ประกันชีวิตควบโรคร้าย VS ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่
แบบเบี้ยคงที่ 20 ปี คุ้มครองถึงอายุ 85-99 ปี แบบใดจะเหมาะกับการออมเงินเพื่อแลกกับความคุ้มครองโรคร้ายแรงที่ให้เงินสูงกว่าเงินที่ออมหลายเท่า
แบบประกันโรคร้ายทั้งสองมีความคล้ายกันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในแง่เป็น เบี้ยคงที่ที่เน้นคุ้มครองโรคร้ายตลอดชีพ เหมือนกัน
แต่..จะมีจุดต่างที่สำคัญดังต่อไปนี้
“ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่” (เช่น Happy CI) จะไม่ได้เน้นให้ความคุ้มครองชีวิต แต่เน้นโรคร้ายแรงเป็นแกนหลักเดียวเท่านั้น ในขณะที่ “ประกันชีวิตควบโรคร้าย” (เช่น CI Supercare และ iShield) จะเน้นที่คุ้มครองชีวิตเป็นแกนหลักและโรคร้ายต่าง ๆ เป็นแกนเสริม
“ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่” ให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรงได้สูงสุดที่ 5 ล้านบาทเท่านั้น ในขณะที่ “ประกันชีวิตควบโรคร้าย” สามารถคุ้มครองเกิน 5 ล้านบาทได้
จากจุดต่างที่สำคัญ 2 จุดนี้ จึงทำให้เมื่อนำแบบประกันทั้ง 2 แบบนี้มาเปรียบเทียบกัน ในแง่ทุนความคุ้มครองต่อเบี้ยที่จ่ายไป โดยเน้นที่อายุเริ่มทำประกันตั้งแต่ 0 - 20 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่จะได้รับทุนความคุ้มครองที่สูงกว่าเบี้ยที่จ่ายไปมากที่สุด ดังนี้
กราฟเปรียบจำนวนเท่า
ความคุ้มครองที่ได้ต่อเบี้ยประกัน
โดย ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่ ให้ความคุ้มครองสูงที่ 50-90 เท่าของเบี้ยปีแรก ในขณะที่ประกันชีวิตควบโรคร้าย ให้อยู่ที่ 30-50 เท่าของเบี้ยปีแรกเท่านั้น
และหากมองในแง่มุมของ เบี้ยรวมทั้งสัญญา ว่าประกันทั้ง 2 แบบ จะให้วงเงินทุนความคุ้มครองเกิน เบี้ยรวมที่จ่ายไปตลอด 20 ปี ได้เท่าใด จะได้ผลลัพธ์ออกมาดังรูปด้านล่างนี้
จากกราฟ จะเห็นได้ว่า ยิ่งเริ่มเก็บเงินผ่านประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่เร็วขึ้นเท่าใดก็ยิ่งได้วงเงินความคุ้มครองเกินเงินที่เก็บไปหลายเท่ามากขึ้นเท่านั้น โดยจะยิ่งเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นดังตารางเบี้ยต่อไปนี้
ตัวอย่าง ตารางเบี้ยทั้งสัญญา 20 ปี ของทุนคุ้มครองโรคร้ายแรง 5,000,000 บ.
แน่นอนว่า ประกันชีวิตควบโรคร้าย จะต้องใช้เบี้ยสูงกว่ามาก เพื่อให้ได้ทุนคุ้มครองเท่ากันที่ 5,000,000 บ. เนื่องจากต้องมีการคุ้มครองโรคร้ายแรงเสี่ยงต่ำจำนวนหลายโรคและต้องคุ้มครองชีวิตร่วมด้วย
ซึ่งการให้ความคุ้มครองชีวิตร่วมด้วยนั่นเอง จึงทำให้ระยะเวลาที่มูลค่าของเงินที่สะสมในสัญญาจะโตเกินเบี้ยที่จ่ายไปได้ ต้องใช้เวลานานมากขึ้นตามไปด้วย ดังรูปด้านล่างนี้
ตัวอย่าง ระยะเวลาที่มูลค่าที่ในสัญญาจะเติบโตเกินเบี้ยทั้งสัญญา 20 ปี
จากรูปจะเห็นได้ว่า ประกันชีวิตแบบปกติของเด็กอายุ 0-20 ปี จะต้องใช้เวลาประมาณ 33-34 ปี จึงจะยกเลิกสัญญาแล้วได้เบี้ยที่จ่ายไปทั้งหมดคืนมาได้ (เสมือนได้ความคุ้มครองชีวิต ก่อน ยกเลิกสัญญามาฟรี) ในขณะที่ ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่ BLA Happy CI ใช้เวลาเพียง 21-23 ปีเท่านั้น
ซึ่งถ้าหากเป็น ประกันชีวิตควบโรคร้าย จะต้องบวกเพิ่มจากประกันชีวิตตลอดชีพปกติอีก 3-5 ปี คือ ต้องรอนานถึง 36-39 ปี เนื่องจากจะต้องนำเงินที่สะสมในสัญญามาแบ่งช่วยจ่ายค่าประกันภัยของโรคร้ายร่วมด้วยนั่นเอง
รวมไปถึงประกันชีวิตควบโรคร้าย มักจะเน้นพ่วงให้ความคุ้มครองโรคร้ายที่มีความเสี่ยงต่ำเพิ่มเข้ามาจำนวนมากด้วยจึงทำให้ค่าการประกันภัยข้างในสูงขึ้นมากตาม แทนที่จะเจาะจงไปที่โรคร้ายความเสี่ยงสูงเป็นหลักเท่านั้น
ทั้งนี้ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่จะเน้นเฉพาะเจาะจงไปที่โรคร้ายความเสี่ยงสูงเท่านั้น และไม่ได้คุ้มครองชีวิตร่วมด้วย (เพราะหากทำประกันชีวิตตลอดชีพแยกออกมาโดยตรง จะได้วงเงินทุนประกันชีวิตที่สูงกว่าการควบกับประกันโรคร้ายอย่างมาก)
ทำให้ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่ หลังจากจ่ายเบี้ยครบ 20 ปี จะรอต่ออีกเพียง 1-3 ปีเท่านั้น ก็จะสามารถยกเลิกสัญญานำเงินที่จ่ายเบี้ยไปทั้งหมดออกมาใช้ได้ (เสมือนได้ความคุ้มครองโรคร้ายวงเงินสูงก่อนยกเลิกสัญญามาฟรี)
หรือ สามารถเลือกที่จะไม่ยกเลิกสัญญาและเก็บต่อไป เพื่อให้เงินได้สะสมในกรมธรรม์มากยิ่งขึ้น และยังได้ความคุ้มครอง 5,000,000 บ. ต่อไป จนกว่าจะถึงช่วงเวลาจำเป็นจริง ๆ แล้วจึงค่อยยกเลิกสัญญาเพื่อนำเงินเก็บนี้ออกมาให้ใช้ก็ได้
หรือ แม้แต่จะกู้กรมธรรม์แทนการยกเลิกสัญญา ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเพียง 4.5% ต่อปี และยังได้รับความคุ้มครองโรคร้าย 5,000,000 บ. ต่อไป ได้นานจนถึงอายุ 99 ปี
ทั้งหมดนี้เองจึงทำให้ ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่ BLA HAPPY CI จึงมีความน่าสนใจอย่างมากในแง่มุมการเริ่มเก็บออมเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูก ๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ
โดยเฉพาะในยุคที่ความเสี่ยงของโรคร้ายอย่างมะเร็งที่เสี่ยงสูงขึ้นอย่างมาก และอายุเฉลี่ยที่เริ่มเป็นมะเร็งน้อยลงเรื่อย ๆ ทุกปี