อมอธิบายผลการพิจารณาที่สามารถเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า เพื่อเป็นการประหยัดเวลาของการยื่นสมัครทำประกันหากไม่โอเคกับผลที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรก
- โดยเมื่อป่วยบาดเจ็บเข้า รพ. แน่นอนว่า รพ. จะถามเสมอว่ามีประกันสุขภาพหรือไม่ แต่เวลาไปตรวจสุขภาพ รพ. กลับไม่เคยถามเลยว่า มีประกันสุขภาพแล้วหรือยัง ซึ่งอันตรายอย่างมาก เพราะถ้าผลตรวจออกมามีปัญหา อาจส่งผลให้ไม่สามารถทำประกันสุขภาพได้อีกเลย หรือ อาจต้องไปตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติมในราคาที่สูงขึ้นอีก แล้วสุดท้ายต้องถูกยกเว้นความคุ้มครองในส่วนนั้น เพราะถือว่าเป็นมาก่อนทำประกันสุขภาพ
- ดังนั้นหากผู้สมัครทำประกันสุขภาพยังไม่พร้อมศึกษาข้อมูลจำนวนมาก ไม่พร้อมขอประวัติการรักษาเอง ไม่พร้อมเช็คหรือยอมรับว่ามีประวัติการรักษาว่าส่วนใดที่อาจมีปัญหาเกิดขึ้นได้บ้าง ทางเราหรือตัวแทนที่เน้นให้ข้อมูลสำหรับทำประกันสุขภาพอย่างถูกต้องอาจจะยังไม่เหมาะกับผู้สมัครที่ขาดเวลาและความพร้อมนี้ เพราะจะเป็นการสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้กับผู้สมัครได้อย่างมาก
- และ ด้วยข้อมูลสำคัญนั้นมีปริมาณมากทางเราจึงเลือกจัดทำข้อมูลเป็นบทความไว้ในเว็บไซต์ เพราะไม่สามารถถ่ายทอดผ่านทางการพูดคุยได้อย่างครบถ้วนโดยไม่ตกหล่นได้ใหม่ทุกครั้ง ซึ่งการที่ผู้สมัครได้อ่านข้อมูลในเว็บไซต์ก่อน แล้วจึงค่อยสอบถามในประเด็นที่ยังสงสัย จะช่วยให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนมากกว่าการพูดคุยแบบที่ยังไม่ได้อ่านข้อมูลใด ๆ มาก่อนเลย
- ที่สำคัญการที่ผู้สมัครได้ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในแต่ละขั้นตอนของการทำประกันสุขภาพที่ทางเราได้จัดเตรียมข้อมูลและแจ้งล่วงหน้าไว้ก่อนนั้น จะช่วยให้ผู้สมัครลดความหงุดหงิดใจกับการสมัครทำประกันสุขภาพได้อย่างมาก และยังช่วยให้บทสนทนาเป็นไปได้ด้วยบรรยากาศที่ดี (ซึ่งทางเราเลือกผู้สมัครที่จะให้บริการด้วยประเด็นนี้ร่วมด้วย) และ เข้าใจได้ว่าการทำประกันสุขภาพนั้น บริษัทจะคัดเลือกผู้สมัครที่ประวัติขาวสะอาดเป็นหลัก หรือยิ่งไม่มีประวัติการรักษาได้ยิ่งดี แต่ถ้าหากมีประวัติการรักษา/ผลตรวจสุขภาพบางอย่างที่ไม่ขาวสะอาดแล้ว ก็อาจจำเป็นต้องถูกยกเว้นความคุ้มครองในส่วนที่ไม่ขาวสะอาดนั้น เว้นแต่มีประวัติใหม่ที่มาทำให้ขาวสะอาดแทนของเดิมได้
ทำไมการสมัครทำประกันสุขภาพ "ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย"
เนื่องจากประกันสุขภาพเหมาจ่ายของ BLA จะรับภัยร่วมกับบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศร่วมด้วย ทำให้เกณฑ์การรับทำประกันสุขภาพจะไม่ได้ถูกกำหนดจาก BLA อย่างเดียว แต่จะถูกกำหนดจากบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศร่วมด้วย
โดยเฉพาะประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองสูงอย่าง Prestige Health ปลดล็อค จะมีเงื่อนไขในการพิจารณาที่เข้มงวดอย่างมาก เช่น ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทางเราเคยส่ง Prestige Health ปลดล็อค 10 เคส ได้ถูกปฏิเสธรับทำประกัน 7 เคส ผู้สมัครทำประกันไม่ตอบรับข้อเสนอยกเว้นคุ้มครองโรคที่เป็นหรือมีความเสี่ยงมาก่อนสมัคร 2 เคส และ ผู้สมัครทำประกันไม่ตอบรับข้อเสนอเพิ่มเบี้ยรับความเสี่ยงอีก 1 เคส
ซึ่งการที่ทางเราเจอเคสลักษณะนี้บ่อยครั้ง อาจด้วยเพราะทางเรายังไม่ได้ทำการตลาดใด ๆ เพิ่มเติม นอกจากทางเว็บไซต์เป็นหลัก ดังนั้นผู้สมัครทำประกันที่ Google เจอเรา จึงมักมาจากการเริ่มสนใจประกันสุขภาพด้วยเพราะมีประวัติการรักษาบางอย่าง หรือ มีผลตรวจสุขภาพบางอย่างมาเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นเพื่อลดระยะเวลาที่อาจต้องสูญเสียไปให้ได้มากที่สุด กับความเข้มงวดในการพิจารณาของ BLA และ บริษัทรับประกันภัยต่อ ทางเราจึงต้องขอให้ท่านที่จะสมัครทำประกันสุขภาพกับทางเราและมีประวัติการรักษาหรือผลตรวจสุขภาพอยู่ใน รพ. ใด โดยเฉพาะที่เป็นสาระสำคัญ ได้ทำการเตรียมพร้อมก่อนยื่นสมัครทำประกันสุขภาพดังต่อไปนี้
- ขอให้ท่านดำเนินการเตรียมไฟล์ PDF ประวัติการรักษา กับ ผลตรวจสุขภาพในรอบ 5 ปี เพื่อใช้แนบพร้อมกับการสมัครทำประกันสุขภาพ (หากผลตรวจสุขภาพหายสามารถขอประวัติการรักษาจาก รพ. ที่ได้ไปตรวจสุขภาพแทนได้) เพื่อที่หากทาง BLA ไม่รับ หรือ รับแบบมีข้อเสนอ จะสามารถตรวจสอบกับประวัติการรักษาที่มีอยู่ได้ รวมถึงสามารถส่งประวัติไปสมัครกับบริษัทประกันอื่นต่อได้ทันที เพื่อเปรียบเทียบข้อเสนอ
- ในกรณีที่ไฟล์ PDF มีขนาดใหญ่กว่า 5mb และ ติดรหัสผ่าน จะสามารถส่งให้ทางเราเตรียมไฟล์ให้ได้
- ในกรณีที่มีเป็นเอกสาร ทางเราจะแนะนำให้ใช้บริการร้านถ่ายเอกสารช่วยทำการสแกนสีเป็นไฟล์ PDF ให้
- ขอให้ท่านทำความเข้าใจบทความนี้ว่า มีประวัติการรักษา หรือ ผลตรวจสุขภาพแบบใด ที่ทาง BLA จะไม่รับทำประกันสุขภาพก่อนที่จะพิจารณาแบบประกันสุขภาพของ BLA หรือแม้แต่การยื่นสมัคร เพื่อที่จะไม่ต้องรอให้ BLA คืนเบี้ยหากไม่รับทำประกัน (BLA จะเริ่มพิจารณาใบคำขอสมัครทำประกันได้ ก็ต่อเมื่อมีการชำระเบี้ยเข้ามาแล้วเท่านั้น เว้นแต่เบี้ยมากกว่า 50,000 บ. ขึ้นไป จะสามารถพิจารณาได้โดยยังไม่ต้องชำระเบี้ยเข้ามาก่อน)
"ผลตรวจสุขภาพ" ที่เป็นปัญหาต่อการทำประกันสุขภาพ

- หากมีการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี หรือ
- เคยแอดมิตเป็นผู้ป่วยใน (โดยเฉพาะมี "การผ่าตัด" ซึ่งจะมีการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดเพื่อประเมินความพร้อมในการผ่าตัด) หรือ
- เคยซื้อและใช้งานแพ็คเกจตรวจสุขภาพอย่างละเอียดหลักหมื่น ที่มีการฉายภาพต่าง ๆ เช่น Echo Ultrasound CT-Scan MRI หรือ เครื่องมือพิเศษต่าง ๆ ในการตรวจสุขภาพ รวมถึงการส่องกล้องต่าง ๆ
ซึ่งการตรวจสุขภาพเหล่านี้ทั้งหมดล้วนนำไปสู่การเห็นปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพในอนาคตทั้งสิ้น แม้ว่าแพทย์จะระบุว่าไม่ได้เป็นอะไร และ ยังไม่ต้องรักษาอะไรในปัจจุบันก็ตาม
เนื่องจากในแง่มุมของแพทย์ฝ่ายพิจารณารับทำประกันจะมองที่ประเด็นความเสี่ยงในอนาคตเป็นหลัก (เมื่อเทียบกับคนที่ไม่มีผลตรวจสุขภาพใด ๆ หรือ ผลตรวจสุขภาพเป็นปกติจริง ๆ) ในขณะที่แพทย์ฝ่ายรักษาจะดูที่ความจำเป็นของการรักษาในปัจจุบันเป็นหลักเท่านั้น
จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อนตรวจสุขภาพโดยเฉพาะที่มีการฉายภาพขั้นสูง จะจำเป็นต้องรีบทำประกันสุขภาพก่อนเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ในประวัติการรักษา ที่อย่างไรแล้วพออายุถึงจุด ๆ หนึ่ง หากตรวจสุขภาพย่อมมีโอกาสเจอความผิดปกติ หรือ ปัจจัยเสี่ยงได้อย่างแน่นอน (ไม่ตรวจ ไม่เจอ ไม่มีหลักฐาน)
โดยสิ่งที่ต้องระวังในผลตรวจสุขภาพจะมีดังต่อไปนี้




- ค่าดัชนีมวลกาย หรือ ค่าความดันทั้งค่าบนล่าง หรือ ค่าน้ำตาล หรือ ค่าไขมันทั้งหมด อยู่ในเกณฑ์สีแดง จะไม่สามารถรับทำประกันสุขภาพได้ (แต่บางค่าอาจรับทำประกันชีวิตได้เพิ่มเบี้ยรับความเสี่ยง)
- ค่าความดันเกินเกณฑ์อ้างอิง เพราะสามารถทำให้ถูกเพิ่มเบี้ยได้ตั้งแต่ 25% ขึ้นไป (โดยหากต้องทานยาร่วมด้วย เบี้ยจะเพิ่มได้ตั้งแต่ 50% ขึ้นไปหากควบคุมความดันได้ แต่หากควบคุมไม่ได้ BLA จะไม่รับทำประกันสุขภาพ)
- ค่าน้ำตาลสะสมเข้าเกณฑ์มีอาการเบาหวาน (หากเข้าเกณฑ์ BLA จะไม่รับทำประกันสุขภาพ)
- ค่าการทำงานของไต eGFR ต่ำกว่า 90 รวมค่าอื่น ๆ ที่บ่งชี้ถึงการทำงานของไต (หากต่ำกว่าเกณฑ์ BLA จะไม่รับทำประกันสุขภาพ)
- ค่าการทำงานของตับ AGT AST GOT บ่งชี้ว่าตักอักเสบอย่างมาก (หากมีข้อบ่งชี้ BLA จะไม่รับทำประกันสุขภาพ หรือ รับแบบเพิ่มเบี้ยรับความเสี่ยง หรือ ยกเว้นความคุ้มครองตับ)
- ค่าการทำงานที่เกี่ยวข้องกับต่อมไทรอยด์มีค่าผิดผิดปกติ (หากไม่ปกติ BLA จะรับทำประกันสุขภาพ โดยยกเว้นต่อมไทรอยด์ หรือ หากผิดปกติมากอยู่ระหว่างการรักษา จะมีการเพิ่มเบี้ยรับความเสี่ยง)
- มีค่าทางสุขภาพที่น้อยหรือเกินเกณฑ์อ้างอิง ที่แพทย์แนะนำให้ตรวจหาสาเหตุ แต่ยังไม่ได้ตรวจ Follow up ต่อ (BLA จะขอให้ตรวจ Follow up หาสาเหตุให้เรียบร้อยก่อน โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นค่าที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง อย่างไรก็ตามค่าบางอย่างหาสาเหตุได้ยากและต้องจ่ายแพงกว่าค่าตรวจสุขภาพหลายเท่า ทำให้อาจต้องเฝ้ารอให้ค่าเหล่านี้กลับมาเป็นปกติเอง)
- มีการตรวจพบ เลือด/น้ำตาล/โปรตีน ในปัสสาวะ หรือ เลือดในอุจจาระ (หากตรวจพบและยังไม่ได้ Follow up หาสาเหตุ อาจจะต้องมีผลตรวจ Follow up หาสาเหตุมาเรียบร้อยก่อนการสมัครประกันสุขภาพ หรือ ผลตรวจใหม่ที่ไม่มีแล้ว)
- ผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG ที่ผิดปกติ หรือ ผล Echo แสดงถึงภาวะหัวใจโต/หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือ มีการตรวจเห็นการตีบของเส้นเลือด (หากมีผลตรวจเหล่านี้ BLA จะไม่รับทำประกันสุขภาพ)
- มีผลตรวจใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการทำงานของสมอง หรือ เนื้องอกในสมอง หรือ เส้นเลือดสมอง หรือ ระบบประสาท (หากมีผลตรวจเหล่านี้ BLA จะไม่รับทำประกันสุขภาพ)
- มีค่าดัชนีมวลกายที่อยู่นอกเกณฑ์อ้างอิง เช่นน้อยกว่า 18 หรือ มากกว่า 35 ในอายุ 20 ปีเป็นต้นไป (หากอยู่นอกเกณฑ์ BLA จะไม่รับทำประกันสุขภาพ)
- มีการตรวจฉายภาพใด ๆ Ultrasound CT MRI รวมถึงการส่องกล้อง ที่พบปัจจัยเสี่ยง เช่น ก้อนเนื้อดี ติ่งเนื้อ ถุงน้ำ ความหนาของผนังมดลูก ไขมันพอกตับ กระดูกเสื่อม (หากมีจะนำไปสู่การยกเว้นความคุ้มครองการตรวจกับการรักษารวมถึงอาการสืบเนื่อง โดยในส่วนไขมันหรือค่าที่เกี่ยวข้องกับไขมัน อาจส่งผลต่อการเพิ่มเบี้ยรับความเสี่ยงได้)
- มีการตรวจชิ้นเนื้อแล้วไม่มีการแนบผลมาด้วย (หากมีการตรวจชิ้นเนื้อแล้วไม่มีผลการตรวจจะไม่สามารถพิจารณาได้ จนกว่าจะส่งผลการตรวจชิ้นเนื้อเข้ามา โดยบาง รพ. แม้ให้ประวัติมาแล้ว แต่อาจไม่ได้ให้ผลตรวจชิ้นเนื้อมาด้วย)
- มีประวัติเกี่ยวกับโรคจิตเวช หรือ ไม่ได้รักษาโดยการทานยาอยู่ หรือ ไม่ได้เพิ่งหยุดทานยามาน้อยกว่า 2 ปี (หากอมี BLA จะไม่รับทำประกันสุขภาพ เว้นแต่เป็นโรคจิตเวชที่ไม่มีความเสี่ยงถึงชีวิต อาจสามารถพอรับทำประกันด้วยแบบ Happy Health ได้)
เกณฑ์การถูกขอให้ตรวจสุขภาพ

จะเห็นได้ว่าผลการตรวจสุขภาพนั้นน่ากลัวและอันตรายต่อการพิจารณารับทำประกันสุขภาพอย่างมาก จึงต้องหลีกเลี่ยงการตรวจสุขภาพทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้ หากยังไม่ได้ทำประกันสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม ยังอาจถูกบังคับให้ต้องตรวจสุขภาพได้ ในตอนยื่นสมัครทำประกันสุขภาพ และต้องลุ้นอย่างหนักตามมา หากเข้าเกณฑ์ดังต่อไปนี้
- อายุ 55 ปีขึ้นไป และไม่มีผลตรวจสุขภาพอย่างละเอียดที่ตรวจล่าสุดไม่นานเกิน 6-8 เดือน
- มีการแถลงว่า ดื่มแอลกอฮอร์ สูบบุหรี่ จำนวนมากต่อสัปดาห์ หรือ มานานหลายปี (การแถลงส่วนนี้ควรให้ตรงกับที่เคยแจ้งแพทย์พยาบาลตอนไปตรวจสุขภาพ ตรวจรักษา หรือ แอดมิต ก่อนทำประกันสุขภาพ โดยภายหลังทำประกันสุขภาพก็ควรต้องแจ้งแพทย์พยาบาลให้ตรงกับที่แถลง)
- มีการประกอบอาชีพที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ หรือ อาจมีการดื่มแอลกอฮอร์สูบบุหรี่เป็นประจำ
- มีค่าดัชชีมวลกาย BMI ที่ใกล้เคียงกับเกณฑ์ที่ไม่สามารถรับทำประกันสุขภาพได้
- มีค่าน้ำหนักที่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 5 KG ในรอบ 6 เดือน
- มีค่าผลตรวจสุขภาพที่ผิดปกติ แต่ตรวจมานานกว่า 8 เดือนถึง 1 ปีขึ้นไป (โดยเป็นค่าที่กลับมาเป็นปกติได้)
- มีการใช้ยาเสพติด หรือ เคยใช้ยาเสพติด
- มีกระดูกเคยหักมาก่อน
- มีการแถลงว่ากำลังมีอาการผิดปกติทางร่างกายบางอย่าง (ควรแถลงเฉพาะที่ได้แจ้งแพทย์ไปแล้ว และควรต้อง Follow up หาสาเหตุให้เรียบร้อยก่อน เพราะโอกาสที่จะบริษัทจะเลื่อนการรับทำประกันจะสูงกว่า การขอให้ตรวจสุขภาพ)
และนี้คือ ตัวอย่างที่อาจจะถูกขอให้ตรวจสุขภาพเพิ่มเติมจากทาง BLA แต่อย่างไรก็ตามการขอให้ตรวจสุขภาพนั้นจะเป็นเพราะฝ่ายพิจารณามีความจำเป็นต้องได้ข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น จะไม่ได้เป็นไปด้วยการตรวจเพื่อทบทวนผลเดิม โดยเฉพาะผลเดิมนั้นยากจะเปลี่ยนแปลงได้ (จึงทำให้การตรวจทบทวนโต้แย้งผลการพิจารณาใด ๆ ผู้ขอโต้แย้งจะต้องเป็นผู้ไปตรวจและนำผลมาโต้แย้งเอง)
โรคที่เป็นแล้ว Prestige Health ปลดล็อค ไม่รับทำประกัน

แบบประกันสุขภาพ Prestige Health ปลดล็อค จะมีเงื่อนไขที่เป็นสาระสำคัญที่ถูกกำหนดจากบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศที่ร่วมรับความเสี่ยงกับ BLA ว่าการรักษาเกี่ยวกับอาการต่อไปนี้จะไม่รับทำประกันสุขภาพเลย
- ออฟฟิศซินโดรม หรือ อาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืดเรื้อรัง (Myofascial Pain Syndrome และ Fibromyalgia) จะไม่สามารถรับทำประกันได้ โดยมักจะถูกบันทึกในประวัติหากมีการไปพบแพทย์ด้วยอาการปวดกล้ามเนื้อบ่อยครั้งและรักษาไม่หายขาด (เนื่องจากโรคนี้เกิดจากพฤติกรรม และมีความเสี่ยงมากกว่าปกติที่จะพัฒนาไปเป็นโรค NCDs ต่อไปได้)
- โรคจิตเวชที่ทางแพทย์ยังไม่ได้แจ้งให้หยุดยาได้นานกว่า 2 ปีขึ้นไป จะไม่สามารถรับทำประกัน Prestige Health ปลดล็อคได้
- นอกจากนี้อาจจะยังมีอีกหลายอาการที่อาจกลายเป็นสาระสำคัญได้ แต่ทางบริษัทรับประกันภัยต่อจะไม่ได้แจ้งเป็นเงื่อนไขให้ตัวทางตัวแทนได้รับทราบทั้งหมด โดยจะทราบก็ต่อเมื่อมีการยื่นพิจารณาเข้าไปก่อนแล้วเท่านั้น
ดังนั้นการทำประกันสุขภาพ Prestige Health ปลดล็อค หากไม่ได้ส่งประวัติการรักษาในตอนสมัคร เพราะ มองว่าเป็นเพียงการรักษาแบบ OPD ผู้ป่วยนอก อาจจะส่งผลให้เป็นการปกปิดสาระสำคัญได้โดยไม่รู้ตัว (ซึ่งจะสามารถถูกบอกล้างสัญญา/ไม่ต่ออายุสัญญาได้ เมื่อถูกสืบประวัติภายหลังมีการเคลมประกัน)
ตัวอย่าง ผลการพิจารณาที่มีปัญหา

ไม่รับทำประกัน / เลื่อนรับทำประกัน
รับทำประกันไม่ได้ทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพ
สาเหตุ
- Diastolic dysfunction grade 1 จากผล Echo หัวใจ
- พบคราบไขมัน (Plaque) ก่อตัวที่หลอดเลือดบริเวณลำคอเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สูงในอนาคตต่อหัวใจโดยตรง
- มีข้อยกเว้นความคุ้มครองรวมกันมากกว่า 10 อย่าง และเกิดขึ้นจากสภาวะเสื่อมของร่างกาย เช่น ต่อมลูกหมาก ไซนัส ไต ตับ หลอดอาหาร กระดูกสันหลัง ดวงตา การได้ยิน และอาการปวดหัวเรื้อรัง เป็นต้น
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
- มีน้ำตาลปนในปัสสาวะ 2+ หรือ 3+ แนวโน้มเป็นเบาหวาน
เลื่อนการรับทำประกัน
สาเหตุ
- แพทย์ให้ follow up ตรวจหัวใจด้วยการ work out แต่ยังไม่มีผลอัพเดทล่าสุด
- มีการตรวจภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แต่ยังไม่มีผลลัพธ์ว่าต้องใช้ CPAP หรือไม่
- ค่าตับสูง รวมถึง ค่าไวรัสตับอักเสบ C เป็นบวก ปริมาณเชื้อไวรัสตับอักเสบ C สูง
- ค่า eGFR น้อยกว่า 90 (6-8 เดือน จึงเป็นเวลาฟื้นฟูไตได้) + ค่ากรด URIC เกินเกณฑ์
- ประวัติจะพบว่า ค่าเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิลสูงกว่าปกติ นานกว่า 5 ปี แต่ในประวัติจะยังไม่พบว่าเป็นเพราะเหตุใด (ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง หรือจนกว่าจะทราบสาเหตุที่แท้จริง)
- ผล EKG มีความผิดปกติ โดยไม่มีการ Echo หัวใจเพื่อตรวจละเอียดว่าผิดปกติจริงหรือไม่ และ ผลอุจจาระพบเลือดปนโดยยังไม่ได้ตรวจหาสาเหตุ
รับทำประกันชีวิตได้ แต่ไม่รับทำประกันสุขภาพ
ไม่รับทำประกันทั้ง Prestige Health และ Happy Health (แต่ยังอาจทำประกันชีวิตได้)
สาเหตุ
- เส้นเลือดหัวใจตีบ 30%
- เป็นเบาหวานแต่ควบคุมน้ำตาลได้
- มีผลวินิจฉันว่าอาจเป็น Stroke หลังฉีดวัคซีน แต่ตรวจเพียง CT ไม่ได้ตรวจ MRI ต่อตามที่แพทย์แนะนำ เพราะเห็นว่ากลับมาเป็นปกติแล้ว ทบทวนโดย MRI สมอง และตรวจการทำงานระบบประสาท
- มีปัญหาสุขภาพหลายระบบ จากประวัติการรักษา
1. ก้อนที่ตับ
2. กระเพาะอาหารอักเสบ
3. ริดสีดวง - ตรวจเจอจากการส่องกล้อง
4. ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ และ มีเลือดกำเดาไหล
5. ระดับน้ำตาลในเลือดสูง (สาเหตุหลัก)
6. ไขมันในเลือดสูง แพทย์ระบุเป็นโรคประจำตัว ต้องทานยา
7. กลุ่มกล้ามเนื้อและเยื่อพังพืด
8. ซีสที่ต่อมไทยรอยด์ จากการอัลตร้าซาวด์
9. ซีสที่รังไข่
10. เยื่อบุโพรงมดลูดเจริญผิดที่
11. ปัญหาจอประสาทตา
12. เนื้องอกที่เต้านม
ไม่รับทำประกัน Prestige Health แต่สามารถรับทำประกัน Happy Health ได้
สาเหตุ
- แพทย์บันทึกว่าเป็นอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง เพราะแจ้งแพทย์ว่าเคยรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อที่ รพ.อื่นแล้วไม่หาย ทบทวนโดยต้องนำประวัติการรักษาที่อื่น มาพิสูจน์ว่าไม่ได้เป็นอาการนี้ แต่แพทย์ซักประวัติแล้ววินิจฉัยไปตามนั้น
- เป็นอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อผังผืดมา 3 ปี โดยไม่ได้รักษามาแล้วอีก 3 ปี แต่แพทย์ไม่ได้ระบุว่าหายขาด ทบทวนโดยแพทย์ต้องระบุว่าหายขาดซึ่งทำได้ยากอย่างมาก
- BMI ต่ำกว่าเกณฑ์ + เนื้องอกเต้านม BIRADS-3 + เนื้องอกเล็ก ๆ อืกจำนวนหนึ่ง ทบทวนโดยเพิ่มค่า BMI และ Follow up เนื้องอกว่าไม่ได้โตขึ้นอีก
- พบเลือดปนในปัสสาวะไม่ทราบสาเหตุ ทบทวนโดยการตรวจปัสสาวะสมบูรณ์ ร่วมกับอาจมีการตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม
- ค่าตับสูงเกินเกณฑ์ ทบทวนโดยค่าตับกลับมาเป็นปกติ รวมถึงค่าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตับ
- ค่า eGFR น้อยกว่า 90 ทบทวนโดยตรวจเลือด ค่า BUN/Cr/GFR , ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบ , อัตราซาวด์ KUB เพื่อเห็นลักษณะของไต และผลตรวจทุกอย่างเป็นปกติ
- EKG ผิดปกติเล็กน้อย ทบทวนโดย Echo หัวใจว่าเป็นปกติ
- เคยเป็นมะเร็งแต่หายมานานกว่า 5 ปี
เลื่อนการพิจารณา Prestige Health เป็นเวลา 1+ ปี
สาเหตุ
- ในประวัติมีความดัน 140/100 ตอนพบแพทย์ OPD เพราะเป็นไข้ ทบทวนได้โดยตรวจตามแบบฟอร์มตรวจสุขภาพบริษัท, ตรวจ EKG และ ตอบแบบฟอร์มความดัน
- มีอาการทางจิตเวชเกี่ยวกับ OCD ทบทวนโดยต้องหยุดยานานกว่า 2 ปีขึ้นไป (แต่ Happy Health สามารถรับ OCD ได้แม้ยังทานยา โดยไม่เพิ่มเบี้ย)
เลื่อนการพิจารณา Happy Health เป็นเวลา 1+ ปี
สาเหตุ
- มีการตรวจวินิจฉัย TICS disorder มากกว่า 1 ครั้ง + มีการปรึกษาค่า BMI น้อยกว่าปกติ ทบทวนโดยต้องรอไม่พบแพทย์ TICS disorder อย่างน้อยให้ครบ 2 ปี และค่า BMI เป็นปกติ
เลื่อนการพิจารณา Prestige Health และ Happy Health 3+ เดือน
สาเหตุ
- มีการตรวจวินิจฉัย TICS disorder 1 ครั้ง ทบทวนโดยต้องรอไม่พบแพทย์อย่างน้อยให้ครบ 1 ปี เพื่อยืนยันว่าไม่ได้เป็นหรือหายขาดจริง ๆ
รับทำประกันชีวิตได้ แต่ต้องเพิ่มเบี้ย
ห่วงรัก พรีเมียร์(99/20) - เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 2.33 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- ค่า BMI ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 18 แต่ค่าผลตรวจสุขภาพต่าง ๆ ปกติ ทบทวนโดยการเพิ่มน้ำหนักตัว ซึ่งเป็นเรื่องยากอย่างมากสำหรับคนที่น้ำหนักตัวน้อยเป็นประจำอยู่แล้ว
ห่วงรัก พรีเมียร์(99/20) - เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 4.42 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- ผลตรวจสุขภาพตามแบบฟอร์มบริษัท ผลปัสสาวะมีเลือดปน ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบซ้ำอีกครั้ง พบว่ามีเลือดปนมากกว่าเดิม จึงต้องยกเว้นความคุ้มครองระบบทางเดินปัสสาวะ(ยกเว้นแล้วจึงไม่ได้เพิ่มเบี้ยส่วนประกันสุขภาพ Happy Health) แต่เพิ่มเบี้ยส่วนประกันชีวิตแทน โดยยังไม่สามารถทบทวนได้ทันทีเพราะมีผลยืนยันถึง 2 ครั้ง แต่สามารถทบทวนภายหลังได้ โดยทำบันทึกสอบถามว่าต้องตรวจอะไรเพิ่มเติมบ้าง 2 เดือนก่อนครบกำหนด
ห่วงรัก พรีเมียร์ (มีเงินปันผล) -เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 2.4 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- ไขมันพอกตับอยู่ในระยะเฝ้าระวังว่าจะหายขาดหรือไม่ ค่าตับเป็นปกติกว่า 2 ปี แนวโน้มดีขึ้น ปริมาณไขมันลดลงเหลือเพียง mild ทำให้ไม่เข้าเกณฑ์ยกเว้นความคุ้มครองตับแล้ว แต่ยังต้องเพิ่มเบี้ยประกันชีวิตร่วมด้วยอยู่ การทบทวนไขมันพอกตับว่าหายขาด ค่าตับต้องเป็นปกติ 3 ปี ก่อนครบปี กธ. ส่งผลค่าตับและอัตราซาวด์ ไขมันที่พอกแนวโน้มดีขึ้นไม่แย่ลง (แต่หากแนวโน้มค่าตับมีการแกว่งเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน หรือไขมันพอกมากขึ้น จะต้องกลับมานับหนึ่งใหม่ และอาจต้องระยะพิสูจน์หายขาดนานอีก 3 ปีต่อไป) ด้วยไขมันพอกตับเกิดจากพฤติกรรม และเป็นความเสี่ยงเชิงประจักษ์เหมือนกับค่า BMI (เพียงแต่ถ้าไม่อัตราซาวด์ก็จะไม่เจอ)
ห่วงรัก พรีเมียร์ (มีเงินปันผล) -เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 3.32 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- พบเลือดปนในปัสสาวะ ยังไม่ได้ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์พิสูจน์ รวมกับ มีค่าตับที่สูง ทบทวนด้วยตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบไม่พบเลือดปน และผลเลือดที่เกี่ยวกับตับทั้งหมดมีค่าเป็นปกติ
แฮปปี้ โฮลไลฟ์ 99/20 - เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 3.58 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- EKG ผิดปกติ รวมกับ ค่า eGFR 81 น้อยกว่า 90 ทบทวนด้วย Echo หัวใจ, ตรวจเลือด ค่า BUN/Cr/GFR , ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบ , อัตราซาวด์ KUB เพื่อดูลักษณะของไต
แฮปปี้ โฮลไลฟ์ 99/20 -เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 4.77 บาท/ทุน 1,000/ปี (ผู้เยาว์)
สาเหตุ
- มีการตรวจวินิจฉัยเกี่ยวกับ TICS disorder มากกว่า 1 ครั้ง รวมกับ มีการปรึกษาค่า BMI น้อยกว่าปกติ ทบทวนโดยต้องรอไม่พบแพทย์อย่างน้อยให้ครบ 2 ปี และค่า BMI ปกติ
แฮปปี้ โฮลไลฟ์ 99/20 -เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 5.11 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- เพิ่มเบี้ยเพราะพบในประวัติค่าความดันมีความดัน 140/100 ตอนพบแพทย์ OPD เพราะเป็นไข้ ทบทวนโต้แย้งได้โดย ตรวจแบบฟอร์มเขียว ตรวจ EKG ตอบแบบฟอร์มความดัน
แฮปปี้ โฮลไลฟ์ 99/20 -เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 5.17 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- ประวัติพบความสงสัยว่าเป็น Stroke หลังฉีดวัคซีน แต่ตรวจ CT ไม่ได้เป็นอะไร จึงไม่ได้ตรวจ MRI ต่อตามที่แพทย์แนะนำ ทบทวนโดย MRI สมอง และตรวจการทำงานระบบประสาท
แฮปปี้ โฮลไลฟ์ 99/20 - เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 5.78 บาท/ทุน 1,000/ปี
คุ้มครองการชำระเบี้ยผู้ปกครอง - เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ 01.83 บาท/เบี้ยประกัน 100 บาท
สาเหตุ
- มีการตรวจวินิจฉัย TICS disorder 1 ครั้ง ทบทวนโดยต้องไม่พบแพทย์อย่างน้อยให้ครบ 1 ปี
แฮปปี้ โฮลไลฟ์ 99/20 - เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 9.54 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- เป็นเบาหวาน แต่ผลตรวจสุขภาพ ตรวจค่าน้ำตาล อยู่ในเกณฑ์ปกติ
บีแอลเอ ตลอดชีพ 99/99 -เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 2.35 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- ประวัติเป็นเบาหวาน แต่ผลตรวจสุขภาพ ตรวจค่าน้ำตาล อยู่ในเกณฑ์ปกติ
บีแอลเอ ตลอดชีพ 99/99 - เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 2.35 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- ประวัติพบเป็นพาะธาลัสซีเมีย (แพทย์ให้ยาบำรุงเลือด มีโอกาสเป็นเลือดจางสูง) ทบทวนปรับลดเบี้ยที่เพิ่มได้ถ้าผลความเข้มข้นของเลือดเป็นปกติติดต่อกัน 5 ปี แต่อย่างไรจะถอดการเพิ่มเบี้ยออกไม่ได้
- ประวัติพบเป็นอาการย้ำคิดย้ำทำ OCD และยังทานยาอยู่ ทบทวนด้วยแพทย์ให้หยุดยาได้ 2 ปีขึ้นไป
บีแอลเอ ตลอดชีพ 99/99 - เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 8.2 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- ค่าความดัน ค่าน้ำตาล ค่าไขมัน สูงกว่าเกณฑ์อ้างอิง แต่ยังไม่เกินเกณฑ์การรับทำประกันชีวิต โดยค่าความดัน 150-159 เสี่ยงต่อโรคความดันสูง (แม้ยังไม่ได้ทานยา) ค่า HbA1C มากกว่า (เกณฑ์ 5.7) 6 แต่ยังไม่ถึง 7 ทบทวนด้วยค่าความดันเฉลี่ย 3-4 ครั้งล่าสุด ครั้งละห่างกัน 6-8 เดือน กลับมาเฉลี่ยที่ 130 กับ ค่าน้ำตาลกลับมาในเกณฑ์ปกติ
รับทำประกันสุขภาพได้ แต่ต้องเพิ่มเบี้ย
บีแอลเอ แฮปปี้ เฮลธ์ - เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ 00.25 เท่าจากปกติ
สาเหตุ
- ความดันเฉลี่ยมากกว่า 129 คือ 134 แต่ไม่ต้องทานยา ค่าความดัน 3 ครั้งล่าสุด 141 135 128 ทบทวนโดยความดันในรอบ 1-3 ปี ดีขึ้นเรื่อย ๆ และค่าเฉลี่ยน้อยกว่า 129
- มีประวัติการรักษาอาการนอนไม่หลับ 3 ครั้งและแพทย์มีการจ่ายยา รวมถึงยังไม่มีการระบุว่าหายขาด (*อาการนอนไม่หลับจะส่งผลต่อค่าความดันโดยตรง) ความดันนั้นมีความไม่ชัดเจนคือ ในปี 63 มีการวัดค่าความดันได้ที่ 138.6 แพทย์ได้นัดติดตามอาการ แบบไม่ได้ให้ทานยา แต่จุดสำคัญคือ แพทย์ระบุในประวัติว่า follow up hypertension หรือ ติดตามอาการโรคความดันโลหิตสูง ทบทวนการเพิ่มเบี้ยส่วนนี้ได้เมื่อ แพทย์ระบุว่าไม่ต้องติดตามอาการการนอนไม่หลับแล้ว จากนั้นภายใน 1-2 ปี มีผลการตรวจสุขภาพว่า มีค่าเฉลี่ยของค่าความดันลดลงอยู่ในเกณฑ์อ้างอิง คือประมาณ 120
บีแอลเอ แฮปปี้ เฮลธ์ เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ 00.50 เท่าจากปกติ
สาเหตุ
- ประวัติมีอาการใจสั่น แพทย์ให้ตรวจ EKG เป็นปกติ จึงขอ Echo หัวใจพบมีความผิดปกติเล็กน้อย แม้ผล EKG หลังจากนั้นปกติ 2 ปีติดกัน แต่ถ้าจะทบทวนต้องใช้ Echo หัวใจเท่านั้น ด้วยการทำ Echo หัวใจแม่นยำมาก จึงยากที่จะผิดพลาดได้
- ค่า BMI ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 18 แต่ค่าผลตรวจสุขภาพต่าง ๆ ปกติ ทบทวนโดยการเพิ่มน้ำหนักตัว ซึ่งเป็นเรื่องยากอย่างมากสำหรับคนที่น้ำหนักตัวน้อยเป็นประจำอยู่แล้ว
- ค่าความดัน ค่าน้ำตาล ค่าไขมัน สูงกว่าเกณฑ์อ้างอิง แต่ยังไม่เกินเกณฑ์การรับทำประกันชีวิต โดยค่าความดัน 150-159 เสี่ยงต่อโรคความดันสูง (แม้ยังไม่ได้ทานยา) ค่า HbA1C มากกว่า (เกณฑ์ 5.7) 6 แต่ยังไม่ถึง 7 ทบทวนด้วยค่าความดันเฉลี่ย 3-4 ครั้งล่าสุด ครั้งละห่างกัน 6-8 เดือน กลับมาเฉลี่ยที่ 130 กับ ค่าน้ำตาลกลับมาในเกณฑ์ปกติ
- ความดันโลหิตสูง แต่ทานยาควบคุมความดันได้ (เพิ่มเฉพาะเบี้ยประกันสุขภาพไม่ถูกเพิ่มเบี้ยชีวิต)
บีแอลเอ เพรสทีจ เฮลธ์ (พิเศษ) เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ 00.50 เท่าจากปกติ
สาเหตุ
- BMI สูงกว่า 32 และเข้าใกล้ 35 ต้องลดน้ำหนักได้ 5 Kg และยื่นใหม่อย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป แต่หากตอบรับข้อเสนอ การทบทวนทำได้โดยก่อนครบปีกรมธรรม์ 3 เดือน ทำการตรวจสุขภาพเบื้องต้นเพื่อยืนยันค่าน้ำหนักเพื่อนำมาใช้ทบทวนได้ (BMI แนะนำ 30 หรือไม่ควรเกิน 32)
- ความดันโลหิตสูง แต่ทานยาควบคุมความดันได้ (เพิ่มเฉพาะเบี้ยประกันสุขภาพไม่ถูกเพิ่มเบี้ยชีวิต)
เพรสทีจ เฮลธ์ - เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ 00.50 เท่าจากปกติ
สาเหตุ
- ค่า BMI ในเด็กสูงเกินเกณฑ์ และเป็นเด็กหญิง เนื่องจากเบี้ยชายหญิงของ Prestige Health เท่ากัน หญิงจึงจะ Sensitive เรื่อง BMI มากกว่าเด็กชาย เนื่องจากส่วนสูงเด็กหญิงจะเติบโตน้อยกว่าเด็กชาย ทบทวนโดยค่า BMI กลับมาเป็นปกติก่อนครบปีกรมธรรม์ 2 เดือน
รับทำประกันโรคร้ายแรงได้ แต่ต้องเพิ่มเบี้ย
แฮปปี้ ซีไอ - เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 4.59 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- ไขมันพอกตับอยู่ในระยะเฝ้าระวังว่าจะหายขาดหรือไม่ ค่าตับเป็นปกติกว่า 2 ปี แนวโน้มดีขึ้น ปริมาณไขมันลดลงเหลือเพียง mild ทำให้ไม่เข้าเกณฑ์ยกเว้นความคุ้มครองตับแล้ว แต่ยังต้องเพิ่มเบี้ยประกันโรคร้ายแรงร่วมด้วยอยู่ การทบทวนไขมันพอกตับว่าหายขาด ค่าตับต้องเป็นปกติ 3 ปี ก่อนครบปี กธ. ส่งผลค่าตับและอัตราซาวด์ ไขมันที่พอกแนวโน้มดีขึ้นไม่แย่ลง (แต่หากแนวโน้มค่าตับมีการแกว่งเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน หรือไขมันพอกมากขึ้น จะต้องกลับมานับหนึ่งใหม่ และอาจต้องระยะพิสูจน์หายขาดนานอีก 3 ปีต่อไป) ด้วยไขมันพอกตับเกิดจากพฤติกรรม และเป็นความเสี่ยงเชิงประจักษ์เหมือนกับค่า BMI (เพียงแต่ถ้าไม่อัตราซาวด์ก็จะไม่เจอ)
แฮปปี้ ซีไอ - เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 5.1 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- มีอาการทางจิตเวชเกี่ยวกับ OCD ทบทวนโดยต้องหยุดยานานกว่า 2 ปีขึ้นไป (แต่ Happy Health สามารถรับ OCD ได้แม้ยังทานยา โดยไม่เพิ่มเบี้ย)
บีแอลเอ ซูเปอร์แคร์ - เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 0.87 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- พบเลือดปนในปัสสาวะไม่ทราบสาเหตุ ทบทวนโดยการตรวจปัสสาวะสมบูรณ์ ร่วมกับอาจมีการตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม
- ค่าตับสูงเกินเกณฑ์ ทบทวนโดยค่าตับกลับมาเป็นปกติ รวมถึงค่าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตับ
บีแอลเอ ซูเปอร์แคร์ : เบี้ยประกันภัยเพิ่มพิเศษ อัตรา 1.23 บาท/ทุน 1,000/ปี
สาเหตุ
- BMI ต่ำกว่าเกณฑ์ + เนื้องอกเต้านม BIRADS-3 + เนื้องอกเล็ก ๆ (ยกเว้นความคุ้มครองมะเร็งเต้านม) ทบทวนโดยเพิ่มค่า BMI และ Follow up เนื้องอกว่าไม่ได้โตขึ้นอีก
ยกเว้นความคุ้มครอง "รังไข่"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ รังไข่ทั้งสองข้าง และ ภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- เนื่องจาก พบก้อนเนื้องอกที่รังไข่ขนาดใหญ่ ทบทวนด้วยไม่มีเนื้องอกแล้ว
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ก้อนเนื้องอก และ/หรือ ถุงน้ำ บริเวณรังไข่ และภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบก้อนเนื้องอกกับถุงน้ำรังไข่ จากผล Ultrasound ตอนปี 65 ต่อมามีผลล่าสุดปี 68 พบแต่ถุงน้ำรังไข่ จึงยังต้องเก็บข้อยกเว้นไว้ก้อนเพราะต้องไม่มีทั้งถุงน้ำและก้อนเนื้องอกแล้ว เนื่องจากถุงน้ำรังไข่มีความเสี่ยงที่จะพัฒนาเป็นเนื้องอกได้ด้วยในกรณีที่ถุงน้ำเป็นแบบซับซ้อนและผนังถุงน้ำหนาขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงการรักษาด้วยการผ่าตัดเนื้องอกนั้นจะไม่สามารถเลือกได้ว่าจะผ่าเฉพาะเนื้องอกแล้วเก็บถุงน้ำรังไข่ที่ประกันสุขภาพยกเว้นความคุ้มครองไว้ได้ หรือ หากผ่าออกมาทั้งคู่แล้ว ก็ไม่สามารถระบุค่าใช้จ่ายแยกจากกันได้ง่าย
ยกเว้นความคุ้มครอง "มดลูก"
ไม่คุ้มครอง การตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ก้อนเนื้องอก และ/หรือ ถุงน้ำ บริเวณมดลูก รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ในประวัติการรักษาพบมีถุงน้ำที่มดลูก ทบทวนโดยการอัตราซาวด์ไม่พบถุงน้ำแล้วมากกว่า 1 ปี
- ในประวัติผลอัตราซาวด์ช่วงล่างพบรอยโรคไฮโปเอคโคอิก 4.3x4.2 สงสัยว่าเป็นถุงน้ำ อาการเหล่านี้เป็นไปตามวัย อายุเลข 3-4 หากตรวจก็เจอ ทบทวนโดยการอัตราซาวด์ไม่พบถุงน้ำแล้วมากกว่า 1 ปี
- พบเนื้องอกในมดลูกจากผลอัตราซาวด์ ทบทวนโดยการอัตราซาวด์ไม่พบเนื้องอกแล้วมากกว่า 1 ปี หรือ มีการผ่าออกแล้วมากกว่า 1 ปี
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ก้อนเนื้องอก และ/หรือ ถุงน้ำ บริเวณมดลูก ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบมดลูกโต แต่ยังไม่ได้ตรวจหาสาเหตุว่าโตเพราะเหตุใด จึงยกเว้นไว้ก่อน โดยกรณีนี้ให้ความคุ้มครองมะเร็งปากมดลูกที่ไม่ได้เกิดจากเพศสัมพันธ์ตามปกติ เพราะถือว่าเป็นคนละอวัยวะ ทบทวนโดยตรวจละเอียดว่าเป็นปกติแล้ว หรือ ผ่าตัดมดลูกออกแล้วมากกว่า 1 ปี
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ปากมดลูก และ มดลูก รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ตรวจ HPV พบเซลล์ผิดปกติที่ปากมดลูก แม้ตรวจ pap smear จะเป็นปกติก็ตาม ทบทวนโดยภายใน 2 ปีได้ผลตรวจทั้ง HPV และ pap smear เป็นปกติ
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ มดลูก และภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบมดลูกส่วนหน้าหนากว่ามดลูกส่วนหลัง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด จึงต้องยกเว้นทั้งมดลูก ทบทวนโดยการตรวจแบบ TVS ออกมาเป็นปกติ หรือ ทราบว่าส่วนที่หนาคืออะไร เพื่อจะยกเว้นแบบเจาะจงได้
ยกเว้นความคุ้มครอง "เยื่อบุมดลูกผิดที่"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ อาการและความผิดปกติ อันเกิดจากภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ และ อาการสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ในประวัติการรักษาแพทย์สันนิษฐานว่ามีเยื่อบุมดลูกอยู่ในถุงน้ำรังไข่ ทบทวนโดยตรวจ TVS เพื่อดูว่าเป็นเยื่อบุมดลูกจริงหรือไม่ เพราะหากเป็นเยื่อบุมดลูกจะถือว่าเจริญผิดที่ และไม่สามารถรักษาหายขาดได้จนกว่าจะผ่าตัดมดลูกออก
- ผลอัตราซาวด์ช่วงล่างพบรอยโรคไฮโปเอคโคอิกที่เป็นเนื้อเดียวกันที่ปีกมดลูก น่าจะเป็นถุงน้ำที่เกิดขึ้นจากเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ทบทวนโดยการผ่าตัดมดลูกออก หรือ หมดประจำเดือนแล้ว
ยกเว้นความคุ้มครอง "เต้านม"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ก้อนเนื้องอก และ/หรือ ถุงน้ำ บริเวณเต้านมทั้งสองข้าง รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ผลเมมโมแกรมพบก่อนเนื้อและถุงน้ำชนิดที่ไม่ร้ายแรง (Birads-2) แต่ควร Follow up ไปเรื่อยๆ ทบทวนถอดออกได้ถ้าเนื้องอกลดขนาดลงเป็น Birads-1
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ เต้านมทั้งสองข้าง รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ผลเมมโมแกรมพบก่อนเนื้อและถุงน้ำขนาด (Birads-3) มีความเสี่ยงเป็นน้อยที่จะพัฒนาเป็นมะเร็ง แต่ควร Follow up ไปเรื่อยๆ ทบทวนถอดออกได้ถ้าเนื้องอกลดขนาดลงเป็น Birads-1
ไม่คุ้มครองการเจ็บปวยเกี่ยวกับ กลุ่มโรคมะเร็งและเนื้องอก บริเวณเต้านมทั้งสองข้าง (BLA Super Care)
สาเหตุ
- ผลเมมโมแกรมพบก่อนเนื้อและถุงน้ำขนาด (Birads-3) มีความเสี่ยงเป็นน้อยที่จะพัฒนาเป็นมะเร็ง แต่ควร Follow up ไปเรื่อยๆ ทบทวนถอดออกได้ถ้าเนื้องอกลดขนาดลงเป็น Birads-1
ยกเว้นความคุ้มครอง "ต่อมไทรอยด์"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ต่อมไทรอยด์ ก้อนเนื้องอก และ/หรือ ถุงน้ำ บริเวณต่อมไทรอยด์ รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ในประวัติพบว่ามีเนื้องอกถุงน้ำที่ต่อมไทรอยด์ ทบทวนได้หากผลตรวจล่าสุดไม่มีเนื้องอกถุงน้ำแล้ว 2-3 ปี
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ต่อมไทรอยด์ รวมถึงภาวะสืบเนื่อง,
สาเหตุ
- หยุดยาอยู่ในภาวะโรคสงบ หากสงบได้ติดต่อกัน 2-5 ปี จะยื่นทบทวนเอาออกได้
- ยังมีการนัดติดตามอาการอยู่ เพื่อตรวจวัดค่าฮอร์โมน แม้ว่าจะไม่ต้องทานยาแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นได้อีกครั้ง ซึ่งจะต้องติดตามอาการจนกระทั่งแพทย์ด้านต่อมไร้ท่อได้ยืนยันว่าหายกลับมาเป็นปกติ ไม่ต้องมีการติดตามอาการใด ๆ โดยขบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณ 2-5 ปี จนแพทย์มั่นใจว่าหายขาด ก็จะสามารถยื่นทบทวนข้อยกเว้นนี้ได้
- พบค่าไทรอยด์น้อยกว่าปกติ ตอนที่ admit เนื่องด้วยร่างกายอ่อนแอ แพทย์ไม่ได้แจ้งอะไร โดยพอตรวจใหม่ผลเป็นปกติจึงถอดข้อยกเว้นนี้ออกได้
- ปี 59 ทานยาไฮเปอไทรอยด์ ปี 64 ค่าปกติแต่ไม่ได้ระบุว่าหยุดทานยาหรือยัง ทบทวนได้ถ้าค่าปกติและไม่ทานยาติดต่อกันเกิน 2 ปี
- ค่า T3 T4 ปกติ โดยแนวโน้มค่า TSH ปี 65-67 มีแนวโน้มลดลง แต่ยังคงเกินเกณฑ์ ทบทวนได้หากผลเลือดเป็นปกติ 2 ปีติดต่อกันขึ้นไป โดยไม่ได้ทานยาใดๆ
ยกเว้นความคุ้มครอง "ต่อมลูกหมาก"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ต่อมลูกหมากโต รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ผลตรวจสุขภาพพบต่อมลูกหมากเริ่มโต แต่ถ้ามีการรักษาหายขาดและไม่ได้พบแพทย์ 2-3 ปีจะทบทวนได้
ยกเว้นความคุ้มครอง "ตับ"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ถุงน้ำ และ/หรือ ก้อนเนื้องอก บริเวณตับ และภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบเนื้องอกที่ตับแบบไม่ร้ายแรง สามารถรับทำประกันโรคร้ายแรงได้รวมถึงโรคมะเร็ง โดยไม่มีการยกเว้นหรือเพิ่มเบี้ยใด ๆ ทบทวนได้ด้วยผลตรวจล่าสุดว่าเนื้องอกไม่มีแล้ว 1 ปีขึ้นไป
ไม่คุ้มครองการรักษาโรค/ความผิดปกติของ ตับ และ ภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ค่าตับเป็นปกติทุกอย่าง แต่การเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบ B ถือว่ายังมีไวรัสอยู่จึงต้องยกเว้นความคุ้มครอง ทบทวนได้โดยพบว่าไม่ได้เป็นพาหะแล้ว
ยกเว้นความคุ้มครอง "ถุงน้ำดี"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ถุงน้ำดี และ ระบบทางเดินน้ำดี รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- เพิ่งมีการผ่าถุงน้ำดีออกไป แต่เนื่องจากกลัวภาวะสืบเนื่องจึงต้องยกเว้นไว้ก่อนอย่างน้อย 1 ปี
- มีติ่งเนื้อในถุงน้ำดี ทบทวนโดยมีผลว่าไม่ปรากฏติ่งเนื้อแล้ว
- จากประวัติในปี 63 พบว่าถุงน้ำดีมีอาการอักเสบ และมีติ่งเนื้อในผนังถุงน้ำดี จากนั้นใน ปี 64 พบว่าติ่งเนื้อมีความหนาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทบทวนโดยหากในอนาคตมีการตรวจอีกครั้งและพบว่า ติ่งเนื้อได้มีการฝ่อตัวไป รวมถึงไม่พบอาการอักเสบ
- **ไม่ได้เป็นการยกเว้นความคุ้มครองระบบทางเดินน้ำดี แต่เป็นการยกเว้นความคุ้มครองระบบทางน้ำดีที่เกี่ยวข้องกับถุงน้ำดี (ไม่ใช่ที่เกี่ยวข้องกับตับและไต) เพราะการรักษาส่วนใหญ่จะเป็นการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกและท่อทางเดินน้ำดีจะมาทำหน้าที่แทนถุงน้ำดีที่หายไป จึงต้องอ้างอิงระบบทางเดินน้ำดีบริเวณถุงน้ำดีด้วย
ยกเว้นความคุ้มครอง "ถุงน้ำที่ไต"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ถุงน้ำที่ไตทั้งสองข้าง รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบถุงน้ำที่ไต ทบทวนได้หากผลตรวจล่าสุดไม่มีถุงน้ำแล้ว
ยกเว้นความคุ้มครอง "กระเพาะอาหารอักเสบ"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ หลอดอาหารอักเสบ กระเพาะอาหารอักเสบ รวมถึงกรดไหลย้อน และภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบว่าเป็นกรดไหลย้อนในประวัติการรักษา ทบทวนได้หากไม่มีการรักษาเกี่ยวกับกรดไหลย้อนนานกว่า 3 ปีขึ้นไป
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ และภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบว่าเป็นกระเพาะอาหารอักเสบในประวัติการรักษา ทบทวนได้หากไม่มีการรักษาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารอักเสบนานกว่า 3 ปีขึ้นไป
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ รวมถึง แผลในกระเพาะอาหาร และภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- กระเพาะอาหารอักเสบพบแพทย์ปี 63 จากนั้นไม่ได้พบแพทย์อีกเลยจนกระทั่งปี 65 พบแพทย์ และแพทย์ซักประวัติว่ามีโรคประจำตัวหรือไม่ ได้แจ้งแพทย์ว่ามีเป็นโรคกระเพาะแทนที่จะบอกว่าแค่เคยเป็น ต่อมาปี 67 ปวดท้องข้างขวา แพทย์ให้ยาเคลือบกระเพาะมาด้วย จึงกลายเป็นข้อบ่งชี้ว่ายังเป็นโรคกระเพาะอยู่รวมถึงมีแผลในกระเพาะอาหาร ทบทวนโดยไม่พบแพทย์ 2-3 ปีขึ้นไป (ปี 67 ถ้าไม่พบแพทย์ก็จะไม่โดนข้อยกเว้นนี้)
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ภาวะอาหารไม่ย่อย กระเพาะอาหารอักเสบ รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ตอบคำถามแพทย์ตอนตรวจสุขภาพตามแบบฟอร์มบริษัทว่าเป็นอาหารไม่ย่อย แทนที่การบอกว่าเคยเป็นอาหารไม่ย่อย โดย่ในประวัติมีพบแพทย์เกี่ยวกับอาการนี้ล่าสุดตอนปี 57 เท่านั้น จึงยื่นทบทวนถอดข้อยกเว้นออกสำเร็จ
ยกเว้นความคุ้มครอง "ลำไส้"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ติ่งเนื้อที่ลำไส้ใหญ่ รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- เพิ่งมีการส่องกล้องตัดติ่งเนื้อไป แต่ยังสามารถเกิดใหม่ได้จึงต้องยกเว้นความคุ้มครอง หากครบ 3 ปีมีผลส่องกล้องใหม่ว่าไม่มีติ่งเนื้อแล้วสามารถทบทวนได้
- เนื่องจากตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้พบติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่ หากในอนาคตมีผลการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหม่ที่ไม่ได้พบติ่งเนื้อแล้ว หรือหากติ่งเนื้อยุบไป หรือ ติ่งเนื้อใหญ่ขึ้นจนสามารถตัดออกได้ ก็สามารถรอดูผลติดตามอาการอีก 3 ปี เพื่อมั่นใจว่าไม่มีติ่งเนื้อเกิดขึ้นอีก และจีงทำการยื่นทบทวนภายหลังได้
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ลำไส้อักเสบ รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- เนื่องจากผลตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ พบอาการอักเสบของลำไส้ใหญ่ ทบทวนได้หากมีความจำเป็นได้ตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่อีกครั้ง และผลใหม่ออกมาว่าไม่พบลำไส้อักเสบ
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ลำไส้อุดตัน รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- มีประวัติอาการลักษณะนี้ปี 44 59 65 ด้วยแพทย์ท่านเดิมยืนยันว่าน่าจะเป็นลำไส้อุดตันถึง 3 ครั้ง ซึ่งจะต้องผ่าตัด แต่เนื่องจากคนไข้ยืนยันว่าไม่ได้เป็นและไม่ขอผ่าตัด รวมถึงไม่มีผลตรวจใหม่ที่จะยืนยันลบคำวินิจฉัยแพทย์ท่านเดิมถึง 3 ครั้งได้จึงต้องมีข้อยกเว้นความคุ้มครองนี้ โดยถ้าไม่ได้รักษาด้วยอาการลักษณะนี้อีกเลย 5 ปี จะทบทวนได้ หรือมีผลว่าหายขาด และไม่ได้พบแพทย์อีก 2-3 ปี จะทบทวนได้
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ลำไส้ใหญ่ รวมถึงภาวะสืบเนื่อง,
สาเหตุ
- ในประวัติการรักษาพบว่า ลำไส้ใหญ่พอง ทบทวนได้หากมีผลตรวจว่าลำไส้กลับมาเป็นปกติอย่างน้อย 2-3 ปี
ยกเว้นความคุ้มครอง "ทวาร"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับแผลและการอักเสบบริเวณทวารหนัก รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ในประวัติพบมีแผลอักเสบที่ทวารหนักและยังอยู่ในการติดตามอาการ ทบทวนได้หากหายขาด 2-3 ปี
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ โรคริดสีดวงทวาร รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- เนื่องจากมีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ พบอาการเริ่มต้นของริดสีดวง แม้แพทย์จะไม่มีการให้รักษาใดๆ กับริดสีดวงทวารแบบนี้ แต่ก็ต้องยกเว้นความคุ้มครองจนกกว่าจะหายขาดได้นาน 3-5 ปี (ริดสีดวงหากเป็นแล้วยากจะหายขาดได้)
- ในประวัติพบว่าเป็นริดสีดวงและยังอยู่ในระหว่างการติดตามอาการ ทบทวนโดยหายขาดได้นาน 3-5 ปี
ยกเว้นความคุ้มครอง "ทางเดินปัสสาวะ"
ไม่คุ้มครอง การตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ระบบทางเดินปัสสาวะ รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ไม่รู้ว่าที่มีเลือดปนในปัสสาวะด้วยเพราะความผิดปกติของอวัยวะใด และการให้ตรวจเพิ่มเติมอาจนำไปสู่การรับทำประกันสุขภาพไม่ได้ได้ (เช่น มีปัญหามี่ไต) จึงเน้นยกเว้นความคุ้มครองทั้งระบบทางเดินปัสสาวะแทนไว้ก่อน โดยภายหลังสามารถทบทวนได้หากมีผลว่าไม่พบเลือดปนในปัสสาวะแล้ว หรือ ทราบสาเหตุชัดเจนขึ้นว่าเป็นเพราะเหตุใด
- พบประวัติเคยรักษาเกี่ยวกับ โรคระบบทางเดินปัสสาวะ โดยรักษาหายแล้ว แต่เนื่องจากโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินปัสสาวะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ หากยังไม่หายขาดนาน 1-2 ปี ทำให้เพื่อมั่นใจว่าได้หายขาดจริง ๆ จะสามารถใช้ผลตรวจปัสสาวะภายหลังจากรักษาหายครบ 1 ปี เพื่อมายื่นทบทวนและพิจารณายกเลิกข้อยกเว้นนี้ได้
ยกเว้นความคุ้มครอง "เข่า"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติเกี่ยวกับ เข่าข้างขวา รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- โดยการยกเว้นเข่าข้างขวาจะรวมไปถึงอาการข้อเข่าเสื่อม หรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ร่วมด้วย เนื่องจากในประวัติการรักษาตอนพบแพทย์ด้วยอาการปวดเข่านั้น แพทย์ได้มีการระบุลงในประวัติการรักษาว่า ผิวกระดูกสะบ้าส่วนล่างของเข่าขวามีการเสื่อมตัวลงและมีความนุ่มมากขึ้น โดยในการพิจารณารับความเสี่ยง เมื่อเจอคำว่าเสื่อมในประวัติ โดยเฉพาะกับกระดูก จึงทำให้จำเป็นต้องระบุข้อยกเว้นขึ้นมา ซึ่งในกรณีนี้เนื่องจากกระดูกสะบ้า (กระดูกรูปสามเหลี่ยมด้านหน้าเข่า) เป็นจุดที่สำคัญ และเสี่ยงที่จะนำไปสู่อาการผิดปกติอื่นที่เกี่ยวข้องกับเข่าได้ จึงส่งผลให้จะไม่สามารถพิจารณารับความเสี่ยงในส่วนของเข่าได้เลยนั้นเอง แต่ทั้งนี้หากในอนาคตภายหลังทำประกัน มีการการตรวจติดตามอาการ และตรวจเพิ่มเติมว่า อาการเสื่อมได้หายแล้ว ก็จะสามารถยื่นทบทวนข้อยกเว้นนี้เข้ามาได้
- ในประวัติพบว่าเกิดอุบัติเหตุจนเส้นเอ็นรอบเข่าและข้อเข่าได้เกิดการฉีกขาดขึ้น แต่ผล follow up ล่าสุดยังคงพบว่าเอ็นบริเวณดังกล่าวยังมีความบอบช้ำอยู่ ทำให้ยังจำเป็นต้องยกเว้นความคุ้มครอง จนกว่าจะพบว่าเอ็นบริเวณดังกล่าวไม่อักเสบแล้ว
ยกเว้นความคุ้มครอง "เก๊าท์"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติเกี่ยวกับ โรคเก๊าท์และอาการข้ออักเสบ
สาเหตุ
- พบในประวัติถือว่าเป็นโรคประจำตัวรักษาหายขาดได้ยาก
ยกเว้นความคุ้มครอง "ผ่าเหล็กในขาออก"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ การรักษาการผ่าตัดเอาเหล็กดามที่บริเวณต้นขาข้างขวา รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ในประวัติพบมีการกระดูกหักและดามเหล็กอยู่ จึงจำเป็นต้องยกเว้นความคุ้มครอง จนกว่าจะมีการนำเหล็กที่ดามออกไปเรียบร้อย
ยกเว้นความคุ้มครอง "กระดูกสันหลัง"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ โรคกระดูกสันหลังส่วนเอว กล้ามเนื้อ และ อาการทางระบบประสาท อันเป็นผลสืบเนื่อง จากโรคกระดูกสันหลังส่วนเอว
สาเหตุ
- แถลงสุขภาพว่ามีการรักษากระดูกสันหลังส่วนเอวเมื่อ 20 ปีก่อน โดยอาการนี้มักเกิดขึ้นจากกระดูกเสื่อม พฤติกรรม เหตุผลด้านสรีระ โดยเมื่อเสื่อมสภาพแล้วจะไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้อีก การทบทวนตรวจฉายภาพ MRI/CT เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้มีการเสื่อม แต่ควรตรวจหลังพ้นระยะรอคอย เพื่อที่ให้มั่นใจว่าจะไม่พบอาการเสื่อมของกระดูกอื่น ๆ เพิ่มเติม และกลายเป็นข้อยกเว้นว่าเป็นมาก่อนประกันสุขภาพเริ่มคุ้มครองได้
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ โรคกระดูกสันหลังส่วนเอว รวมถึงอาการปวดหลัง กล้ามเนื้อ และ อาการทางระบบประสาท อันเป็นผลสืบเนื่อง จากโรคกระดูกสันหลังส่วนเอว
สาเหตุ
- ผล x-ray พบโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ ตั้งแต่ปี 60 ซึ่งเสี่ยงต่อการเคลื่อนมาทับเส้นประสาท และสงสัยว่ามีการเสื่อมของกระดูกเป็นปัจจัยให้ตีบแคบ การทบทวนตรวจฉายภาพ MRI/CT เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้มีการเสื่อม
- ในประวัติการรักษา แพทย์มีการระบุว่า มีความเสื่อมของกระดูกส่วนเอวอยู่ โดยอาการสืบเนื่องของโรคกระดูกสันหลังส่วนเอวนั้น จะมีได้ทั้ง อาการปวดหลัง กล้ามเนื้อ และอาการทางระบบประสาท โดยการรักษาในปัจจุบันทำได้เพียงการเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ความเสื่อมนั้นเสื่อมช้าลง และไม่ไปกระทบจนเกิดภาวะสืบเนื่องต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น การทบทวนทำได้เพียงมีความเห็นที่สองของแพทย์ท่านอื่น ที่วินิจฉัยได้ว่า กระดูกส่วนเอวนี้ไม่ได้มีการเสื่อม
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ โรคกระดูกสันหลังส่วนเอว หมอนรอง กระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อ และ อาการทางระบบประสาท อันเป็นผลสืบเนื่องจากโรคกระดูกสันหลังส่วนเอว
สาเหตุ
- ปี 64 ปวดหลังพบแพทย์ 5 ครั้ง โดยมีอาการชาลงขาทั้ง 2 ข้าง ไม่มีผล x-ray เลยไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่เนื่องจากอาการชาลงขาจึงต้องยกเว้นความคุ้มครองส่วนนี้ไว้ก่อน ทบทวนโดยมีผล x-ray แบบ TVS หากกระดูกไม่เป็นอะไรถอดข้อยกเว้นออกได้
ยกเว้นความคุ้มครอง "ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ประวัติพบว่าปวดกล้ามเนื้อและเยื่อผังผืดปี 61-63 ไม่ได้ระบุว่าหายขาด การทบทวนคือแพทย์ต้องระบุว่าหายขาดซึ่งทำได้ยากอย่างมาก
- ประวัติการรักษาพบว่า ปี 63 มีการรักษา อาการปวดสบักหลัง กล้ามเนื้อไหล่ คอ ต่อมา ปี 64 มีการรักษาอีก 5 ครั้ง ในอาการปวดคอ บ่า ไหล ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเป็น กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อผังผืด ที่ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบได้หลายบริเวณ แล้วแต่การใช้งานมัดกล้ามเนื้อซ้ำๆ ในบริเวณนั้นๆ หรือจะสามารถล่ามไปบริเวณอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อมัดนั้นๆได้ โดยส่วนมากกลุ่มอาการนี้จะเกิดจากพฤติกรรมความเคยชินที่เป็นอยู่สะสมมาอย่างยาวนานหลายปี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่สะสมมานานจะไม่ใช่เรื่องที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในทันที มีความเสี่ยงจะกลับมาเป็นซ้ำได้สูง เว้นแต่ว่าจะไม่มีการพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาอาการนี้อีกเลยนานมากกว่า 5-7 ปีขึ้นไป จึงจะสามารถยื่นทบทวนข้อยกเว้นนี้ได้ เพราะอาจหมายถึงว่าสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้สำเร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
- การยกเว้นความคุ้มครองนี้รวมไปถึงการปวดกล้ามเนื้อจากอุบัติเหตุ เนื่องด้วยกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นนั้น ยากที่จะวินิจฉัยได้ว่ากล้ามเนื้ออักเสบด้วยเพราะสาเหตุใด และไม่สามารถแยกรักษาและแยกคุ้มครองเฉพาะสาเหตุได้ รวมไปอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด จะยังส่งผลให้อาการปวดกล้ามเนื้อที่เกิดจากอุบัติเหตุรุนแรงมากขึ้นกว่าปกติได้
- โดยจะไม่สามารถกำหนดบริเวณขอบเขตที่ไม่คุ้มครองของกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อผังผืดได้ เพราะกลุ่มอาการนี้ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าหากเป็นแล้วจะเกิดเจาะจงที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งได้ ถือเป็นอาการกลุ่มโรคอาการหนึ่ง ที่เรียกว่า Office Syndrome ที่สามารถจะเกิดกล้ามเนื้ออักเสบได้หลายบริเวณ ยากที่จะตั้งขอบเขตได้ แต่อย่างไรหากรู้สาเหตุของพฤติกรรมที่ส่งผลต่อกลุ่มอาการนี้แล้ว จนได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเห็นว่าได้ผล ย่อมทำให้เหลือเพียงรอระยะเวลาให้ครบ 5-7 ปีที่ไม่ได้พบแพทย์เพราะอาการนี้เท่านั้น ก็จะสามารถยื่นทบทวนได้
ยกเว้นความคุ้มครอง "ตา"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ตาทั้งสองข้าง และอาการสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ประวัติแจ้งว่ายัง follow up อาการ SPK อยู่ แต่สุดท้ายได้ใบรับรองแพทย์รับรองว่าหายแล้วมาใช้ในการทบทวนนำข้อเสนอออกได้ในที่สุด
- ประวัติพบมีอาการภูมิแพ้ขึ้นตา ซึ่งมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้สูง และตามีขนาดเล็กแยกโรครักษาไม่ได้จึงต้องยกเว้นดวงตาทั้ง 2 ข้าง
- มีประวัติขั้วประสาทตาขวาเสื่อม ตาซ้ายเริ่มสายตาสั้น อาการสืบเนื่อง เช่น ตาแดง ตาแห้ง เห็นเป็นจุดสีฟ้า
โดย Prestige Health มองอวัยวะที่เป็นคู่คืออวัยวะเดียวกันจึงยกเว้นตาทั้งสองข้าง แต่จะยกเว้นข้างเดียวต้องเลือก Happy Health - ประวัติพบว่าวุ้นในตาเสื่อม และ ตาเริ่มเสื่อม
- ข้อยกเว้นความคุ้มครองตาทั้งสองข้าง จะรวมไปถึงอุบัติเหตุด้วย เนื่องจากตาเป็นอวัยวะที่มีขนาดเล็กทำให้ไม่สามารถจะเจาะจงยกเว้นเฉพาะส่วนได้ และด้วยความที่มีขนาดเล็กจึงทำให้หากเกิดความผิดปกติใดขึ้นกับตา ไม่ว่าจะด้วยเพราะโรคหรืออุบัติเหตุ จะเป็นการยากอย่างมากที่จะเจาะจงรักษาเฉพาะภัยที่เกิดขึ้นนั้นๆ ได้ เพราะส่วนใหญ่การรักษาจะมีความเกี่ยวข้องครอบคลุมทั้งหมดของตา และหากตามีความผิดปกติมาก่อน ย่อมส่งผลให้การรักษายากมากขึ้นกว่าปกติทุกครั้ง
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ต้อหินของตาทั้งสองข้าง รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- ผลการตรวจสุขภาพมีการตั้งข้อสังเกตุโดยแพทย์เรื่องต้อหิน โดยได้มีการยื่นทบทวนด้วยผลการตรวจใหม่แบบละเอียดพบว่าไม่ได้เป็น จึงถอดข้อยกเว้นนี้ออกได้
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ต้อกระจกของตาทั้งสองข้าง รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบในประวัติการรักษา และยังรักษาไม่หายขาด
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตัน รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบในประวัติการรักษา และยังรักษาไม่หายขาด
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ต้อกระจกของตาทั้งสองข้าง รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบในประวัติการรักษา และยังรักษาไม่หายขาด
ไม่คุ้มครองการเจ็บปวยเกี่ยวกับกลุ่มโรคร้ายแรงอื่นๆ ตาบอด ภายใต้ บีแอลเอ ซูเปอร์แคร์
สาเหตุ
- ประวัติพบว่าวุ้นในตาเสื่อม และ ตาเริ่มเสื่อม
ยกเว้นความคุ้มครอง "ผิวหนัง"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัยการรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ภูมิแพ้ผิวหนัง รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบในประวัติการรักษา และยังรักษาไม่หายขาด
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ โรคผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบว่าเป็นผิวหนังอักเสบตอนเคลมประกัน OPD ของประกันกลุ่ม ซึ่งโรคนี้ถือว่าเป็นอาการเรื้อรังหายขาดได้ยาก
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง และ/หรือ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- เนื่องจากไม่มีประวัติการรักษามีแต่เพียงการแถลงสุขภาพ ถ้าจะทบทวนจะต้องมีการโต้แย้งโดยตรวจพิสูจน์ว่าไม่ได้เป็นโรคดังกล่าวจริง ๆ
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ โรคผิวหนังอักเสบ การอักเสบติดเชื้อบริเวณเล็บมือ นิ้วมือ และ มือทั้งสองข้าง รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบในประวัติการรักษา และยังรักษาไม่หายขาด
ยกเว้นความคุ้มครอง "ภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ โรคภูมิแพ้ของระบบทางเดินหายใจ (Allergic Rhinitis) รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- มีประวัติเจาะเลือดพบเป็นภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ทบทวนได้ต้องหายนาน 4-5 ปีขึ้นไปโดยที่ไม่ได้พบแพทย์
- มีประวัติเป็นภูมิแพ้ทางเดินหายใจโดยพบแพทย์เพียง 1 ครั้งเท่านั้น ทบทวนได้ถ้าหายขาดนาน 4-5 ปีขึ้นไป
- การยกเว้นนี้ยังคงคุ้มครองดูแลระบบทางเดินหายใจตามปกติ ที่ยกเว้นจะเป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจโดยตรงเท่านั้น ซึ่งเป็นอาการเรื้อรังยากจะหายขาด แต่ถ้าแพทย์ระบุว่าหายแล้วไม่พบแพทย์อีกเลย 4-5 ปีจะสามารถทบทวนได้
- เคยมีประวัติรักษาภูมิแพ้ทางเดินหายใจปี 62 แต่หลังจากนั้นไม่เคยรักษาอีกเลย สุดท้ายจึงไม่ถูกยกเว้นอะไร
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ผนังกั้นช่องจมูกคด (Deviated Nasal Septum), โรคโพรงจมูกอักเสบ (Sinusitis), โรคภูมิแพ้ของระบบทางเดินหายใจ (Allergic Rhinitis) รวมถึงอาการสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบในประวัติการรักษา และยังรักษาไม่หายขาด
ยกเว้นความคุ้มครอง "หอบหืด"
ไม่คุ้มครองการตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ หอบหืด หลอดลมอักเสบ และ โรคทางเดินหายใจอุดกั้นอันเป็นผลจากหอบหืด รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- พบในประวัติการรักษา และยังรักษาไม่หายขาด
ยกเว้นความคุ้มครอง "ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ"
ไม่คุ้มครอง การตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Obstructive sleep apnea) รวมถึงอาการสืบเนื่อง
สาเหตุ
- เนื่องจากในใบคำขอทำประกันมีการแถลงสุขภาพส่วนนี้รวมถึงมีการใช้เครื่อง CPAP อยู่ ทำให้ในทางปฏิบัติแม้จะอยู่ในข้อยกเว้นทั่วไปของประกันสุขภาพ แต่ก็ต้องระบุในข้อเสนอให้ชัดเจนเพื่อให้ครอบคลุมถึงอาการสืบเนื่องด้วย
- แต่ทั้งนี้อาการสืบเนื่องของภาวะหยุดหายใจที่ชัดเจนมักจะเป็นเรื่องการกรนที่อยู่ในข้อยกเว้นทั่วไปอยู่แล้ว ส่วนอาการอื่นๆ อย่างความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจนั้น จะไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่ามีสาเหตุมาจากภาวะหยุดหายใจหรือไม่ เพราะมีอีกหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้
- รวมถึงปัจจุบันผู้ขอทำประกัน ไม่ได้มีประวัติเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญให้สามารถรับทำประกันได้โดยปกติและไม่ถูกเพิ่มเบี้ย อย่างไรก็ตามหากผู้ขอเอาประกันมีการตรวจรักษา จนแพทย์ระบุว่าหายขาดจากภาวะหยุดหายใจและไม่ต้องใช้เครื่อง CPAP แล้ว ก็จะสามารถขอประวัติการรักษาเพื่อยื่นทบทวนนำข้อยกเว้นนี้ออกในภายหลังได้
ยกเว้นความคุ้มครอง "จิตใจ"
ไม่คุ้มครองการตรวจรักษา อาการ หรือ โรคที่เกี่ยวกับภาวะทางจิตใจ โรคทางจิตเวช เนื่องจากเป็นข้อยกเว้นทั่วไป
สาเหตุ
- พบในประวัติการรักษา และยังรักษาอาการ OCD ไม่หายขาด ทบทวนโดยแพทย์ให้หยุดทานยานาน 2 ปีขึ้นไป
ยกเว้นความคุ้มครอง "ไมเกรน"
ไม่คุ้มครอง การตรวจวินิจฉัย การรักษาโรค/ความผิดปกติที่เกี่ยวกับ ปวดศีรษะและโรคไมเกรน รวมถึงภาวะสืบเนื่อง
สาเหตุ
- มีการตอบคำถามแพทย์ตอนตรวจสุขภาพตามแบบฟอร์มของบริษัท โดยปวดศรีษะและโรคไมเกรน คือ ต้องปวดศรีษะด้วยไมเกรนจึงยกเว้นความคุ้มครอง ปวดศรีษะด้วยเหตุอื่น ๆ ยังคงให้ความคุ้มครอง อย่างไรก็ตามไมเกรนจะทบทวนไม่ได้เพราะเป็นอาการที่ไม่สามารถหายขาดได้
บทสรุป
ด้วยความเข้มงวดของ BLA ในการรับทำประกันสุขภาพนี้เอง การเตรียมความพร้อมด้านความรู้ ประวัติการรักษา และการประเมินผลการพิจารณาเบื้องต้น ก่อนการยื่นสมัครจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อที่จะลดโอกาสที่ทาง BLA จะไม่รับทำประกันสุขภาพลงได้
ทั้งนี้แบบประกันสุขภาพ Prestige Health ปลดล็อค จะเน้นเป็นแบบประกันสุขภาพเล่มเดียวตลอดชีพไม่ต้องตามอัพเดทใหม่เพิ่มเติมอีก จึงทำให้มีความคุ้มครองหลายอย่างมากกว่า Happy Health / Happy Health Premier (แต่ค่าแนะนำ Prestige Health ปลดล็อคให้น้อยกว่า)
รวมถึง Prestige Health ปลดล็อค ยังให้ความคุ้มครองครอบคลุมขบวนการรักษามะเร็งมากกว่าแบบประกันสุขภาพอื่น ๆ ในตลาด ที่เบี้ยประกันใกล้เคียงกัน
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ Prestige Health ปลดล็อค สามารถ.ให้ความคุ้มครองครบแบบนี้ได้ด้วยเบี้ยที่ไม่สูงมากนั้น จะต้องแลกมาด้วยความเข้มงวดของการพิจารณารับทำประกันสุขภาพอย่างมาก หรือ อาจเรียกได้ว่า Prestige Health ปลดล็อค จะไม่ได้ใช้เพียงเบี้ยในการสมัครทำประกัน แต่ต้องใช้ประวัติการรักษาที่ขาวสะอาดเข้าร่วมด้วย
จึงทำให้แบบประกัน Prestige Health ปลดล็อค เป็นหนึ่งในแบบประกันที่มี % หักอกผู้สมัครมากที่สุด ในบรรดาทุกแบบประกันสุขภาพเหมาจ่ายของ BLA ตั้งแต่ที่เคยมีมา
อย่างไรก็ตามใช่ว่า Prestige Health ปลดล็อค จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดเสมอไป โดยการจะตัดสินใจได้ว่าจะเลือกแบบประกันสุขภาพแบบใดดี สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เลือกได้ง่ายขึ้นคือ การเข้าใจ ขบวนการการรักษาและหมวดความคุ้มครองของประกันสุขภาพที่จะนำมาใช้เคลมในแต่ละขบวนการ ซึ่งจะทางเราจะได้ลงรายละเอียด เนื้อหาในส่วนนี้ เพื่อทำให้การเลือกประกันสุขภาพเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้นดังบทความต่อไปนี้
การวางแผนเก็บเงินและเกษียณอย่างจริงจัง เริ่มขึ้น เมื่อเข้าใจ..
วิธีใช้ธรรมชาติของเครื่องมือการเงินที่จำเป็นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
"ตน (ในปัจจุบัน) จักเป็นที่พึ่งของตน (ในอนาคต)"