วางแผนการเงินและวางแผนเกษียณ อะไรคือสิ่งสำคัญที่ควรต้องรู้ก่อนวางแผน
- ยิ่งถ้าหากวางแผนการเงินการเกษียณโดยรู้สิ่งสำคัญนี้ได้เร็วเท่าใด ก็ยิ่งช่วยให้คุณกับครอบครัวได้เหนื่อยน้อยลงเร็วขึ้นเท่านั้น
- หลายโรงเรียนในต่างประเทศต้องมีการสอนสิ่งสำคัญนี้อย่างจริงจัง โดยไม่ต้องรอให้ผู้ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนมาเป็นคนแนะนำ และทำให้พลาดเดินผิดทางไป!
เปิดเผยความจริงอันแสนเจ็บปวด
ที่คุณและครอบครัวจะได้พบหลังจากที่เรียนจบและทำงานไปได้หลายปีแล้ว
มันไม่ใช่การเจ็บปวดเพียงเพราะคุณกับครอบครัวรู้ตัวช้าไปเท่านั้น แต่มันเจ็บปวดเพราะ คุณกับครอบครัวจะไม่สามารถย้อนเวลา กลับไปแก้ไขอะไรได้อีก
คุณกับครอบครัวจะมีแต่คำถามมากมาย และคอยถามว่าทำไมเรื่องที่เสี่ยงเป็น เสี่ยงตายแบบนี้ถึงไม่ถูกสอนในโรงเรียน
แต่กลับให้คุณกับครอบครัวออกไปเรียนรู้เอง.. ให้ไปถูกหลอก.. ให้ไปเจ็บใจ จนกว่าคุณจะเข้าใจเองได้
เพราะสิ่งที่โรงเรียนคอยสอนคุณกับครอบครัว มักจะวนอยู่เพียง "ต้องแข่งขัน ต้องเก่ง ต้องหาเงินให้ได้มากที่สุด" ซึ่งมีแต่สร้างความเครียด ความกังวลให้กับชีวิตอยู่ตลอดเวลา โดยไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าไรจึงจะจบลงสักที
![สมัครงาน สมัครงาน](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2021/11/สมัครงาน.png)
อะไรคือสิ่งที่..โรงเรียนอาจไม่ได้สอน
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า คุณต้องทำงานให้ได้เงินเท่าไร.. ทำนานแค่ไหน แล้วเป้าหมายที่จำเป็นในชีวิตคือเท่าใด
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. ร่างกายและจิตใจของคุณจะถดถอยลงได้อย่างรวดเร็วเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะหากทำงานกินดื่มใช้ร่างกายและรับความเครียดอย่างมากในทุกวัน
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. โรคภัยไข้เจ็บที่คุณและครอบครัวหลีกหนีได้ยากเมื่อถึงช่วงอายุหนึ่งนั้นมีหน้าตาอย่างไร ค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้นทุกปีนั้นแทบทำให้ล้มละลายต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาขนาดไหน
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. จะจัดการกับความกังวล ว่าห้ามป่วย ห้ามตายในระหว่างที่คุณต้องออกไปทำงานหาเงินเพื่อคนข้างหลังได้อย่างไร
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. จะจัดการกับความโลภในการลงทุนได้อย่างไร ให้ไม่เลวร้ายถึงขนาดที่คุณต้องหมดตัว และเป็นหนี้จนอาจคิดสั้นได้
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. ชีวิตคุณเป็นสิ่งที่เปราะบางแค่ไหน ถึงขนาดตอบอย่างมั่นใจไม่ได้ด้วยซ้ำว่า คนชราอายุ 70 ปี กับคนหนุ่มสาวอายุ 25 ปี ใครจะจากไปก่อนกัน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. มูลค่าของเงินนั้นเปลี่ยนแปลงตามเวลา และคนที่ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ จะต้องเป็นทาสของเงินต่อไปไม่รู้อีกนานเท่าไร
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. คนที่พึ่งพาได้ที่สุดในชีวิต ก็คือตัวคุณเองในอดีต ไม่ใช่ใครที่ไหนทั้งใกล้ตัวและไกลตัว
บางสิ่งที่อันตราย.. ได้เข้ามาสอนแทน
โดยปล่อยให้คุณครูที่ชื่อว่า ละคร หนัง ซีรีย์ นิยาย โซเชียลมีเดีย อินฟลูเอ็นเซอร์ มาสอนแทน จนได้พาคุณหลงทางออกจากสิ่งที่คุณต้องการในชีวิตจริงๆ ไป
![Big Short movie Big Short movie](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2021/12/Big-Short-movie.png)
ทำไมสิ่งเหล่านี้ไม่ควรเป็นครู เพราะครูเหล่านี้เอาแต่สอนว่า..
◤ คุณกับครอบครัวต้องมีทุกอย่างตามที่คุณครูบอกว่าควรมี ไม่ว่าสิ่งนั้นจะแลกมาด้วย การทำงานที่ไม่ชอบ ทำแบบไม่รู้จบ หรือการลงทุนที่เสี่ยงในระดับการพนัน
◤ คุณกับครอบครัวต้อง มีบ้านหลังใหญ่ มีรถคันหรู ท่องเที่ยวในสถานที่ตื่นตาตื่นใจ อาหารการกินต้องไม่ธรรมดา ต้องมีของสะสมหายาก ต้องมีทุกๆ อย่าง ที่จะทำให้คนรอบข้างคุณต้องเอ่ยปากชม แม้ต้องผ่อนมาใช้ก่อนจ่ายที่หลังและต้องเป็นหนี้ที่จำกัดอิสรภาพ
◤ คุณกับครอบครัวต้อง ไล่ตามความสำเร็จ ต้องเป็นที่หนึ่ง มีบริษัทใหญ่โต เป็นผู้บริหารชั้นสูง มีพนักงานนับร้อยนับพัน เป็นที่รู้จักของคนจำนวนมาก มีผู้คนให้ความสนใจ
◤ คุณกับครอบครัวต้อง เป็นครอบครัวที่เพรียบพร้อม ทุกอย่างต้องดูดี ดูเพอร์เฟ็คในสายตาคนภายนอก
![คิดเรื่องการหาเงินให้ได้มาก ๆ คิดเรื่องการหาเงินให้ได้มาก ๆ](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2021/12/คิดเรื่องการหาเงินให้ได้มาก-ๆ.png)
และยิ่งคุณหาได้มาก มันกลับทำให้คุณยิ่งกังวลมากขึ้น
เพราะสิ่งมากๆ เหล่านี้ ล้วนวนกลับมา สร้างภาระที่มากมาย ตามมาด้วย แถมคุณและครอบครัวก็ยังคงมีความกังวลใจในเรื่องเหล่านี้กวนใจอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น..
ความกังวลเมื่อคุณหรือคนในครอบครัวออกไปทำงานแล้ว.. ถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณและครอบครัวจะอยู่กันต่ออย่างไร ไหนจะหนี้สิน ไหนจะค่าโรงพยาบาล ไหนจะค่าฌาปนกิจ ไหนจะค่าฟ้องร้อง ไหนจะค่าชดเชยคู่กรณี แล้วจะต้องหาทางขายทรัพย์สินหรือต้องกู้หนี้ยืมสิน และกลายเป็นปัญหาหรือภาระให้ใครอีกบ้าง
ความกังวลต่อความเจ็บป่วยในร่างกายทั้งตนเองและครอบครัว ไม่อยากไปตรวจสุขภาพ ไม่อยากรับรู้ ทำไมโรงเรียนไม่สอนให้รู้ว่า มันมีโรคบ้า ๆ มากมายที่ยากจะหลีกเลี่ยงและมีโอกาสเป็นสูงแค่ไหนเมื่ออายุมากขึ้น พร้อมค่าใช้จ่ายที่ไม่ต่างกับการปล้นเอาเงินที่หามาอย่างยากลำบาก ไปทั้งหมด
ความกังวลว่ายามแก่ชรา ค่าอยู่อาศัย ค่าการรักษา ค่าดูแล จะขึ้นไปสูงขนาดไหน จะต้องเป็นภาระใครต่อใครอีก จะมีใครหรืออะไรให้พึ่งพิงได้หรือไม่
ความกังวลว่า สุดท้ายจริง ๆ แล้วต้องหาเงินอีกนานแค่ไหน ต้องหาอีกเท่าไร เมื่อไรชีวิตที่วนเวียนแบบไม่มีจุดสิ้นสุดชัดเจนแบบนี้ จะจบลงสักที
สุดท้าย เมื่อคุณต้องเหนื่อยทั้งกายและใจอย่างถึงที่สุด
คุณจึงเริ่มรู้สึกตัวว่า..
▍ คุณเดินอยู่บนเส้นด้ายมาตลอด นับจากวันที่คุณออกมาทำงาน คุณถูกสอนให้ทำ ให้หาสิ่งของต่าง ๆ มามากมาย แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้เส้นด้ายนี้หนาและปลอดภัยมากขึ้นเลย
▍คุณเริ่มแก่ตัวลงมากพร้อมกับแบกภาระเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คุณเหนื่อย คุณเริ่มเจ็บป่วย คุณเริ่มต้องการแค่ความสงบในชีวิต ได้หลบไปหาความสุขเล็ก ๆ หรือขอแค่ได้ปลดปล่อยภาระที่มีออกไปให้ได้บ้าง
▍คุณไม่เคยได้กำหนดอะไรเลย ทุกอย่างเหมือนโดนผลักให้ไล่ไปตามกระแสความเชื่อบางอย่างของคนภายนอกเท่านั้น คุณเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องวิ่งไปตามสายพานนี้
▍ตอนนี้คุณรู้สึกว่า ทำไมภาพทุกอย่างมันพล่ามัวไปหมด มันไม่เคยชัดเจนเลย มันไม่มีความมั่นคง มีแต่ความกังวลที่ยังคงอยู่กับคุณเสมอมา
คุณเริ่มรู้ตัวว่า..ทั้งหมดนี้มันไม่ถูกต้อง มันขาดจิ๊กซอว์บางอย่างไป
เมื่อคุณรู้ตัวแล้วว่า..นี่มันไม่ถูกต้อง
คุณจึงได้นั่งหยุดพักกับตนเอง ได้นั่งเคียงข้างกับตนเอง แล้วถามกับตนเองตรง ๆ ว่า จริง ๆ แล้วคุณกับครอบครัวต้องการอะไร
“จริงๆ คนเราหาเงินไปเพื่ออะไร สุดท้ายแล้ว เราต้องการเพียงแค่สิ่งไหน”
![คนทำงาน burnout คนทำงาน burnout](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2021/12/คนทำงาน-burnout.png)
และบางทีคุณอาจจะตอบกับตนเองได้ว่า..
เป้าหมายชีวิตจริง ๆ อาจเรียบง่ายถึงขนาดนี้ แต่คุณครูโซเชียลมีเดียได้สอนให้คุณเดินกลับหลังและอ้อมไปไกลมาก เพราะเพียงคำสอนที่ว่า
“คุณจะต้องหาเงินให้ได้มากๆ ต้องมีทุกอย่างโดยเร็ว ต้องได้รับคำชื่นชมจากผู้คนจำนวนมาก แล้วคุณจะไม่มีอะไรให้กังวล”
ทั้งที่จริงๆ แล้ว ความกังวลเหล่านี้สามารถจะหายไปได้ หรือ อย่างน้อยลดลงได้โดยไม่ยาก ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ไม่ต้องใช้เงินหลายล้านบาท ไม่ต้องเป็นคนหาเงินเก่งมากๆ หรือต้องทำอะไรที่จะเพิ่มภาระขึ้นอีกมากมายเลย
"แค่เพียงเริ่มทำในสิ่งที่โรงเรียนและคุณครูโซเชียลมีเดียเหล่านั้นสอนไม่ครบ"
ใช่..พวกเขาสอนไม่ครบ!! จากสิ่งที่ต้องสอนทั้งหมด 5 อย่าง พวกเขากลับสอนเพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ
1. ACTIVE INCOME การหารายได้จากการทำงาน หนึ่งในวิธีการสร้าง Your Money
ซึ่งมีระยะเวลาสั้นๆ ในการสร้าง Active Income อย่างมีประสิทธิภาพประมาณ 20-30 ปี
และสิ่งที่น่ากลัวต่อมา ที่พวกเขาสอนอ้อมๆ โดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ก็คือ
2. SPENDING การใช้จ่ายในสิ่งคิดว่าควรมีเหมือนคนอื่น ด้วย Your Money หรือ Family's Money หรือ Future Money (LOAN-กู้ยืม) จากพลังสื่อโฆษณาและการตลาดต่างๆ ที่จะพุ่งเข้าหาคุณตลอด 24 ชม. ไม่ว่าคุณจะตื่นนอนตอนไหนก็ตาม
และไม่เคยเลยที่จะสอน จิ๊กซอว์สำคัญอีกถึง 3 อย่าง ที่คุณกับครอบครัวจำเป็นต้องรู้และเข้าใจอย่างจริงจัง เพื่อที่จะทลายข้อจำกัดของข้อ 1 และ จำกัดขอบเขตความน่ากลัวของข้อ 2 ได้
ก่อนจะลงลึกถึง 3 จิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปนี้ ให้คุณลองหลับตาและจินตนาการดูว่า..
เมื่อคุณเป็นดังเหตุการณ์ต่อไปนี้ คุณจะรู้สึกอย่างไร
![Happy go to work Happy go to work](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2021/12/Happy-go-to-work.png)
⦿ เมื่อคุณและครอบครัวสามารถออกจากบ้านไปทำงานได้อย่างสบายใจ โดยที่ไม่มีห่วงถึงภาระอันหนักหนาสาหัสภายหลังจากที่โชคร้ายมีสมาชิกในครอบครัวคนใดคนหนึ่งถูกมัจจุราชพรากไป และพร้อมทวงความยุติธรรมคืนให้ได้
![Happy health check Happy health check](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2021/12/Happy-health-check.png)
⦿ เมื่อคุณกล้าที่จะเรียนรู้ว่า โรคภัยที่จะเข้ามาตอนช่วงอายุต่าง ๆ นั้นมีอะไรบ้าง กล้าที่จะตรวจสุขภาพ.. ตรวจคัดกรองมะเร็งโรคร้าย โดยไม่กลัวว่าถ้าตรวจพบแล้วคุณจะต้องทำอย่างไร
![Happy treatment plan4 Happy treatment plan4](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2021/12/Happy-treatment-plan4.png)
⦿ เมื่อคุณกล้าที่จะป่วย กล้าที่จะเลือกวิธีการรักษาที่ดีที่สุด ทั้งต่อตัวคุณเองและครอบครัว พร้อมที่จะนอนรักษาใน รพ. ให้หายป่วยได้อย่างเต็มที่ด้วยความสบายใจ ไม่ต้องรีบเร่งแล้วสุขภาพจิตเสียเพราะกลัวว่าจะเป็นภาระให้กับคนรอบข้าง ทั้งยังมีเงินช่วยเหลือตอบแทนคนที่อาสาช่วยดูแลคุณหรือครอบครัวของคุณได้
![Happy investment3 Happy investment3](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2021/12/Happy-investment3.png)
⦿ เมื่อคุณกล้าที่จะลงทุนและเสี่ยงได้มากขึ้นเพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า เพราะคุณรู้ว่าคุณได้จัดการเงินส่วนที่จำเป็นในปัจจุบันและเงินตอนเกษียณไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้คุณกลับมาตั้งหลักใหม่ได้เสมอ
![Happy Retire2 Happy Retire2](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2021/12/Happy-Retire2.png)
⦿ เมื่ออายุใกล้เกษียณมากเท่าใด คุณยิ่งมีความสุข เพราะคุณรู้แล้วว่าคุณจะได้พักและมีอิสระที่จะทำในสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ ได้โดยไม่ต้องคิดเรื่องการหาเงินใดๆ อีก
![Happy thinking Happy thinking](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2021/12/Happy-thinking.png)
3 จิ๊กซอว์สำคัญที่ขาดหายไป
เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวคุณมาก และ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากมหาศาล
ก็สามารถที่จะได้ 3 จิ๊กซอว์เหล่านี้ มาเริ่มปลดความห่วง ความกังวล ที่คุณมีได้ในทันที
3 จิ๊กซอว์นี้มีมานานแล้วและคุณเองก็คุ้นเคยดี เพียงแต่คุณกับครอบครัวอาจไม่ได้นำมาประยุกต์ใช้อีกทางเท่านั้น เพราะมันคือขั้นตอนเดียวกันกับเมื่อตอนที่คุณอยากได้บ้าน อยากได้รถ อยากได้มือถือรุ่นใหม่ โดยสิ่งที่คุณจะทำอย่างแรกก็คือ
จิ๊กซอว์ 1
SAVING (เก็บออม) จาก Your Money ที่หามาได้ โดยอาจจะมีกลไกบางอย่างที่ทำให้สามารถออมได้อย่างมีวินัย
หรือ ถ้าหากมีเวลาที่นานพอหรือรับความเสี่ยงได้มากขึ้น คุณอาจเลือก
จิ๊กซอว์ 2
INVESTMENT (การลงทุน) ใน OPR (Other's People Resources) เช่น ลงทุนผ่านหุ้น ผ่านกองทุนรวม เพื่อที่จะให้เงินเติบโตได้เองมากขึ้น ผ่านการทำงานของคนอื่นโดยคุณมีหน้าที่เพียงแค่ลงเงินเท่านั้น
แต่ถ้าสุดท้ายคุณ ไม่ต้องการรอ ที่จะเก็บออมหรือลงทุนจนได้เงินก้อนมาซื้อ คุณต้องการให้มี ให้ได้ใช้ในทันที
สิ่งที่คุณมักจะทำต่อมาก็คือ BANK INVESTING (LOAN) คือ ให้ธนาคารมาลงทุนในตัวคุณผ่านการให้สิ่งที่คุณอยากได้มาก่อน จากนั้นคุณสัญญาว่าจะให้เงินธนาคารกลับไป 1-2 เท่าของราคาของนั้นๆ ตามเวลาที่กำหนด
ซึ่งก็คือการใช้ OPM (Other's People Money) จากเงินในธนาคาร หรือ การกู้มาใช้ก่อนแล้วค่อยผ่อนจ่ายภายหลัง นั้นเอง
และวิธีการนี้ละคือจิ๊กซอว์สำคัญที่ขาดหายไป
คุณรู้หรือไม่ว่า ด้วยวิธีการใช้เงินของผู้อื่นหรือ OPM แบบเดียวกันนี้เอง สามารถเปลี่ยนจากบ้าน รถ มือถือ มาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ของภัยที่คุณและครอบครัวไม่อยากให้เกิดขึ้นแต่ยากที่จะหลีกหนีได้
เช่น ค่ารักษาพยาบาลตลอดชีวิต ค่าใช้จ่ายช่วงสุดท้ายของชีวิต ค่าภาระหนี้สิน ค่าภาระทางธุรกิจ ค่าศาล ค่าทนาย ค่าเลี้ยงดูครอบครัว ค่าเล่าเรียนบุตร เป็นต้น ได้
ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ต่างกับค่าบ้านค่ารถตรงที่ คุณไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นตอนไหน และไม่รู้ควรจะต้องเก็บออม หรือ ลงทุน ไว้จำนวนเท่าไรและนานเท่าใดดี
ด้วยปัญหานี้เอง จิ๊กซอว์ตัวสำคัญสุดท้ายจึงเกิดขึ้นมา นั่นก็คือ
จิ๊กซอว์ 3
PROTECTION (การป้องกัน) ด้วย OPM (Other's People Money) หรือก็คือการจ่ายค่า FEE ในการดึงเงินจำนวนมากของผู้อื่นที่เสี่ยงภัยร่วมกัน มาใช้เป็นค่าใช้จ่ายให้กับภัยที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน โดยไม่จำเป็นต้องออมเงินจำนวนมากไว้เอง
โดยเพียงแบ่งเงินจำนวน 5%-15% ของ INCOME มาเป็นค่า FEE เข้าถึง OPM นี้ คุณก็จะมีเครื่องมือ PROTECTION ไว้ใช้ ในเหตุการณ์เสี่ยงภัยที่ไม่คาดคิดได้ในทันที
จิ๊กซอว์ 1+2+3
ที่สำคัญที่สุดคือค่า FEE เข้าถึง OPM เหล่านี้ เป็นเงินส่วนน้อยและทยอยเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จึงทำให้คุณสามารถนำเงินส่วนที่เติบโตได้เร็วกว่าของ INVESTMENT ผ่าน OPR มาจ่ายค่า FEE ที่เติบโตช้ากว่านี้ได้ ซึ่งจะทำให้ในระยะยาวแล้ว มีโอกาสได้ PROTECTION มาโดยไม่ต้องใช้เงินจาก Active Income เลยนั้นเอง
![2-แผนกระจายรายได้ตอนเริ่มต้นทำงาน 2 แผนกระจายรายได้ตอนเริ่มต้นทำงาน 1](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2022/06/2-แผนกระจายรายได้ตอนเริ่มต้นทำงาน-1.png)
![3-แผนกระจายรายได้ตอนทำงานเข้าที่ 3 แผนกระจายรายได้ตอนทำงานเข้าที่ 1](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2022/06/3-แผนกระจายรายได้ตอนทำงานเข้าที่-1.png)
ซึ่งคุณจะสังเกตเห็นได้ว่ากลไก OPM OPR นี้เปรียบเสมือนการที่คุณตัดสินใจที่จะ ผ่อนล่วงหน้าโดยที่คุณยังไม่ได้เป็นหนี้ หรือ ยังไม่ได้กู้ยืมเงินอะไรมาใช้ แต่เมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องใช้เงิน
ก็จะมีเงินให้คุณได้ใช้ตามสัญญา
![4-รายได้ที่มาจัดการเหตุคาดไม่ถึง 4 รายได้ที่มาจัดการเหตุคาดไม่ถึง 1](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2022/06/4-รายได้ที่มาจัดการเหตุคาดไม่ถึง-1.png)
![5-รายได้กิจการการลงทุนตนเองเข้าที่ 5 รายได้กิจการการลงทุนตนเองเข้าที่ 1](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2022/06/5-รายได้กิจการการลงทุนตนเองเข้าที่-1.png)
และในบางภัยทุกครั้งที่จะใช้เงินหรือในทุกๆ สิ้นปี วงเงินกู้ก็จะรีเซ็ตกลับมาเต็มวงเงินเหมือนเดิมอีกครั้ง หรือบางภัยเมื่อกู้ออกไปแล้วก็ไม่ต้องผ่อนจ่ายใดๆ อีก
ซึ่งเป็นอะไรที่ กลับกันกับการ การผ่อนจ่าย การกู้ยืมเงิน และการเป็นหนี้ ตามปกติอย่างสิ้นเชิง
และนี่คือ 3 จิ๊กซอว์สำคัญที่เป็นเครื่องมือทางการเงิน ที่โรงเรียนอาจไม่ได้พูดถึง หรือ ไม่ได้อธิบายอย่างเพียงพอ
SAVING (YM-Your Money)
INVESTMENT (OPR-Other's People Resources )
PROTECTION (OPM-Other's People Money)
เพียงแค่ทำกลับกัน..
จะได้ประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง
และด้วยการที่คุณยอมผ่อนล่วงหน้าตั้งแต่ยังไม่เป็นหนี้ วงเงินที่ได้จาก OPM จึงสูงมาก เมื่อเทียบกับการที่คุณรอให้เกิดเหตุการณ์ให้เป็นหนี้ก่อน แล้วจึงค่อยผ่อนจ่าย
ซึ่งการกู้แบบปกติอาจจำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ หรือต้องแบกหน้าหาคนให้มาช่วยค้ำประกัน แตกต่างกับการผ่อนล่วงหน้าที่คุณเพียงนำสุขภาพที่แข็งแรงไปค้ำวงเงินเท่านั้น
รวมถึงกลไกนี้ รัฐบาลก็สนับสนุน ให้สามารถนำมาลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีโอกาสได้เงินคืนภาษีหรือประหยัดภาษีที่จะจ่ายลงไปได้อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนำทั้ง 3 จิ๊กซอว์นี้มาทำงานร่วมกัน
ทำไมต้องนำ 3 จิ๊กซอว์นี้มาทำงานร่วมกัน
เพื่อที่จะสามารถ "ประมาณหามูลค่าเงินลงทุน OPR เพื่อไว้หมุนจ่ายค่า FEE ของ OPM เองได้"
ส่งผลให้สามารถทราบเป้าหมายของเงินลงทุน OPR ต่อปี ว่าต้องมีเท่าใด ตามระยะเวลาที่ต้องการ เช่นต้องการลงทุน 5 ปี 10 ปี 15 ปี หรือจนถึงอายุ 60 ปี
ซึ่งเมื่อทราบเป้าหมายก็จะทำให้ทราบในทันทีว่าอย่างน้อยควรต้องหาเงินอีกประมาณเท่าใด จึงจะสามารถเกษียณสุขได้
จึงเป็นที่มาของจุดเริ่มต้นในการวางแผนการเงินที่แท้จริง
![6-รายได้ในตอนเกษียณ 6 รายได้ในตอนเกษียณ 1](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2022/06/6-รายได้ในตอนเกษียณ-1.png)
ที่จะนำไปสู่การปรับปรุงรายรับรายจ่าย ให้มีสุขภาพทางการเงินที่สอดคล้องกับแผนและเป้าหมายนี้
รวมถีงยังสามารถลงทุนได้เสี่ยงสูงมากขึ้นในส่วนที่เกินจากเป้าหมายที่วางไว้ โดยไม่ต้องกังวลใดๆ เพราะมีส่วนที่ปลอดภัยกว่ารองรับไว้หมดเรียบร้อยแล้ว
แต่..ทำไมคนส่วนใหญ่มักหลีกหนี 3 จิ๊กซอว์นี้
กลไกของ 3 จิ๊กซอว์นี้สำคัญมาก ไม่ใช่เพียงในระดับครัวเรือน แต่เป็นในระดับชาติ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องผลักดันด้วยนโยบายทางภาษีอย่างเต็มที่ และส่งเสริมให้หากใช้ 3 จิ๊กซอว์นี้จะสามารถลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลได้สูงสุดถึง 600,000 บ.ต่อปี
แต่คนส่วนใหญ่มักจะสนใจเพียงว่าจะได้ประหยัดภาษีเท่าใด ได้เงินคืนเท่าใด ได้กำไรเท่าไร โดยไม่ได้สนใจเลยว่าลดหย่อน 600,000 บ.ต่อปีนี้ จะนำมาวางแผนอย่างไรให้พอเหมาะกับตนเองมากที่สุด และสามารถเกษียณสุขได้
การเกษียณนั้นแท้จริงแล้ว ไม่ได้หมายความว่าต้องหยุดทำงาน แต่หมายความว่าสามารถทำงานที่ต้องการภายใต้เงื่อนไขที่ต้องการของร่างกายและจิตใจ ได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลถึงภาระใดๆ
แต่เพราะทุกเครื่องมือทางการเงินใน 3 จิ๊กซอว์นี้ ไม่สามารถเดินไปหาผู้ใช้งานเพื่ออธิบายถึงความสำคัญความจำเป็น และเงื่อนไขการใช้งานต่างๆ ได้
จึงทำให้ต้องมีผู้แนะนำเครื่องมือทางการเงิน และมีค่าตอบแทนการแนะนำจากบริษัทเจ้าของเครื่องมือการเงินนั้นๆ ให้กับผู้แนะนำ ในจำนวนที่แตกต่างกันไปตามแต่ละเครื่องมือ
และด้วยผลประโยชน์ค่าตอบแทนนี้เอง จึงเป็นที่มาของปัญหาต่างๆ ด้วยความที่ผู้แนะนำเองก็อยากได้เครื่องมือที่ให้ค่าแนะนำสูง แนะนำง่ายไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องใช้เวลาอธิบายนาน
จึงทำให้เกิดการทำงานที่บอกความจริงเพียงด้านเดียว หรือความจริงแบบที่จัดชุดแพ็คเกจมาแล้วจากบริษัท เพื่อช่วยให้ปิดการขาย ได้ง่ายมากขึ้น
ทำให้โดยส่วนใหญ่ ผู้แนะนำอาจไม่ใช้เวลาในการให้ความรู้ความเข้าใจถึงแก่นของเครื่องมือ แต่เลือกที่จะแนะนำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากได้ยินแทน แม้จะเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดอยู่ก็ตาม
จนสุดท้ายมารู้ความจริงภายหลัง จึงรู้สึกไม่ดีกับเครื่องมือการเงินเหล่านี้ทำให้พอจะสรุปปัญหาที่ทำให้หลายคนกลัวและหลีกหนีเครื่องมือทางการเงิน 3 จิ๊กซอว์นี้ดังต่อไปนี้
SAVING (YM) : เงินฝากประจำ, กองทุนตราสารหนี้, ประกันสะสมทรัพย์
![New Home (2022) 5 New Home 2022 5](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2022/05/New-Home-2022-5.png)
ปัญหาของเครื่องมือนี้มักจะเกิดขึ้นกับประกันสะสมทรัพย์มากที่สุด โดยที่หน้าที่จริงๆ ของเครื่องมือนี้คือ
- บังคับออมไม่ให้เอาเงินออกไปได้ในระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี
- เสริมวินัยทางการเงิน ได้ลดหย่อนภาษี
- ล็อคดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น จะต้องให้เงินออมนี้ปลอดภัยและมั่นใจว่าจะเป็นตามจุดประสงค์ที่ต้องการเท่านั้น
แต่ปัญหาที่มักเกิดขึ้นคือ ผู้แนะนำอาจเน้นขายเพียงเรื่องการลดหย่อนภาษีนำหน้า หรือเน้นเพียงเรื่องผลตอบแทนมีเงินคืน หรือไว้อัพเซลเพิ่มความคุ้มครองอุบัติเหตุหรือสุขภาพ โดยไม่ได้บอกเลยว่าประกันสะสมทรัพย์นั้นหน้าที่จริงๆ แล้วคืออะไร ไม่ได้บอกว่ามีเครื่องมือการเงินอื่นที่เหมาะสมกว่าหรือไม่ เพราะจะทำให้ได้ค่าตอบแทนที่ลดน้อยลงได้
ทำให้หลายคนพอมาเข้าใจเครื่องมือการเงินในภายหลัง ก็ทำให้รู้สึกเสียดายโอกาสที่จริงๆ แล้วควรนำไปใช้กับประกันอย่างอื่นมากกว่า เพราะลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลส่วนของประกันนั้นได้สูงสุดเพียง 100,000 บ. เท่านั้น
INVESTING (OPR) : กองทุน SSF/RMF/PVD/กบข , ประกันบำนาญ
![New Home (2022) 8 New Home 2022 8](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2022/05/New-Home-2022-8.png)
ปัญหานี้ยังคงคล้ายกับประกันสะสมทรัพย์คือ ผู้แนะนำจะเน้นเพียงเรื่องลดหย่อนภาษีและผลตอบแทนนำหน้า โดยขาดการวางแผนที่ชัดเจนหรือการจำลองในหลายสถานการณ์ ว่าสุดท้ายแล้วเงินที่ลงทุนนี้ ควรตั้งเป้าให้ดูแลเป้าหมายที่จำเป็นในเรื่องใดบ้าง มีโอกาสสำเร็จกี่ % ไม่ใช่เพียงสร้างภาพให้ดูน่าเชื่อถือ สร้างความเชื่อ สร้างความโลภจากการให้ดูสถิติย้อนหลังเท่านั้น
ส่งผลให้หลายคนมักประสบปัญหา 3 อย่างคือ
- ลงทุนแบบเสี่ยงมากเกินไปโดยไม่มีแผนอื่นใดมารองรับ โดยเฉพาะตอนใกล้เกษียณ
- ลงทุนเสี่ยงน้อยเกินไปจนเสียโอกาสของระยะเวลาที่ยาวนานที่สามารถเฉลี่ยลดความเสี่ยงความผันผวนที่จะไม่ได้ผลตอบแทนตามต้องการลงไปได้อย่างมาก
- ลงทุนมากเกินไปหรือน้อยเกินไป เพราะขาดเป้าหมายไม่ได้มีการเชื่อมโยงกับเครื่องมือ OPM และใช้เงินคืนภาษีอย่างน่าเสียดาย
ทั้งๆ ที่สิทธิลดหย่อนรวมกันที่สูงถึง 500,000 บ.ต่อปีนั้น หากวางแผนจัดสรรค์อย่างดี ร่วมกับระยะเวลาและเครื่องมือด้าน OPM แล้ว จะทำให้ชีวิตหลังเกษียณแทบจะไม่มีภาระด้านค่ารักษา และบำนาญค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่างๆ เลย
PROTECTION (OPM) : ประกันชีวิต, ประกันสุขภาพโรคร้าย, ยูนิตลิงก์
![New Home (2022) 7 New Home 2022 7](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2022/05/New-Home-2022-7.png)
ถึงแม้เครื่องเหล่านี้จะเป็นลักษณะการป้องกันกระจายความเสี่ยง และลดหย่อนภาษีรวมกันได้สูงสุดที่ 100,000 บ.ต่อปี แต่สุดท้ายก็มักจะถูก
- นำเสนอในเรื่องผลตอบแทนมากกว่าด้านความคุ้มครอง
- นำเสนอโดยไม่บอกความรุนแรงของปัญหา แต่เน้นเบี้ยให้น้อยที่สุดนำหน้า
- นำเสนอแต่ผลประโยชน์ที่จะได้รับจาก OPM โดยไม่บอกเงื่อนไขที่สำคัญ
- นำเสนอตามที่หลายคนเข้าใจมากกว่าจะบอกความจริง
- นำเสนอตามที่บริษัทแนะนำทั้งๆ ที่มีความคลาดเคลื่อนหลายอย่างรออยู่ตอนเกษียณ
- นำเสนอเฉพาะปัจจุบัน ไม่อธิบายหรือแนะนำวิธีแก้ไขของปัญหาที่จะตามมาในอนาคต
- นำเสนอเฉพาะเครื่องมือเดียว โดยไม่นำเครื่องมืออื่นที่ตรงจุดประสงค์กว่าเข้ามาช่วย
ทั้งหมดนี้จึงทำให้ภายหลังเมื่อทำประกันแบบต่างๆ ไปแล้ว ก็มักจะเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย ทั้งเรื่องความคุ้มครองไม่พอ มีส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่มมหาศาล การไม่ครอบคลุมความคุ้มครองบางอย่างที่สำคัญ การทะเลาะขัดแย้งเพราะความเข้าใจผิด ความคลาดเคลื่อนจากการจำลองคาดการณ์ที่จะเริ่มเปิดเผยให้เห็นหลังเกษียณโดยไม่มีแผนการอื่นใดมารองรับ
โดยสรุปปัญหาที่มักพบเจอจากผู้แนะนำและทำให้หลายๆ คนเกิดความกลัวและหลีกหนีเครื่องมือทางการเงิน ก็คือ ผู้แนะนำมักนำเสนอเพียงเฉพาะ
จุดเด่น (แต่ไม่เคยได้ยินว่า ข้อจำกัดมีอะไรบ้างและมีวิธีอื่นอีกไหม)
การจ่ายคงที่ มีเงินคืน คุ้มค่า (แต่ไม่ได้บอกว่าต้องแลกด้วยอะไรมา)
การจ่ายสั้น (แต่ไม่ได้บอกว่าเหมือนเป็นการกันเงินตนเองมาคุ้มครองตนเอง)
เล่นกับอารมณ์ (แต่ไม่ได้บอกว่าเครื่องมือที่ใช้นั้นเหมาะสมที่สุดหรือไม่)
จึงเหมือนเป็นการแนะนำเครื่องมือการเงินเหล่านี้แบบเดียวกับการขายสินค้าที่จับต้องได้ทั่วไป.. โดยเน้นการสร้างภาพ สร้างความสัมพันธ์ ความเชื่อใจ อารมณ์.. ชี้ให้เห็นตัวเลขผลที่ได้ จนเกิดความเชื่อความอยากได้ และใช้เทคนิคทั้งหมดนั้นมาปิดการขาย
ซึ่งจริงๆ แล้ว เครื่องมือการเงินคือสัญญาไม่ใช่สินค้าจับต้องได้ทั่วไป จึงจำเป็นต้องเข้าใจเงื่อนไขทั้งหมด หรืออย่างน้อยสาระสำคัญก่อนทำสัญญา ไม่ใช่เพียงเชื่อใจ เกิดความเชื่อจากสถิติย้อนหลังแล้วก็ลงมือทำสัญญา เพราะนั่นล้วนแต่สร้างปัญหาตามมาในภายหลัง และได้สร้างชื่อเสียมากมายให้กับเครื่องมือการเงินเหล่านี้
นอกจากนี้ ปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือ..คนส่วนใหญ่ไม่ยอมเสียเวลาทำความเข้าใจเครื่องมือการเงินเหล่านี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะวิธีการนำแต่ละเครื่องมือมาใช้งานร่วมกัน ทั้งๆ ที่ราคาของเครื่องมือเหล่านี้นั้นรวมกันตลอดอายุสัญญามีมูลค่าหลักหลายแสนถึงหลักหลายล้านบาท
ยิ่งพอมารวมกับความเข้าใจผิดและการบอกกันแบบปากต่อปาก จากที่เป็นเครื่องมือทางการเงินที่จะช่วยทุ่นแรงให้คุณกับครอบครัวผ่าน OPM และ OPR
"กลับกลายเป็นเครื่องมือการหาเงินของผู้แนะนำไปแทน"
แม้สุดท้าย..จะมีผู้คนบางส่วนได้ทำความเข้าใจและเห็นถึงความสำคัญจริงๆ แต่ก็ไม่ไว้ใจผู้แนะนำ จนทำให้ต้องไปสมัครเป็นผู้แนะนำเอง เพื่อที่จะเข้าไปศึกษาล้วงข้อมูลออกมาไว้ทำให้กับครอบครัว
แต่นั่นก็เป็นวิธีที่ใช้เวลาอย่างมาก และต้องยอมรับว่าข้อมูลบางอย่างจำเป็นต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ เพราะบริษัทไม่ได้มีการสอนหรือยอมบอกตรงๆ ไว้ทั้งหมดตั้งแต่แรก เนื่องด้วยข้อมูลที่เยอะมาก และผลประโยชน์ที่ทับซ้อนกันอยู่
"ดังนั้นคงจะดีมากๆ หากมีคนที่เข้าไปล้วงข้อมูลเหล่านี้ และนำออกมาบอกกับทุกคนอย่างตั้งใจและจริงใจ โดยไม่เอาผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างค่าการแนะนำ ค่าตอบแทนการตลาด เข้ามาเป็นปัจจัยหลักของการหารายได้"
และนั่น จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ Release your Risk
จุดเริ่มต้นของ Release your Risk
เพียงแค่ต้องการ..วางแผนการเงินอย่างจริงจังเท่านั้น
หลายคนมักเข้าสู่ธุรกิจเครื่องมือทางการเงินด้วยเพราะ ต้องการวางแผนการเงินอย่างจริงจัง หรือ มีผู้ชี้ช่องให้เห็นถึงความสำคัญของเครื่องมือการเงินทั้ง OPR/OPM และเริ่มต้นที่อยากนำเครื่องมือการเงินมาดูแลครอบครัวตนเองอย่างจริงจัง
จากนั้นเมื่อได้เห็นค่าตอบแทนจากการแนะนำร่วมกับความสำคัญของเครื่องมือ จึงขยายวัตถุประสงค์ไปสู่การหารายได้จากการบอกต่อถึงความสำคัญนี้
และบางส่วนอาจเผลอติดอยู่ในกับดักของค่าตอบแทน และบทการขาย ที่บริษัทแนะนำว่าพูดตามนี้ แนะนำตามนี้ หรือให้มีตำแหน่งกับคุณวุฒิตามนี้ ให้ดูขายดี ขายได้มากๆ ให้เกิดความเชื่อ เพื่ออาศัยทั้งหมดนี้ทำให้ปิดการขายให้ได้ง่ายและมากที่สุด
แทนที่จะนำข้อมูลที่มีทั้งหมดของเครื่องมือการเงินแต่ละตัว มาวิเคราะห์เปรียบเทียบให้ความรู้อย่างจริงจัง ว่าอะไรเป็นข้อดีตามบทขาย และอะไรเป็นข้อจำกัดที่แอบแฝงอยู่
ทั้งหมดนี้ได้นำไปสู่การยกให้ ความจริงของบริษัท ขึ้นมาอยู่เหนือความจริงของเครื่องมือการเงิน
ทุกครั้งที่ขายด้วยบทขายต่างๆ จะรู้สึก "เอ๊ะ" และเกิดคำถามขึ้นเสมอ
ทาง Release you Risk เองก็ไม่ได้ต้องการติดกับดักเหล่านี้ เพราะทุกครั้งที่ขายด้วยบทขายต่างๆ พวกเราจะรู้สึก "เอ๊ะ" และเกิดคำถามขึ้นมาเสมอว่า มันน่าจะยังมีอะไรมากกว่านี้
เราจึงพยายามหาความรู้ อบรมและสอบคุณวุฒิทางการเงิน ในส่วนของการวางแผนการเงิน การลงทุน ทั้งแบบที่บริษัทจัดอบรมให้ และแบบที่ต้องสมัครสอบกับทางสมาคมนักวางแผนการเงินแห่งประเทศไทยเอง
เพื่อที่จะได้แก่นความรู้จริงๆ ว่าปัจจุบันวงการนี้ทำงานกันอย่างไร และเชื่อว่า นักวางแผนการเงินมืออาชีพจะค่อนข้างมีความเป็นกลางสูง
ซึ่งท้ายสุดความรู้ที่ได้จะเป็น Framework รูปแบบการทำงานรูปแบบหนึ่ง ว่าวางแผนการเงินนั้นจะประกอบด้วยอะไรบ้าง เลือกใช้เครื่องมือการเงินอย่างไร โดยเป้าหมายภาพรวมจะเน้นไปที่ การวางแผนเกษียณ เป็นสำคัญ
แต่ตัวไส้ใน Framework ที่เป็นตัวเครื่องมือที่ต้องใช้จริงๆ ยังต้องกลับไปเจาะลึกที่ตัวบริษัทเจ้าของเครื่องมือนั้นๆ อยู่ดี
ซึ่งศัตรูที่สำคัญที่สุดของแผนเกษียณ ก็คือ ค่ารักษาพยาบาล และ หนี้สิ้นจากความโชคร้ายเมื่อกำลังหลักในการหารายได้ของครอบครัวจากไปกะทันหันหรือทุพพลภาพถาวร
โดยถ้าหากไม่จัดการวางแผนการเงินเรื่องเหล่านี้ก่อน ย่อมทำให้ไม่สามารถทราบเป้าหมายการเงินที่จะวางแผนได้อย่างแท้จริง
และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ทางเราเริ่มเข้ามาเจาะลึก ประกันสุขภาพ แบบลงรายละเอียดในทุกบริษัท ในทุกข้อพิพาทที่เกิดขึ้น โดยหารู้ไม่ว่านี้เป็นหนึ่งในแบบประกันที่ถูกคำโฆษณาและการตลาดเล่นงานอย่างหนักมากที่สุด
หนึ่งในแบบประกันที่ถูกการตลาดเล่นงานหนักมากที่สุด
การตลาดช่วงนั้นของแบบประกันสุขภาพถูกปกคลุมไปด้วยคำว่า ค่าห้อง ค่าOPD วงเงินคุ้มครองหลายล้าน แค่เคลม OPD ก็เกินเบี้ยที่จ่ายแล้ว และ เบี้ยคงที่เบี้ยไม่ทิ้ง
แน่นอนว่าหากฟังเพียงผิวเผินจะรู้สึกว่าน่าสนใจมาก ตามหน้าที่ของการตลาดที่ดึงความสนใจเข้ามาก่อน จากนั้นจึงค่อยมาอธิบายเพิ่มเติม และอัพเซลให้ได้สูงสุด (ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ชอบวิธีนี้)
ทางเราเข้าใจประเด็นนี้ จึงเจาะลึกเข้าไปในหมวดความคุ้มครองต่างๆ ว่าทำไมบริษัทนี้ให้แบบนี้ได้ แถมได้ค่าตอบแทนเยอะกว่าอีกบริษัทหนึ่งที่ให้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่เบี้ยใกล้เคียงกัน
จนสุดท้ายเราก็เจาะเข้าไปเจอว่า เพราะแบบประกันที่ให้เยอะๆ ตามคำโฆษณาได้นั้น ไม่ได้มีความคุ้มครองในบางประเด็นที่สำคัญมากอยู่ และเป็นปัญหาหนักมากของค่ารักษาในปัจจุบัน
และนั้นจึงเปลี่ยนมุมมองเราไปตลอดกาลสำหรับการเลือกแบบประกันสุขภาพว่า ไม่ใช่ดูตามคำโฆษณาหรือฟีเจอร์ต่างๆ แต่ให้เริ่มดูตั้งแต่
- โรคใดบ้างที่ค่ารักษาแพงมากหลักหลายล้าน ต้องรักษานาน และมีสถิติการป่วยมากที่สุด
- แต่ละขั้นตอนการรักษามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง สวัสดิการภาครัฐมีข้อจำกัดอย่างไร
- ค่าใช้จ่ายที่สูงที่ไม่ควรรับความเสี่ยงไว้เองและจำเป็นจริงๆ คือค่าอะไร
จากนั้นจึงค่อยพิจารณาเลือกแบบประกันสุขภาพที่สามารถตอบโจทย์ความเสี่ยงโรคเหล่านี้ได้
แล้วจึงค่อยพิจารณาเบี้ยประกัน และหาทางปรับให้เหมาะสมกับความจำเป็นมากที่สุด ว่าอะไรสามารถรับความเสี่ยงไว้เองได้ยอมสะดวกน้อยลง แต่จะประหยัดเบี้ยได้มากกว่า
และนั้นจึงเป็นที่มาให้ทางเราได้เจาะลึกหาสาเหตุว่าเบี้ยที่แพงสูงขึ้นนั้น มีสาเหตุจากความคุ้มครองลักษณะใดบ้าง
และเริ่มทำตารางเปรียบเทียบทั้งความคุ้มครองและเบี้ยประกัน ในหลายๆ แบบ หลายๆ บริษัท เพื่อวิเคราะห์หาจุดเด่นที่แต่ละบริษัทมี และทำให้ตัดสินใจเลือกตามจุดเด่นที่ชอบได้ง่ายขึ้น
แม้..ทุกอย่างกำลังดูดี ดูน่าสนใจ แต่เราก็พบปัญหาที่ยุ่งยากมากที่สุดตามมา..
การพิจารณารับประกันนั้น เข้มงวดและยุ่งยากไม่สะดวกอย่างที่คิด
นั่นก็คือ ขั้นตอนการพิจารณารับประกัน ที่เข้มงวดและยุ่งยากไม่สะดวกอย่างที่คิด
ด้วยแบบประกันสุขภาพที่คุ้มครองสูงนั้น ย่อมตามมาด้วยความเข้มงวดในการรับประกันที่สูงมากเช่นกัน และแม้หากหลีกเลี่ยงขั้นตอนนี้ได้ในตอนต้น แต่สุดท้ายตอนเคลมประกันก็ไม่มีทางหลีกหนีได้อยู่ดี
ทางเราจึงได้ประสบการณ์จากการปฏิบัติงานสะสมจากเดือนเป็นหลายปี ทั้งในขั้นตอนพิจารณารับประกัน และเคลมสินไหม จนได้ข้อสรุปต่างๆ ว่าในขั้นตอนเหล่านี้ควรทำอย่างไรจึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แล้วจึงได้เดินทางมาถึงการแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่สุดปัญหาหนึ่ง นั่นก็คือ เบี้ยประกันสุขภาพหลังเกษียณที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
เบี้ยประกันสุขภาพสูงขึ้นมากตอนเกษียณ เลือกเป็นเบี้ยคงที่ดีหรือไม่
ปัญหานี้เอง ที่สร้างความเข้าใจผิดในการเลือกแบบประกันสุขภาพได้อย่างมาก และทำให้เกิดปัญหาในการเลือกแบบประกันที่ไม่ตรงกับความเสี่ยงที่ต้องการโอนจริงๆ
ต้องยอมรับว่าประกันสุขภาพไม่ใช่จะดูเฉพาะตอนก่อนเกษียณเท่านั้น แต่จำเป็นต้องวางแผนหลังเกษียณควบคู่กันไปด้วย
เพราะประกันสุขภาพจะเน้นรีบทำตอนอายุน้อยให้ได้ความคุ้มครองครบถ้วนด้วยสุขภาพที่ยังดี และได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่ในตอนสูงอายุที่สุขภาพไม่ดีแล้ว
ไม่ใช่ว่าตอนสูงอายุจะยกเลิกประกันสุขภาพหรือปรับลดความคุ้มครองลงเนื่องจากเบี้ยที่สูงเกินไป
ซึ่งการจัดการเบี้ยประกันตอนสูงอายุนี้รูปแบบที่ง่ายที่สุดก็คือ การลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ความเสี่ยงและความผันผวนต่ำ ที่จะจำลองคาดการณ์ได้ว่าด้วยเงินลงทุนเท่าใดจะทำให้เงินเติบโตมาจ่ายเบี้ยประกันตอนสูงอายุได้เพียงพอในทุกๆ ปี
ขั้นตอนที่เรียบเงียบนี้ ถูกทำให้ยุ่งยากมากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนจาก "เบี้ยไม่คงที่ที่จ่ายครบจบแน่" ให้กลายเป็น "เบี้ยคงที่จ่ายครบแต่อาจไม่จบ" เพราะโอนความเสี่ยงด้านการลงทุนทั้งหมดมาให้ผู้ทำประกัน
ทั้งหมดนี้ทางเราจึงได้เขียนโปรแกรมขึ้นมาพิสูจน์ให้เห็นภาพตามได้ง่ายขึ้นว่า จ่ายเบี้ยคงที่ครบอาจไม่จบแน่ และได้หลุดจากการสร้างภาพชุดความเชื่อของแผนการตลาดเบี้ยคงที่ไม่จ่ายทิ้งนี้
และทำให้เห็นว่าการเลือกแบบประกันสุขภาพยังคงต้องเลือกที่ความคุ้มครองเป็นอันดับแรก แล้วจึงค่อยพิจารณาหาวิธีการจัดการเบี้ยหลังเกษียณที่เหมาะสมหลังทราบ ข้อดี/ข้อจำกัด/โอกาสสำเร็จ ของวิธีต่างๆ เรียบร้อย
"ไม่ใช่เลือกจากเงินสมมติที่คาดว่าน่าจะได้ตามบทขาย"
การคำนวณโอกาสสำเร็จสำคัญอย่างมาก
ด้วยค่าความแปรปรวนของกองทุนรวม ทางเราจึงได้เขียนโปรแกรมจำลองวิธีการจัดการเบี้ยสุขภาพหลังเกษียณร่วมกับการวางแผนเงินบำนาญขึ้นมา ร่วมกับแนวคิดตามงานวิจัยล่าสุด นอกเหนือจากวิธีใน Framework ของสมาคมนักวางแผนการเงิน
ซึ่งจะมีการนำปัจจัยพฤติกรรมการใช้จ่ายตอนเกษียณ และปัจจัยสถิติการเสียชีวิตในอายุต่างๆ มาเป็นพื้นฐานในการวางแผนร่วมด้วย
จึงทำให้ได้วิธีที่ยังยึดความผันผวนต่ำแต่กลับได้ผลตอบแทนที่สูงมากขึ้นได้ พร้อมคำนวณโอกาสสำเร็จในอายุต่างๆ ซึ่งช่วยให้เกิดความมั่นใจและเลือกใช้ตามความต้องการได้
ทั้งหมดนี้เองจึงทำให้ประกันสุขภาพนั้น มีรายละเอียดค่อนข้างมากพอสมควร และยากที่จะนำเสนอทุกอย่างให้จบได้ภายในเวลาที่จำกัดเพียง 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง
จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดทำเว็บไซต์ Release your Risk ขึ้นมา
พอทางเราเดินทางมาถึงขั้นตอนนี้ เรารู้สึกสบายใจมากขึ้นว่า งานเขียนโปรแกรมน่าจะง่ายแล้วเพราะ ในส่วนของประกันชีวิตไม่น่าจะซับซ้อนเท่ากับประกันสุขภาพ จนกระทั่งทางเราได้เริ่มลงมือเจาะลึกประกันชีวิต และพบว่าเราคิดผิด..
การตลาดที่รุนแรงของประกันโรคร้าย
กลับทำให้ประกันชีวิตมีความซับซ้อนสูง
โดยตัวประกันชีวิตเองนั้นมีความซับซ้อนสูงอยู่แล้ว เพียงแต่จะไม่ใช่ในแง่ความคุ้มครองอย่างแบบประกันสุขภาพ แต่จะเป็นในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่าง ทุนชีวิต มูลค่าเวนคืน เงินปันผล และเบี้ยประกัน
แต่พอมานับรวมประกันชีวิตบางแบบที่พ่วงประกันโรคร้ายเข้าไปด้วย จึงทำให้เกิดความซับซ้อนในแง่ความคุ้มครองเพิ่มเข้าไปอีก เพราะต้องมาทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ของประกันโรคร้ายร่วมเข้ามาด้วย
ซึ่งประกันโรคร้ายเองเป็นอีกหนึ่งแบบประกันที่มีการใช้การตลาดและการอัพเซลอย่างมากเพราะให้ค่าตอบแทนที่สูง
จนทำให้ลืมไปว่าหน้าที่หลักของประกันโรคร้ายไม่ใช่เรื่องค่ารักษาอย่างประกันสุขภาพ แต่เป็นเรื่องของการชดเชยและมีเงินก้อนให้ได้ปรับตัวที่รายได้หายไปหรือลดลง จากการป่วยโรคร้ายในวัยทำงาน
และเนื่องจากได้เป็นเงินก้อน จึงส่งผลให้เบี้ยประกันโรคร้ายตอนสูงอายุจึงแพงมาก และแพงมากกว่าเบี้ยประกันสุขภาพ
จนทำให้เบี้ยทั้งหมดที่จ่ายไปตอนสูงอายุนั้นมากกว่า เงินก้อนที่จะได้ตอนเจอโรคร้ายเสียอีก
โดยเบี้ยประกันโรคร้ายจะมากหรือน้อยนั้นนอกจากจะขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ แล้ว ยังขึ้นอยู่กับความคุ้มครองทั้งจำนวนโรค ระยะโรค(ต้น/กลาง/ท้าย) สถิติการเป็นโรค การเคลมได้หลายกลุ่มโรค เงื่อนไขการเคลมซ้ำโรคเดิมได้ เงื่อนไขการเคลมหลายกลุ่มโรค (ได้ทันทีหรือจนกว่าจะหายจากกลุ่มโรคเดิม)
ทั้งหมดนี้จึงทำให้ประกันโรคร้ายเป็นประกันที่มีมีความซับซ้อนสูงอย่างมากอีกหนึ่งแบบประกัน ถึงขนาดการตลาดสามารถทำให้
เข้าใจผิดว่า..ประกันโรคร้ายเจอโรคเดียวจ่ายจบ เป็น ประกันโรคร้ายที่เคลมได้หลายกลุ่มโรคเลยก็ได้ ถ้าไม่สังเกตเงื่อนไขการเคลมข้ามกับกลุ่มโรคให้ดีๆ
เลือกประกันโรคร้ายตามวัตถุประสงค์ ประหยัดเบี้ยอย่างมาก
ในความเป็นจริงแล้ว การเลือกประกันโรคร้ายที่ถูกตามวัตถุประสงค์จะเน้นไปที่โรคร้ายระยะสุดท้ายที่มีโอกาสการเป็นสูงเงื่อนไขการเคลมไม่ยุ่งยากโดยเฉพาะในวัยทำงาน (เพราะส่งผลให้ต้องหยุดทำงานหรือกลับมาทำงานแบบเดิมไม่ได้อีก)
และเน้นใช้ประกันสุขภาพดูแลรักษาโรคอื่นๆ โรคร้ายในระยะต้น โรคร้ายที่มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ และโรคร้ายที่ยากจะเข้าเงื่อนไขการเคลมประกันโรคร้าย
ซึ่งจะทำให้ได้ความคุ้มครองที่เพียงพอต่อค่ารักษา และในตอนสูงอายุจะประหยัดเบี้ยประกันได้มากกว่าการเลือกประกันโรคร้ายอย่างเดียวโดยไม่เอาประกันสุขภาพ
แต่ด้วยการตลาดและยอดขาย หากอธิบายเรื่องเหล่านี้ก็ยากที่จะอัพเซลได้ จึงจำเป็นต้องโฆษณาเน้นคุ้มครองจำนวนโรคเยอะๆ เคลมได้หลายระยะ ได้หลายกลุ่มโรค เพื่อให้ดูคุ้มค่าและไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกอัพเซลอยู่
หนำซ้ำยังทำการตลาดอัพเซลพ่วงขายประกันชีวิตตลอดชีพที่เป็นเบี้ยคงที่จ่าย 5-20 ปีเข้าไปอีก ทำให้ได้เงินก้อนตั้งแต่ตรวจเจอโรคร้าย ไม่ต้องรอให้ครบอายุสัญญาหรือเสียชีวิตแบบประกันชีวิตปกติ
ซึ่งจะทำให้สามารถอัพเซลขายประกันได้เบี้ยรวมสูงขึ้นอย่างมาก (เบี้ยจากหลักหมื่นอาจจะขึ้นไปถึงหลักแสน) ส่งผลให้ผู้แนะนำจึงเน้นขายประกันตัวนี้มากกว่าประกันสุขภาพ เพราะทั้งรับประกันได้ง่ายกว่า ได้ค่าตอบแทนมากกว่า และ ขายง่ายกว่า
ทั้งหมดนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ทางเราได้จัดทำบทความเจาะลึกอย่างจริงจังระหว่าง
ประกันชีวิตตลอดชีพโรคร้าย VS. ประกันชีวิตตลอดชีพ + ประกันโรคร้าย + ประกันสุขภาพ
เพื่อที่จะได้เห็นความจริงที่ซ่อนอยู่ในผลประโยชน์ และสามารถแยกโรคร้ายออกไปจากประกันชีวิตได้ ซึ่งทำให้สามารถอธิบายเฉพาะประกันชีวิตแท้ๆ อย่างเดียวได้อย่างเต็มที่
ป้องกันมรดกหนี้สินที่จะตกมาที่ตนเองได้อย่างไร
ประกันชีวิตนั้นมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในระดับครอบครัว ที่ต้องทำความเข้าใจกฏหมายเรื่องมรดกดีๆ ว่า สุดท้ายแล้วหากมีสมาชิกในครอบครัวคนใดคนหนึ่งจากไป
มรดกทั้งสินทรัพย์และหนี้สินนี้จะตกไปที่ใครบ้าง
รวมไปถึงต้องเข้าใจว่า มรดกหนี้นี้มีทั้ง หนี้ที่ติดตัวสมาชิกครอบครัวแต่ละคนตลอดชีวิต (อย่างค่าใช้จ่ายสุดท้ายของชีวิต) และ หนี้ที่ติดตัวสมาชิกครอบครัวชั่วคราว (อย่างหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้ธุรกิจ)
การแก้ไขปัญหามรดกหนี้จึงมักต้องมีการประชุมภายในครอบครัวในทุกปี หรืออย่างน้อยในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเงินใหญ่ๆ เกิดขึ้นในครอบครัว
เพราะสมาชิกในครอบครัวคงไม่ต้องการใช้เงินตนเองในการจัดปัญหาหนี้นี้ แต่คงอยากใช้เงินผู้อื่น หรือ OPM มาช่วยจัดการปัญหามรดกหนี้สินมากกว่า
และนั่นคือ จุดประสงค์สำคัญของประกันชีวิตที่ต้องยึดไว้ให้แน่น ไม่ไขว้เขวออกนอกทางเพราะการตลาด และความซับซ้อนของแบบประกันชีวิต
โดยความซับซ้อนของประกันชีวิตจะเกิดจาก เบี้ย ทุนชีวิต มูลค่าเวนคืน ซึ่งแต่ละแบบประกันจะแตกต่างกันไปตามเพศและอายุที่เริ่มทำประกัน
ทำให้แบบประกันชีวิต A อาจเหมาะกับช่วงอายุนี้เท่านั้น ในขณะที่แบบประกันชีวิต B จะเหมาะกับอีกช่วงอายุหนึ่งมากกว่า ไม่มีแบบประกันใดที่จะเหมาะใช้ในทุกช่วงอายุ หรือ ในทุกประเภทมรดกหนี้
ทำให้การเลือกแบบประกันชีวิตใด จึงจำเป็นต้องนำมาเปรียบเทียบทั้งหมดก่อนตัดสินใจว่า แบบใดจะเหมาะกับสมาชิกในครอบครัวมากที่สุด และเหมาะกับมรดกหนี้สินแบบใด
รูปแบบของประกันชีวิตจะมี 3 แบบใหญ่
โดยรูปแบบของประกันชีวิตที่ควรนำมาเปรียบเทียบพร้อมกันนั้น จะมีทั้ง
- แบบที่ 1 ทุนชีวิตสูง เบี้ยน้อย มูลค่าเวนคืนต่ำ คุ้มครองสั้น
- แบบที่ 2 ทุนชีวิตต่ำ เบี้ยสูง มูลค่าเวนคืนสูง มีปันผล คุ้มครองยาว
- แบบที่ 3 ประกันชีวิตควบการลงทุนที่เลือกปรับได้ว่าจะเป็น แบบที่ 1 หรือ แบบที่ 2 ในตอนอายุเท่าใด แต่แลกมากับการรับความเสี่ยงจากการลงทุนเอง
ด้วย 3 แบบประกันชีวิตนี้เอง จึงเป็นความยากของทางเราในการเขียนโปรแกรมเปรียบเทียบทุกแบบประกันชีวิตในอายุเริ่มทำประกันนั้นๆ รวมถึงการแสดงมูลค่าเวนคืนที่ได้ในอายุต่างๆ
นอกจากนี้ แบบประกันชีวิตหนึ่งๆ ก็อาจแตกย่อยออกไปได้อีกหลายแผน เช่น อย่างแบบที่ 2 มักจะมีแผนให้เลือกเจาะจงสำหรับทุนชีวิตสูง เช่น ทุน 5-10 ล้านขึ้นไป จะมีแผนที่ให้ส่วนลดเบี้ยพิเศษพร้อมสิทธิพิเศษ หรือ อาจให้ความคุ้มครองเพิ่ม เช่น เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุได้ 2 เท่าของทุนชีวิต เป็นต้น
ในขณะที่แบบที่ 3 บางช่วงอายุก็เด่นกว่าแบบที่ 1 และแบบที่ 2 อย่างชัดเจน จนพร้อมที่จะรับความเสี่ยงด้านการลงทุนไว้เองได้ แต่บางช่วงอายุก็เห็นได้ชัดว่าไม่ควรเลือกแบบที่ 3 เลย
ทั้งหมดนี้ ทางเราจึงต้องจัดทำบทความเจาะลึกและเปรีบบเทียบให้เห็นภาพตามให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดความเข้าใจและสามารถเลือกในสิ่งที่ตรงกับความต้องการมากที่สุดได้ และหากต้องรับความเสี่ยงไว้เองควรเป็นความเสี่ยงแบบใด
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ประกันชีวิตจึงเน้นหนักไปการเปรียบเทียบเชิงตัวเลข ซึ่งจะแตกต่างกับประกันสุขภาพและโรคร้ายที่จะเน้นหาข้อมูลด้านค่าใช้จ่ายและความคุ้มครองที่จำเป็นในการตัดสินใจ
อย่างไรก็ตามแบบประกันทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นเพียงเรื่องของการใช้เงินผู้อื่น OPM ในการจัดการเหตุการณ์ไม่คาดคิดและไม่อยากที่จะให้เกิดขึ้นเท่านั้น
แต่ในส่วนการใช้ทรัพยากรผู้อื่นหรือ OPR เพื่อเพิ่มมูลค่าของเงินที่มีให้สามารถเติบโตจนสามารถชนะเงินเฟ้อ และให้สามารถกลายเป็นบำนาญได้นั้น ยังเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่ต้องวางแผนเพื่อให้ทราบเงินเป้าหมายที่ควรจะต้องมี
แผนเกษียณแม้ซับซ้อนแต่ช่วยให้ทราบเป้าหมายที่เหมาะสม
สิ่งหนึ่งที่ได้จาก สมาคมนักวางแผนการเงินไทย และงานวิจัยวางแผนเกษียณของต่างประเทศ คือการวางแผน Mapping เครื่องมือการเงิน OPR ให้เหมาะสม กับ สถานการณ์ที่ต้องใช้งาน รวมไปถึงการมีแผนสำรองรองรับเสมอ
เครื่องมือการเงิน OPR ที่เหมาะสม นั้น จะพิจารณาจากค่าความแปรปรวนของผลตอบแทน ซึ่งโดยปกติยิ่งมีค่าความแปรปรวนน้อยผลตอบแทนก็ยิ่งน้อยลง แต่ก็เสี่ยงน้อยลงมาก ดังนี้
- ค่าความแปรปรวนน้อยมาก หรือไม่แปรปรวน เช่น เป็นสัญญาการันตีผลตอบแทนว่าจะได้ผลตอบแทนทั้งหมดที่ 3% ต่อปีแน่อน หากมีอายุยืนถึง 90 ปี หรือ ครบอายุสัญญานั้นๆ
- ค่าความแปรปรวนน้อย เช่น ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3%-4% ต่อปี แต่สามารถแปรปรวนได้ตั้งแต่ได้ -5% ถึง +5% จึงควรมีระยะเวลาให้เงินได้เติบโตเพื่อลดความแปรวนสัก 5+ ปี
- ค่าความแปรปรวนปานกลาง เช่น ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6%-7% ต่อปี แต่สามารถแปรปรวนได้ตั้งแต่ได้ -12% ถึง +12% จึงควรมีระยะเวลาให้เงินได้เติบโตเพื่อลดความแปรวนสัก 10+ ปี
- ค่าความแปรปรวนสูง เช่น ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8%-9% ต่อปี แต่สามารถแปรปรวนได้ตั้งแต่ได้ -20% ถึง +20% จึงควรมีระยะเวลาให้เงินได้เติบโตเพื่อลดความแปรวนสัก 15+ ปี
- ค่าความแปรปรวนสูงมาก เช่น ให้ผลตอบแทนได้มากกว่า 100% ต่อปี แต่สามารถแปรปรวนจน -100% ภายในไม่ถึงปีก็ได้เช่นกัน จึงควรต้องมีความรู้และประสบการณ์ที่สูงพอที่จะใช้เครื่องมือ OPR นี้
ส่วนใหญ่แล้ว ค่าแปรปรวนน้อยถึงสูง นั้นมักจะเป็น OPR จริงๆ คือ ให้ผู้อื่นที่มีความชำนาญและมีทรัพยากรมากพอ ให้ช่วยจัดการลงทุนและกระจายความเสี่ยงให้ โดยแลกกับค่าธรรมเนียมบางส่วน
และพอมีการกระจายความเสี่ยงที่ดี คัดเลือกการลงทุนที่ดี อย่างไรแล้วในระยะยาวจึงมีโอกาสที่สูงมากที่เฉลี่ยผลตอบแทนออกมาจะเป็น "บวก" หรือ เงินได้เติบโตขึ้นแน่นอน
วิธีนี้จึงมักจะเรียกกันติดปาก วิธีอดทนรวย คือหากอดทนรอให้เงินเติบโตได้ก็มีโอกาสรวย
ในขณะที่ OPR ที่มีค่าความแปรปรวนสูงนั้นเสี่ยงมาก และหากไม่มีแผนใดๆ รองรับ หากต้องสูญเสียเงินทั้งหมด วิธีนี้ก็จะคล้ายกับการเล่นการพนันพอสมควร
สถานการณ์ที่ต้องใช้งาน นั้นมักจะแบ่งได้ 3 ทางเลือกคือ
1. เลือกใช้ให้สอดคล้องตามระยะเวลาของเครื่องมือ OPR เช่น
- เงินก้อนนี้จะใช้ตอนอายุ 60 ปี ซึ่งยังมีเวลาอีกนานกว่า 10 ปีที่ จึงสามารถใช้เครื่องมือ OPR ที่มีความแปรปรวนปานกลางถึงสูงได้
- แต่ถ้าหากจำเป็นต้องใช้เงินทุกๆ ปี หรือ ทุกๆ 5 ปี ก็มักจะใช้เครื่องมือ OPR ที่มีความแปรปรวนน้อย
2. เลือกใช้ให้เหมาะกับประเภทค่าใช้จ่ายตอนเกษียณ
- ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นขาดไม่ได้ (NEED) - เป็นเงินขั้นต่ำที่ทำให้ดำรงชีวิตอยู่ได้
- ค่าใช้จ่ายเพื่อความสะดวกสบาย (WANT)
- ค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง (FUN)
3. เลือกใช้ให้เหมาะโอกาสการเสียชีวิตในอายุต่างๆ
- ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นขาดไม่ได้ (NEED) - เป็นเงินขั้นต่ำที่ทำให้ดำรงชีวิตอยู่ได้
- ค่าใช้จ่ายเพื่อความสะดวกสบาย (WANT)
- ค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง (FUN)
แผนสำรองที่เหมาะสมคือ
ทั้งหมดนี้ต้องนำมาวิเคราะห์ร่วมกัน
ดังนั้น
ข้อมูลและรายละเอียดเยอะมาก ทำไมควรต้องเรียนรู้เอง
เมื่อทางเราได้เรียนรู้จากประสบการณ์มาถึงจุดนี้ จึงพบว่ามีรายละเอียดมากมายหลายอย่างที่ถูกซ่อนเอาไว้ด้วยคำโฆษณาของบริษัทประกัน หรือด้วยคำว่าซื้อประกัน/กองทุนเพียงเพื่อลดหย่อนภาษีของลูกค้า หรือด้วยผลตอบแทนที่ดึงดูดของผู้แนะนำ
แต่อย่างไรก็ตามหากมีโอกาสได้เรียนรู้ข้อมูลที่ถูกซ่อนอยู่เหล่านี้ แม้ว่ามันจะมากมายเพียงใดก็ตาม ก็ควรจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจด้วยตนเองให้ได้
มากกว่าที่จะเชื่อตามภาพที่ผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อนได้สร้างขึ้นมาเท่านั้น
เพราะหลายๆ ครั้ง การเลือกซื้อประกัน การเลือกลงทุน ตามที่การตลาดสร้างภาพไว้นั้นจะทำให้
- ต้องจ่ายแพงเกินจริง
- ซื้อผิดวัตถุประสงค์ของเครื่องมือ
- ไม่ตรงความต้องการที่แท้จริงของครอบครัว
ดังนั้นหากยอมเสียเวลาทำความเข้าใจเครื่องมือเหล่านี้ (ที่ควรต้องมีสอนในโรงเรียน) ให้ได้เริ่มเข้าใจตั้งแต่ในวันนี้ ย่อมทำให้คุณกับครอบครัวได้ประหยัดเงินกว่าหลักแสนหลักล้านบาทอย่างแน่นอน
โดยขบวนการนี้ทางเราจะเริ่มจากเจาะลึกวิธีวางแผนเกษียณผ่าน OPR และวิธีป้องกันศัตรูของแผนเกษียณด้วย OPM ดังนี้
1. วางแผนเกษียณด้วย OPR
ผ่าน Premium Contents ส่วน คู่มือการวางแผนเกษียณผ่าน OPR อย่างมั่นใจ ในลิงก์ด้านล่างนี้ ที่จะเจาะลึกและเปรียบเทียบให้เข้าใจถึง
- วิธีป้องกันการใช้ประกันควบการลงทุนอย่างผิดวัตถุประสงค์ ตามคำเชื่อของโฆษณาที่จะให้ผลร้ายแรงอย่างมากในตอนเกษียณ
- วิธีใช้งานพอร์ตการลงทุนมากกว่า 1 พอร์ตตามจุดประสงค์ต่างๆ แทนการใช้เพียง 1 พอร์ตจัดการทุกอย่าง เพื่อลดความเคลื่อนจากคำนวณให้ได้มากที่สุด
- วิธีการและข้อควรระวัง ในการเลือกอัตราผลตอบแทนคงที่ในการจำลองการคาดการณ์ผลลัพธ์ตอนเกษียณ พร้อมการจำลองที่มีความแม่นยำมากกว่า
- ข้อควรระวังในการบริหารพอร์ตการลงทุนตอนใกล้เกษียณและหลังเกษียณ โดยเฉพาะหากโชคร้ายต้องมาอยู่ในตลาดขาลงพอดี
รวมไปถึงแนวทางวิธีการคำนวณว่าควรจะต้องลงทุนอย่างไรในกองทุนแบบใดดี จะใช้ SSF หรือ RMF จะจำเป็นต้องลงทุนเท่ากันทุกปีหรือไม่ แล้วในส่วนประกันบำนาญควรต้องทำหรือไม่ ควรเลือกแบบประกันบำนาญใดดี และควรทำประกันบำนาญเท่าไรดี
เพื่อทำให้เครื่องมือ OPR ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ คาดการณ์ได้ และเงินเติบโตขึ้นมากพอที่จะดูแลทั้งค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและบำนาญตอนเกษียณได้อย่างมั่นใจ พร้อมมีแผนสำรองรองรับความคลาดเคลื่อนไว้เสมอ
ซึ่งทั้งหมดนี้จะได้รวบรวมและจัดทำเป็น Premium Content ในลิงก์ด้านล่างนี้
2. ปกป้องแผนด้วย OPM-LIFE
ผ่าน Premium Contents ส่วน คู่มือเจาะลึกการเลือกประกันชีวิตให้ไม่ถูกหลอก ที่จะเจาะลึกไปถึงแก่นที่แท้จริงของเครื่องมือ ไม่ถูกคำโฆษณาหลอกให้ไขว้เขว
โดยจะทำให้คุณกับครอบครัวได้เห็นถึง
- ที่มาและวัตถุประสงค์ของประกันชีวิตรูปแบบต่างๆ สิ่งสำคัญที่หากไม่เข้าใจก็พร้อมจะเลือกแบบประกันผิดพลาดได้ในทันที
- ข้อควรระวังของ ประกันชีวิตที่ถูกพัฒนามาจนเริ่มผิดวัตถุประสงค์และทำให้จ่ายแพงเกินจริง
- แต่ละช่วงอายุควรเลือกแบบประกันชีวิตใดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
- การเปรียบเทียบชัดเจนของแบบประกันชีวิตต่างๆ เข้าใจเห็นภาพตามได้ง่าย
- วิธีการคัดเลือกควรต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้แบบที่ดีที่สุด
ทั้งหมดนี้จึงทำให้เรื่องนี้อยู่ในความรู้การเงินขั้นพื้นฐานที่หลายประเทศให้เรียนรู้จากโรงเรียนถึงความสำคัญตั้งแต่ในวัยประถม (จะไม่ใช่เพียงให้บริษัทประกันที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นผู้ให้ความรู้เชิงชักชวนเท่านั้น)
ซึ่งส่งผลให้ประชากรในประเทศเกิดความเข้าใจถึงความสำคัญของการทำ Cross-Insured ระหว่างคนในครอบครัว เช่น
- สามีทำให้ภรรยา หรือภรรยาทำให้สามี หรือลูกทำให้พ่อแม่ และพ่อแม่ทำให้ลูก Cross กันไปมา ตามการประชุมภาระหนี้ที่มีของสมาชิกในครอบครัวแต่ละปี ทำให้ทุกคนในครอบครัวมีแผนปกป้องรายได้ของตนเองรองรับกับเหตุร้ายของสมาชิกในครอบครัวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้
ดังนั้นเพื่อป้องกันความรู้การเงินที่คลาดเคลื่อนจากผู้ที่ผลประโยชน์ทับซ้อน ทางเราจึงได้จัดทำและรวบรวมข้อมูลเจาะลึกเหล่านี้ไว้ใน Premium Contents ด้านล่างนี้เรียบร้อย และจะทยอยอัพเดทเรื่อยๆ เมื่อฝ่ายการตลาดของบริษัทประกันต่างๆ ได้ออกผลิตภัณฑ์ที่จะเริ่มเบี่ยงเบนวัตถุประสงค์ที่แท้จริงออกมา
3. ปกป้องแผนด้วย OPM-HEALTH
ผ่าน Premium Contents ส่วน คู่มือเปรียบเทียบเชิงลึกประกันสุขภาพในลิงก์ด้านล่างนี้ ที่จะเจาะลึกและเปรียบเทียบประกันสุขภาพในหลายๆ บริษัท ว่ามีแบบใดบ้าง และควรจะเลือกแบบใดดี
- โดยจะเน้นให้ข้อมูลจี้ตรงไปถึงค่ารักษาของโรคในปัจจุบันและอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง และค่าใช้จ่ายนี้เป็นศัตรูตัวร้ายของแผนเกษียณสุขได้ขนาดไหน เพื่อเลือกประกันสุขภาพที่สามารถรองรับค่าใช้จ่ายได้จริงๆ
- เน้นทำให้เข้าใจว่าควรเลือกความคุ้มครองแบบใด ความคุ้มครองใดที่จ่ายเองได้จะประหยัดกว่าการใช้ OPM เพราะไม่ใช่ทุกความคุ้มครองที่ค่า FEE จะน้อยกว่าเงินที่ดึงมาจากผู้อื่นหรือ OPM เสมอไป
- ชี้ให้เห็นแนวโน้มและความอันตรายของค่า FEE โดยเฉพาะตอนสูงอายุ และได้เข้าใจอย่างชัดเจนว่า การที่ครอบครัวต้องรีบทำประกันสุขภาพนั้น เป็นเพราะต้องรีบรักษาสิทธิ์ที่ยังทำประกันสุขภาพและดึงเงินจาก OPM ออกมาได้
- และมั่นใจว่าตอนเกษียณจะได้รับความคุ้มครองครบถ้วน ไม่ถูกยกเว้นความคุ้มครองบางอย่าง ด้วยเงื่อนไขที่เป็นโรคมาก่อนทำประกันสุขภาพ
ในบางประเทศที่ค่ารักษาแพงกว่าประเทศไทยมากนั้น จะบังคับให้ประชาชนต้องทำประกันสุขภาพโดยเร็วที่สุดและเบี้ยประกันจะค่อนข้างสูงมาก ถึงขนาดที่เบี้ยรายเดือนเท่ากับเบี้ยรายปีของประเทศไทย แต่ยังให้ความคุ้มครองเพียง 70% เท่านั้นที่เหลือจะต้องร่วมจ่ายก็มี
ดังนั้นแท้จริงแล้วจะเห็นได้ว่าประกันสุขภาพนั้น ไม่ใช่จะสามารถดึงเงินจาก OPM ออกมาได้ง่ายๆ แต่จะต้องมีเงื่อนไขต่างๆ ตามมาอีกมากมายที่ต้องทำความเข้าใจก่อนทำประกัน
และคู่มือฉบับนี้จะเปิดโลกของประกันสุขภาพให้คุณและครอบครัวเข้าใจได้อย่างตรงไปตรงมามากที่สุด พร้อมด้วยวิธีการแก้ไขต่างๆ หากพบเจอกับปัญหา
รายได้ Release your Risk จะมาจากทางใด
รายได้หลักที่จะทำให้ทางเราให้บริการต่อไปได้นั้นจะมาจากรายได้ของค่าสมาชิกรายปีต่อไปนี้
1. PREMIUM CONTENTS ที่เจาะลึกเครื่องมือการเงินเพิ่มใน 3 หัวข้อคือ
- คู่มือวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณสุข 2023
- คู่มือเลือกซื้อประกันชีวิต 2023
- คู่มือเลือกซื้อประกันสุขภาพโรคร้าย 2023
- และเนื้อหาทางการเงินที่จำเป็นต้องรู้ ที่ทยอยอัพเดทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ..
2. PREMIUM SERVICES เฉพาะสมาชิก Premium Contents ที่ต้องการบริการพิเศษเพิ่ม
- การคำนวณเงินลงทุน SSF/RMF ต่อปี พร้อมการคำนวณ Success Rate เพื่อไว้เป็นเบี้ยประกันสุขภาพหลังเกษียณและไว้เป็นเงินบำนาญ โดยใช้กองทุนรวมในรูปแบบ Multi และ Dynamic Portfolio
- การตอบคำถามและการให้ความเห็นที่ 2 (Second Opinions) ในการการเปรียบเทียบเครื่องมือการเงินต่างๆ
ในส่วนรายได้รองนั้น จะเป็นการให้บริการเครื่องมือการเงินต่างๆ ซึ่งจะรับดูแลเฉพาะสมาชิกเท่านั้น เนื่องจากเราอยากเน้นเฉพาะท่านที่เห็นด้วยและชอบกับแนวทางของทางเราจริงๆ และยังต้องการให้ทางเราเป็นผู้ให้บริการและดูแลส่วนต่อไปนี้ คือ
1. PROTECTION SOLUTION
- ต้องการให้ทางเราเป็นตัวแทนประกันชีวิต ของ กรุงเทพประกันชีวิต และภายหลังทำประกันก็ยังสามารถใช้ทั้ง PREMIUM CONTENTS และ SERVICES ได้โดยไม่ต้องเสียค่าสมาชิกรายปีในปีถัดไปอีก
2. INVESTMENT SOLUTION
- ต้องการเปิดบัญชีกองทุนรวมกับทางเราและให้ทางเราเป็นผู้แนะนำการลงทุนโดยตรง โดยหากขั้นต่ำของพอร์ตการลงทุนจะอยู่ที่ 500,000 บ. จะสามารถใช้ทั้ง PREMIUM CONTENTS และ SERVICES ได้โดยไม่ต้องเสียค่าสมาชิกรายปีในปีถัดไปอีก
ที่เป็นในรูปแบบนี้ก็เพื่อทำให้ทางเราได้มีความชัดเจนมากขึ้นว่า เราจะรับค่าตอบแทนจาก ค่าสมาชิกเป็นหลัก ไม่ใช่เพราะหวังมุ่งเป้าไปที่จะเอาค่าตอบแทนการตลาดหรือค่าการแนะนำเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความลำเอียงและไม่สามารถให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาได้
โดยเป้าหมายหลักของทางเรา คือการตีแผ่ข้อมูลทุกอย่าง พร้อมบทวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ทั้งในมุมมองของทั้งผู้ทำสัญญา ผู้แนะนำสัญญา และผู้รับทำสัญญา
เพื่อให้คุณกับครอบครัวเข้าใจถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังได้อย่างลึกซึ้งโดย ไม่ต้องเสียเวลา เสียโอกาส และค่าใช้จ่ายเพื่อเข้ามาล้วงข้อมูลเหล่านี้ด้วยตนเอง หรือต้องมานั่งขุดข้อมูลบางอย่างเพื่อวิเคราะห์หาผลประโยชน์ทับซ้อนที่ปิดบังเอาไว้
ให้เป็นคู่มือข้างกายในการเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินส่วนบุคคลและส่วนครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ถูกบริษัทที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ชักชวนเลือกจัดแพ็คเกจแทนคุณกับครอบครัวทั้งหมดโดยไม่รู้สาเหตุเบื้องหลังว่าเพราะอะไร
ทำให้คุณกับครอบครัวได้ทราบถึงที่มาว่า ทำไมบริษัทชอบแนะนำเครื่องมือนี้มากกว่าอีกเครื่องมือหนึ่ง หรือชอบให้เพิ่มเติมเครื่องมือนี้เพิ่มเข้ามาด้วย รวมไปถึงทำไมบริษัทผู้รับทำสัญญาจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือเหล่านี้ออกมา
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงเพราะ เครื่องมือเหล่านี้นั้นดีต่อคุณกับครอบครัวฝ่ายเดียวแน่นอน
เข้าใจก่อนเลือกใช้เครื่องมือการเงิน เพื่อสามารถเกษียณสุขได้อย่างสบายใจ และนั่นคือหน้าที่ของเรา
จนมีวันหนึ่งได้มีคนเข้ามาเปิดใจให้ทางเราได้เห็นประโยชน์ของเครื่องมือทางการเงิน ทำให้เกิดความเชื่อใจ และทำตามคำแนะนำด้วยอารมณ์เป็นห่วงครอบครัว โดยที่ยังไม่เข้าใจเครื่องมือการเงินนั้นจริง ๆ ว่ามีวิธีการทำงานอย่างไร
สุดท้ายเมื่อรู้สึกแปลก ๆ จึงได้เอาตนเองเข้าไปศึกษาและล้วงข้อมูล จนทำให้รู้ว่า นี่มันไม่ใช่เครื่องมือที่เหมาะสมกับเราในตอนนี้ มันมีเครื่องมืออื่นที่เหมาะสมมากกว่า แต่นั้นก็สายไปแล้ว เพราะทุกอย่างเป็นสัญญา ที่ย่อมมีบทลงโทษหากจะยกเลิกสัญญา ซึ่งสร้างบาดแผลที่เจ็บปวดแสนสาหัสให้กับทางเรา
RELEASE YOUR RISK จึงถูกก่อตั้งขึ้นมาจากความเจ็บปวดนี้ เพราะเราต้องการทำตรงกันข้าม (ทุกอย่าง) กับสิ่งที่ทำให้เราได้เคยเจ็บปวดมาอย่างแสนสาหัส
เราต้องการให้คุณได้มีข้อมูลในการศึกษาทำความเข้าใจแบบไม่ถูกกดดันและถูกเร่งรัดการตัดสินใจ
เราต้องการให้คุณเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินด้วยข้อมูลรวมกับความเชื่อใจ ไม่ใช่เพียงเพราะความเชื่อใจอย่างเดียว
เราอยากให้คุณเข้าใจที่มาของตัวเลขและ ข้อควรระวัง ในการได้มาของตัวเลขนั้น ๆ
หลายสิ่งที่บริษัทแนะนำมา เราอยากให้คุณวิเคราะห์สัญญาอย่างละเอียด ในทุกด้านแม้ในด้านที่บริษัทไม่บอก
ทุกอย่างที่เราอยากให้คุณทำ เป็นแรงเสียดทานต่อกาลงมือทำทั้งสิ้น แม้เครื่องมือการเงินอย่างประกัน ยิ่งทำเร็วยิ่งดีแต่ด้วยที่เป็น สัญญาระยะยาว 50-60 ปี (หรือมากกว่านี้) การใช้เวลาศึกษาทำความเข้าใจสัก 1-2 ชั่วโมงขึ้นไปนั้น ดูค่อนข้างสมเหตุสมผลมากกว่าการเชื่อตามกันมา เชื่อตามที่ถูกแนะนำ
ดังนั้นทางเราจึงได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดด้าน ความจริงในมุมมองของแต่ละฝ่าย เบื้องหลังและที่มาของเครื่องมือ เพื่อให้คุณกับครอบครัวได้เข้าใจ และเห็นภาพรวมกับวัตถุประสงค์ของเครื่องมือแต่ละแบบ ได้เปรียบเทียบกันในแต่ละด้าน
และสุดท้ายได้เครื่องมือที่เหมาะสมที่สุด ที่จะนำมาใช้รวมกันสำหรับการวางแผนการเงินเพื่อเกาียณสุขได้อย่างสบายใจ
เกี่ยวกับ
RELEASE YOUR RISK
![แอนนีนี่นี่ แอนนีนี่นี่](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2021/12/แอนนีนี่นี่.png)
แอนนี่ - รุจิรา ต๊ะบุญเรือง
ผู้แนะนำให้ความรู้ในเครื่องมือการเงินแบบองค์รวม
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตการทำงานทั้งหมดของแอนนี่ในสายงาน CRM ได้พบว่า ความไม่รู้ เป็นศัตรูที่แพงอย่างมากในโลกของการเงิน และโดยส่วนใหญ่กว่าจะได้รู้ก็อาจจะสายไปแล้ว
แอนนี่จึงจะเน้นแก้ไขปัญหานี้ ผ่านการให้ความรู้ทางการเงินที่ครบถ้วนที่สุดเพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบจากความไม่รู้นี้ค่ะ
![Untitled design (23-1) Untitled design 23 1](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2021/12/Untitled-design-23-1.jpg)
บาส - ฐิติ รุ่งเจริญไพศาล
ผู้ค้นคว้าพัฒนา FRAMEWORK เพื่อการเกษียณสุข
ผมอยู่ในสายงานนักพัฒนาโปรแกรมและอาจารย์มหาวิทยาลัยมากว่า 10 ปี ซึ่งได้พบความจริงว่า หากขาดความรู้ ความเข้าใจ ลำดับการใช้งานของเครื่องมือทางการเงินที่ถูกต้องแล้ว ก็ยากที่จะทราบได้ว่าจะมีอิสรภาพทางการเงินได้เมื่อใด
ผมจึงพยายามพัฒนาเครื่องมือคำนวณ ที่จะใช้เครื่องมือการเงินให้ครบรอบด้านโดยเฉพาะในกรอบการลดหย่อนภาษี เพื่อช่วยให้สามารถคำนวณเงินที่จำเป็นสำหรับนำไปสู่อิสรภาพทางการเงินในช่วงเกษียณได้ ทั้งยังต้องสามารถลงมือทำตามได้ง่ายและมีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์รายได้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้