BLA HAPPY CI
ประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่ ที่เบี้ยประกันทั้งสัญญาน้อยกว่าทุนประกันที่ได้อย่างมาก

แก้ปัญหา เบี้ยประกันรวมเข้าใกล้ทุนประกันของ "ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง" ได้ จนทำให้ด้วยเบี้ยประกันในระดับเดียวกัน "BLA Happy CI" สามารถให้ทุนประกันได้มากกว่าถึงหลักล้านบาท พร้อมด้วยมูลค่าเงินสดในสัญญาที่เกินเบี้ยทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เสมือนได้ความคุ้มครองมา "ฟรี"
หมายเหตุ : ประกันโรคร้ายแรง คือ การกันเงินบางส่วนสำหรับให้ชดเชยการขาดรายได้ระหว่างการรักษาในยามโชคร้าย โดยประกันจะเปลี่ยนเงินบางส่วนนี้ให้เป็นเงินจำนวนมากที่กันไว้เฉพาะค่าชดเชยนี้ได้ในทันที
อายุรับทำประกัน (ปี)
แรกเกิด ถึง 75 ปี
ทุนประกันโรคร้ายที่ทำได้ (บาท)
100,000 - 5,000,000
ประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่..จะคุ้มค่าที่สุดเมื่อ
เน้นที่โรคร้ายแรงเสี่ยงเป็นสูง ที่สามารถจ่ายเบี้ยประกันรวมทั้งหมดน้อยกว่าทุนประกันที่ได้หลายเท่า
- คุ้มครองระยะยาวถึงอายุ 99 ปี เบี้ยประกันภัย "คงที่" ตลอดสัญญา โดยชําระเบี้ยเพียง 20 ปี
- เน้นคุ้มครองโรคร้ายแรงที่เสี่ยงเป็นสูง จำนวน 6 กลุ่มโรค ได้แก่ มะเร็ง หัวใจ สมองและระบบประสาท ไต การติดเชื้ออย่างรุนแรง และโรคผู้สูงอายุ ทำให้ได้ความคุ้มครองที่สูงกว่าประกันชีวิตควบโรคร้ายแรงในเบี้ยประกันที่เท่า ๆ กัน
- ตรวจพบโรคร้ายแรงจ่ายเงินก้อน ไว้เป็นเงินชดเชยการขาดรายได้ที่ต้องหยุดทำงานระหว่างการรักษา หรือชดเชยให้กับคนในครอบครัวที่หยุดงานเพื่อมาดูแล
- ไม่เป็นโรคร้ายแรงแล้วไม่ต่ออายุสัญญา จะมีมูลค่าเงินสดเวนคืนที่สามารถเกินเบี้ยประกันที่จ่ายไปได้ โดยเฉพาะหากเริ่มทำประกันในช่วงวัยทำงาน
- ไม่เป็นโรคร้ายแรงจนครบกําหนดสัญญาจะได้รับเงินทุนประกัน หรือ เบี้ยประกันสะสมคืน หากเบี้ยสะสมมากกว่าทุนประกัน
- ไม่บังคับให้ต้องจับคู่หรือควบกับประกันชีวิตเพียงแบบเดียว ทำให้สามารถจับคู่กับประกันมรดกที่อัตราเบี้ยน้อยกว่าประกันชีวิตตลอดชีพทั่วไปได้
- สามารถกู้เงินเวนคืนที่สะสมในสัญญาออกมาหมุนในยามฉุกเฉินชั่วคราวได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยเพียง 4.5% ต่อปี และยังคงได้รับความคุ้มครองโรคร้ายแรงต่อเนื่อง

แอนนี่ ตัวแทนประกันกรุงเทพประกันชีวิต
สวัสดีค่ะ แอนนี่จัดทำบทความนี้ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ของตัวแทนในส่วนการบริการอำนวยความสะดวกด้านข้อมูล "ก่อน" ทำประกัน โดยเฉพาะข้อมูลที่จะส่งผลต่อการเคลมประกันในภายหลัง และ ยากที่จะนำเสนอได้ครบถ้วนเพียงผ่านการพูดคุยดังนี้ค่ะ
- อำนวยความสะดวกทำการบ้านของแบบประกันให้มากที่สุด ทั้งในส่วนการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์เจาะลึก ค้นคว้าปัญหาที่มาที่ไป การคำนวณเปรียบเทียบข้อดีข้อจำกัด การแถลงสุขภาพข้อควรระวัง ทั้งก่อน ระหว่าง และ หลังทำประกัน
- อำนวยความสะดวกในการจัดทำไฟล์คำนวณเบี้ยประกันเบื้องต้น โดยที่จะสามารถใช้ไฟล์ Google Sheet นี้ เปลี่ยนแปลงข้อมูลตามที่ต้องการแล้วคำนวณเบี้ยประกันเองได้ทันที
เพื่อประกอบการตัดสินใจ หรือ ประกอบการสอบถามเพิ่มเติมได้ค่ะ
ประกันโรคร้ายแรง "เบี้ยคงที่" จ่ายสั้นคุ้มครองยาวได้ตลอดชีพนั้นน่าสนใจมาก แต่อาจมาพร้อมกับปัญหาบางอย่าง
เรียน ท่านที่..
- ตระหนักถึง..ความจำเป็นในการวางแผนการเงิน รับมือกับ ความน่ากลัวของโรคร้ายแรง หรือ โรคล้มละลาย ทั้งผ่านประสบการณ์ของคนรู้จัก คนใกล้ตัว ญาติ หรือคนในครอบครัวที่เป็นมะเร็ง
- ต้องการ..สวัสดิการชดเชยรายได้ที่จะหายไป ระหว่างหยุดทำงานเพื่อทำการรักษา หากโชคร้ายป่วยเป็นโรคร้ายแรง
- ต้องการ..ให้เบี้ยประกันคงที่ไม่เพิ่มตามอายุ และจ่ายเพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เพื่อสามารถวางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น และคุ้มครองได้นานถึงอายุ 80 ปีขึ้นไปโดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยเพิ่มอีก
- ต้องการ..ให้มูลค่าเงินที่สะสมในสัญญาสามารถเติบโตเกินเบี้ยที่จ่ายไปทั้งหมดได้ เสมือนบังคับเก็บเงินแลกกับความคุ้มครองฟรี
- ต้องการ..ให้เงินชดเชยรายได้ที่จะได้รับมากกว่า เบี้ยประกันทั้งสัญญาที่จ่ายไปให้มากที่สุด เมื่อโชคร้ายพบว่าเป็นโรคร้ายแรง
รวมถึงต้องการให้สามารถคุ้มครองโรคร้ายแรงที่มีความเสี่ยงเป็นสูง และมีอัตราการเป็นโรคร้ายเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกปี ดังตัวอย่างสถิติผู้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงต่อไปนี้

กราฟสถิติโรคร้าย : แสดงให้เห็นแนวโน้มของการเป็นโรคร้ายที่เพิ่มมากขึ้นในทุกปีทั้งด้วยสภาพแวดล้อมและอาการการกินที่เอื้อต่อการเป็นโรคร้ายได้มากขึ้น โดยเฉพาะโรคเบาหวานที่เป็นที่มาให้กับโรคร้ายแรงทั้งหัวใจ สมอง ตับ ไต และโรคมะเร็งที่มีอัตราส่วนการเป็นสูงที่สุดในบรรดาโรคร้ายแรง
ปัจจุบันเครื่องมือประกันที่อาจสามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้ จะเป็นแบบประกัน
- ประกันชีวิตตลอดชีพควบโรคร้ายแรง ที่เน้นคุ้มครองควบทั้งชีวิตและโรคร้ายแรงจำนวนมาก และ เนื่องจากสัญญาพื้นฐานเป็นประกันชีวิตตลอดชีพเบี้ยจึงคงที่ ซึ่งเกือบทุกบริษัทประกันชีวิต ถ้าหากเป็นประกันโรคร้ายแรงที่มีเบี้ยคงที่แล้ว มักจะเป็นประกันในรูปแบบนี้
โดยคนส่วนใหญ่มักจะทราบข้อมูลของแบบประกันนี้ จากการตลาดและการโฆษณาของบริษัทประกันและตัวแทน
ที่จะเน้นเพียงเรื่องเบี้ยคงที่ จ่ายสั้น ไม่จ่ายทิ้ง คุ้มครองทั้งชีวิตและโรคร้ายแรงจำนวนมาก หลายระยะโรค ที่ดูแล้วน่าสนใจและรู้สึกคุ้มค่าอย่างมาก
แต่มักจะไม่ได้ทราบข้อมูลอีกด้านที่เป็นข้อจำกัดสำคัญของประกันรูปแบบนี้ว่า เป็นประกันที่ทำให้บริษัทประกันรับความเสี่ยงใด ๆ "น้อยที่สุด" ในระยะยาว
หรือก็คือ เป็นประกันที่ในระยะยาวเสมือนผู้ทำประกันรับความเสี่ยงส่วนใหญ่ไว้เองไม่ใช่บริษัทประกัน เพราะเงินก้อนเจอจ่ายจบที่ผู้ทำประกันได้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเบี้ยประกันที่ผู้ทำประกันชำระเอง
ซึ่งความจริงที่น่าตกใจนี้ มีสาเหตุมาจากวิธีการที่บริษัทประกันส่วนใหญ่เลือกใช้ในการทำให้ประกันโรคร้ายแรงสามารถเป็นเบี้ยคงที่ได้
ที่มาของปัญหาเกิดจาก วิธีที่ใช้ในการทำให้เบี้ยประกันโรคร้ายแรงเป็นเบี้ยแบบคงที่
การทำให้ประกันโรคร้ายแรงเป็นเบี้ยคงที่ได้นั้น ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการเลือกที่จะนำประกันชีวิตตลอดชีพซึ่งมีเบี้ยคงที่และมีมูลค่าเงินเวนคืนสะสมในสัญญา ให้มาเป็นฐานของความคุ้มครองตลอดชีพ จากนั้นจึงทำการเพิ่มความคุ้มครองโรคร้ายแรงจำนวนมากควบรวมเข้าไปในประกันชีวิต
จึงส่งผลให้ทุนประกันเท่าเดิม แต่จะมีค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ตามจำนวนโรคร้ายแรงที่ให้ความคุ้มครองเพิ่มขึ้น ดังตัวอย่างกราฟเปรียบเทียบระหว่าง ประกันชีวิตตลอดชีพปกติ และ ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง ด้านล่างนี้

ประกันชีวิตตลอดชีพ ชาย อายุ 20 : เบี้ยประกันสะสมจะน้อยกว่าทุนประกัน 1 ล้านบาทพอสมควร *มูลค่าเวนคืนสะสมของประกันชีวิตตลอดชีพจะเท่ากับทุนประกันเมื่อครบอายุสัญญา

ประกันชีวิตตลอดชีพควบโรคร้าย ชาย อายุ 20 : เบี้ยประกันสะสมจะเพิ่มขึ้นอย่างมากที่ทุน 1 ล้านเท่าเดิม *ช่วงเกษียณ เงินที่คุ้มครองส่วนใหญ่มาจากมูลค่าเวนคืนของประกันชีวิตที่ควบ
ด้วยเหตุนี้เอง ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง จึงเป็น ลูกรักของบริษัทประกัน เพราะเบี้ยทั้งสัญญาที่สูงจนใกล้เคียงหรืออาจเกินทุนประกันที่ได้หากทำประกันหลังอายุ 45 ปีเป็นต้นไป ซึ่งทำให้ในระยะยาวแล้วบริษัทจะแบกรับความเสี่ยงน้อยมาก
ตัวอย่าง หญิง อายุ 45 ปี ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,890,400 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 2,000,000 บ.
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทคุ้มครองสูงสุดเพียง 2,000,000 - 1,890,400 = *109,600*
ตัวอย่าง ชาย อายุ 45 ปี ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,968,800 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 2,000,000 บ.
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทคุ้มครองสูงสุดเพียง 2,000,000 - 1,968,800 = *31,200*
แต่เพราะการตลาดที่ทำให้ผู้ทำประกันโรคร้ายแรงเชื่อว่า การที่ได้เบี้ยคงที่ แล้วยังมีความคุ้มครองหลายโรค หลายระยะ แถมได้คุ้มครองชีวิตด้วย นั้นดีนั้นคุ้ม
โดยไม่รู้แลยว่า การยิ่งเพิ่มความคุ้มครองหลายอย่างเข้าไปเรื่อย ๆ โดยไม่เลือกว่าอะไรจำเป็นไม่จำเป็น เบี้ยประกันจะสูงขึ้นจนเข้าใกล้ทุนประกัน และเสมือนเงินที่บริษัทจ่ายเคลมให้ ก็คือเบี้ยของผู้ทำประกันที่ชำระเข้าไปนั้นเอง (สามารถรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความ ปัญหาใหญ่ของประกันชีวิตควบโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่)
**ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดที่มีปัญหาแบบเดียวกัน คือ ประกันค่ารักษาผู้ป่วยนอก OPD ทั่วไป ที่ให้ความคุ้มครองกว้างอย่างมาก และไม่ได้มีเงื่อนไขคุ้มครองเฉพาะเจาะจงในเรื่องใดเป็นพิเศษ ทำให้ยากที่จะเฉลี่ยความเสี่ยงกับผู้อื่นได้ เบี้ยประกันจึงสูงมากไม่ต่างกับการออกเงินค่ารักษาเอง
BLA จึงพิจารณาค้นหาวิธีอื่นที่ทำให้เบี้ยประกันโรคร้ายแรงเป็นเบี้ยคงที่ได้เช่นกัน
โดยทาง BLA เอง ในตอนนั้นจะยังไม่มีประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่แบบชำระสั้นคุ้มครองยาวตลอดชีพ เหมือนกับบริษัทประกันชีวิตอื่น ๆ ที่ได้เลือกใช้วิธีการนำประกันโรคร้ายแรงมาควบกับประกันชีวิตตลอดชีพแบบที่กล่าวมา
แต่ BLA ได้พยายามศึกษาปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อที่จะหาวิธีอื่นในการแก้ไข เบี้ยประกันที่สูงจนใกล้เคียงทุนประกัน และ อายุทำประกันที่ห้ามเกินอายุ 45 ปี เพื่อไม่ให้เบี้ยรวมเกินทุนประกันที่ได้
ซึ่งการศึกษานี้ BLA ได้เริ่มต้นจากคำถามที่ว่า
- จำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรงจำนวนมากหลายระยะโรคไปตลอดชีวิต เพราะนี้คือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เบี้ยประกันสูงขึ้นเข้าใกล้ทุนประกันอย่างมาก
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาตัวอย่างสถิติการเคลมโรคร้ายแรงในรูปด้านล่างนี้

สถิติการเคลมประกันโรคร้ายแรง : สถิติการเคลมจะสอดคล้องกับข้อมูลการป่วยเป็นโรคร้ายแรง โดยมีการเคลมโรคร้ายแรง 'เสี่ยงสูง' รวมกันในแต่ละปีถึง 94%-96% ของโรคร้ายแรงทั้งหมด และเป็นของโรคมะเร็งไปมากถึง 73%-75% (ซึ่งมะเร็งมีแนวโน้มจะเป็นสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยปัญหา PM2.5 ปัญหาไมโครพลาสติก พันธุกรรม และปัญหาผลข้างเคียงของวัคซีนโควิด)

สถิติการเคลมประกันโรคร้ายแรงขั้นเริ่มต้นกับขั้นร้ายแรง : (กราฟเขียวผู้ชาย กราฟส้มผู้หญิง) แสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนการเคลมประกันโรคร้ายแรงระยะเริ่มต้นนั้นน้อยกว่าระยะร้ายแรงอย่างมาก และอายุเฉลี่ยเริ่มเคลมยังมากกว่าระยะร้ายแรงอีกด้วย อย่างไรก็ตามมีการเคลมประกันโรคร้ายแรงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบระหว่างปี 2015 กับ 2022 ซึ่งสวนทางกับการเคลมประกันชีวิตที่ลดลง ในขณะที่อายุเฉลี่ยเคลมประกันโรคร้ายแรงจะอยู่ที่อายุ 50 ปี
พบว่าโรคร้ายแรงเสี่ยงเป็นสูงได้กินส่วนแบ่งการเคลมไปกว่า 94%-96% ของการเคลมโรคร้ายแรงทั้งหมด รวมถึงเกือบทั้งหมดจะเป็นการเคลมที่ระยะร้ายแรงแล้วไม่ใช่ระยะต้น และ ล้วนเป็นการเคลมโรคร้ายแรงที่หากเป็นแล้ว จำเป็นต้องหยุดพักรักษาตัวเป็นเวลานาน ไม่สามารถทำงานมีรายได้ได้เหมือนเดิม (ซึ่งตรงตามจุดประสงค์ของประกันโรคร้ายที่ไว้จ่ายชดเชยการขาดรายได้ระหว่างการรักษา)
ดังนั้นถ้าหากเลือกที่จะไม่ทำตามประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง ที่เน้นคุ้มครองโรคร้ายแรงจำนวนมากทุกระยะโรค
แต่เน้นเลือกคุ้มครองเฉพาะโรคร้ายแรงเสี่ยงเป็นสูง 94%-96% ของการเคลมเท่านั้น ก็ย่อมจะมีทางลดเบี้ยประกันลงได้อย่างมาก
ทั้งยังสามารถแก้ไข ปัญหาเบี้ยทั้งสัญญาสามารถเกินทุนประกันที่ได้เมื่อเริ่มทำประกันหลังอายุ 45 ปี ได้อีกด้วย โดยจะสามารถขยายออกไปได้ถึงอายุ 57-59 ปี ดังกราฟเบี้ยประกันรวมของอายุเริ่มทำประกันต่าง ๆ

เบี้ยทั้งสัญญาของชายอายุต่างๆ : จะเห็นได้ว่าประกันชีวิตควบโรคร้ายแรงหากทำประกันตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป เบี้ยทั้งสัญญาจะมากกว่าทุนประกันที่ได้ ในขณะที่ของ BLA แม้ทำประกันตอนอายุเกินอายุ 45 ปีขึ้นไปแล้ว เบี้ยทั้งสัญญาก็ยังน้อยกว่าทุนประกันที่ได้
ทั้งหมดนี้เองจึงทำให้ BLA เห็นว่าวิธีนี้น่าสนใจ และยังสามารถแยกประกันโรคร้ายแรงออกมาเป็นอนุสัญญาต่างหากจากสัญญาหลักประกันชีวิตได้ด้วย
ซึ่งจะช่วยให้ผู้ทำประกันมีอิสระในการเลือกแบบประกันชีวิตและทุนประกันชีวิตที่จะนำเป็นสัญญาหลักของกรมธรรม์ได้เองไม่ต้องถูกบังคับให้ทำทุนประกันชีวิตที่สูงเท่ากับประกันชีวิตควบโรคร้ายแรงเสมอ
(**กรมธรรม์บริษัทประกันชีวิต คปภ. บังคับให้ต้องประกอบไปด้วยสัญญาหลักประกันชีวิต เพื่อกำหนดอายุของกรมธรรม์เสมอ ก่อนที่จะสามารถเลือกแนบอนุสัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองอื่น ๆ ได้ ซึ่งประกันชีวิตควบโรคร้ายแรงที่จะถือว่าเป็นประกันชีวิตสัญญาหลักอยู่แล้ว)
แม้เบี้ยทั้งสัญญาจะน้อยกว่าทุนประกันที่ได้มาก แต่หากทำตอนอายุมากมูลค่าเงินสดเวนคืนในสัญญาอาจไม่สามารถเกินเบี้ยทั้งหมดได้
แม้ BLA จะพบว่าวิธีนี้สามารถช่วยให้มูลค่าเงินเวนคืนที่สะสมในสัญญาเกินเบี้ยประกันทั้งหมดที่จ่ายไปได้อย่างรวดเร็ว (เฉลี่ยประมาณ 23 ปี) หากทำประกันตอนอายุ 0-33 ปี)
แต่ว่าหากทำประกันโรคร้ายแรงนี้ตอนอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป มูลค่าเงินเวนคืนที่สะสมอยู่ในสัญญาประกันโรคร้าย จะไม่สามารถเกินเบี้ยประกันทั้งหมดที่จ่ายไปได้ (เบี้ยทั้งสัญญายังน้อยกว่าทุนประกันที่ได้เหมือนเดิม)
เช่น ดังกราฟรูปด้านล่างนี้ของผู้หญิงอายุ 38 ปี ที่มูลค่าเวนคืนไม่สามารถเกินเบี้ยประกันทั้งหมดที่จ่ายไปได้ เว้นแต่จะต้องนำมารวมกับมูลค่าเงินเวนคืนของประกันชีวิตที่ทำคู่กัน จึงจะสามารถเกินเบี้ยประกันทั้งหมดที่จ่ายไปได้

กราฟ แสดงกำแพงมูลค่าเวนคืนที่ติดอยู่ที่ประมาณ 500,000 บ. หรือ 50% ของทุนประกันโรคร้าย 1,000,000 บ. ในขณะที่เบี้ยทั้งสัญญาอยู่ที่เกือบ 600,000 บ.
การเลือกแบบประกันชีวิตที่เหมาะสมในการนำมาจับคู่ให้เป็นสัญญาหลักจึงเป็นสิ่งจำเป็น
จากปัญหามูลค่าเงินเวนคืนของประกันโรคร้ายแรงไม่เกินเบี้ยทั้งหมดนี้ ทาง BLA เห็นว่าแนวทางแก้ไขที่น่าสนใจคือ การให้ผู้ทำประกันสามารถเลือกแบบประกันชีวิตและทุนประกันชีวิตที่ต้องการได้เอง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ทำประกันสามารถแก้ปัญหานี้ได้
ดังกราฟด้านล่างนี้ที่ แม้จะทำประกันตอนอายุ 38 ปีแล้ว แต่มูลค่าเงินเวนคืนรวมทั้งประกันชีวิตและโรคร้ายแรง (เส้นสีแดง) ก็ยังสามารถเกินเบี้ยประกันทั้งหมดที่จ่ายไปได้ จากการเลือกแบบประกันชึวิตที่ปรับทุนประกันชีวิตจาก 1 แสน เป็น 1 ล้านเท่ากับทุนประกันโรคร้ายแรง

กราฟ แสดงมูลค่าเวนคืนรวมทั้งประกันชีวิตและโรคร้ายแรงที่เมื่อนำมารวมกันด้วยสัดส่วนทุนประกันเท่ากัน 1 ต่อ 1 ตอนอายุ 38 ปี เพศหญิง มูลค่าเวนคืนจะสามารถแซงหน้าเบี้ยทั้งหมดของทั้ง 2 สัญญาได้ตั้งแต่ตอนอายุ 66 ปีเท่านั้น (กราฟสีแดง)
และดังกราฟด้านล่างนี้อีกกรณีของ ผู้หญิงอายุ 55 ปี ที่ด้วยอายุทำประกันที่ค่อนข้างมากแล้ว จึงทำให้มูลค่าเงินเวนคืนเฉพาะของประกันโรคร้ายแรงอย่างเดียว ไม่สามารถเกินเบี้ยประกันทั้งหมดที่จ่ายไปได้อย่างแน่นอน
จึงจำเป็นต้องเลือกประกันชึวิตแบบมรดกที่มูลค่าเงินเวนคืนเติบโตเร็ว และ ให้ทุนประกันชีวิตมากกว่าทุนประกันโรคร้ายแรง เพื่อทำให้มูลค่าเงินเวนคืนรวมทั้งหมด (เส้นสีแดง) เกินเบี้ยประกันทั้งหมดที่จ่ายไปได้

กราฟหญิงอายุ 55 ปี แสดงมูลค่าเวนคืนทั้งหมด เกินเบี้ยรวมทั้งสัญญาหลังปีกรมธรรม์ที่ 20 เป็นต้นไป หรือที่อายุ 76 ปีเท่านั้น เมื่อทุนโรคร้ายแรงที่ 2,000,000 บ. และทุนประกันชีวิตแบบมรดกที่ 5,000,000 บ. (เพรสทีจไลฟ์ 99/5)
ซึ่งการที่ BLA พิจารณาแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้ ย่อมส่งผลดีต่อผู้ทำประกันโดยตรง เนื่องจากการแยก ทุนประกันชีวิต กับ ทุนประกันโรคร้ายแรง ออกจากกัน
จะทำให้ผู้ทำประกันมีโอกาสได้รับเงินถึง 2 ก้อน (2 เท่า) คือ ตรวจเจอโรคร้ายแรงบริษัทจ่าย 1 ก้อน จากนั้นหากต่อมาเสียชีวิตบริษัทจ่ายอีก 1 ก้อน ในขณะที่ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรงจะได้เพียง 1 ก้อนเท่านั้น
เบี้ยประกันใกล้เคียงกัน "ประกันชีวิต + BLA Happy CI" ให้ทุนประกันได้มากกว่า "ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง" ถึง หลักล้าน!!
หากต้องการเปรียบเทียบ "ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง" กับ "ประกันชีวิต + BLA Happy CI" ด้วยเบี้ยระดับเดียวกันว่าแบบใดจะให้ความคุ้มครองได้มากกว่านั้น จะสามารถทำได้โดย ให้ทุนประกัน BLA Happy CI เท่ากับทุนประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง และ ให้ทุนประกันชีวิตที่เป็นสัญญาหลักของ BLA Happy CI เป็น 50% ของทุนประกัน BLA Happy CI ดังตัวอย่างการเปรียบเทียบด้านล่างที่น่าตกใจนี้
ตัวอย่าง หญิง อายุ 25 ปี
- แบบที่ 1 : ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,165,600 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 2,000,000 บ.
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทคุ้มครองสูงสุดเพียง 2,000,000 - 1,165,600 = *834,400*
- แบบที่ 2 : ประกันชีวิต BLA 99/20 ทุน 1 ล้าน + BLA Happy CI 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,172,400 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 3,000,000 บ.
- เป็นโรคร้ายแรง แล้วต่อมาเสียชีวิต รวมผลประโยชน์ 3,000,000 บ.
- ไม่เป็นโรคร้ายแรง แล้วเสียชีวิต รวมผลประโยชน์สูงสุด 2,000,000 บ.
- จากทุนประกันชีวิต 1,000,000 บ. + มูลค่าเวนคืน BLA Happy CI สูงสุด 1,000,000 บ. (ประมาณ 50% ของทุนประกันโรคร้าย)
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทต้องคุ้มครองสูงสุดถึง 3,000,000 - 1,172,400 = *1,827,600*
สรุป : แบบที่ 2 BLA Happy CI ได้ทุนประกันเพิ่มจาก แบบที่ 1 ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง
- จำนวน 1,000,000 บ. โดยที่เพิ่มเบี้ยขึ้นอีกเพียง
- 1,172,400 - 1,165,600 = 6,800 บ. (หรือ เพิ่มขึ้นเพียงปีละ 340 บ.)
ตัวอย่าง หญิง อายุ 35 ปี
- แบบที่ 1 : ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,451,200 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 2,000,000 บ.
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทคุ้มครองสูงสุดเพียง 2,000,000 - 1,451,200 = *548,800*
- แบบที่ 2 : ประกันชีวิต BLA 99/20 ทุน 1 ล้าน + BLA Happy CI 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,472,800 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 3,000,000 บ.
- เป็นโรคร้ายแรง แล้วต่อมาเสียชีวิต รวมผลประโยชน์ 3,000,000 บ.
- ไม่เป็นโรคร้ายแรง แล้วเสียชีวิต รวมผลประโยชน์สูงสุด 2,000,000 บ.
- จากทุนประกันชีวิต 1,000,000 บ. + มูลค่าเวนคืน BLA Happy CI สูงสุด 1,000,000 บ. (ประมาณ 50% ของทุนประกันโรคร้าย)
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทต้องคุ้มครองสูงสุดถึง 3,000,000 - 1,472,800 = *1,527,200*
สรุป : แบบที่ 2 BLA Happy CI ได้ทุนประกันเพิ่มจาก แบบที่ 1 ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง
- จำนวน 1,000,000 บ. โดยที่เพิ่มเบี้ยขึ้นอีกเพียง
- 1,472,800 - 1,451,200 = 21,600 บ. (หรือ เพิ่มขึ้นเพียงปีละ 1,080 บ.)
ตัวอย่าง หญิง อายุ 45 ปี
- แบบที่ 1 : ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,890,400 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 2,000,000 บ.
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทคุ้มครองสูงสุดเพียง 2,000,000 - 1,890,400 = *109,600*
- แบบที่ 2 : ประกันชีวิต BLA 99/20 ทุน 1 ล้าน + BLA Happy CI 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,928,600 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 3,000,000 บ.
- เป็นโรคร้ายแรง แล้วต่อมาเสียชีวิต รวมผลประโยชน์ 3,000,000 บ.
- ไม่เป็นโรคร้ายแรง แล้วเสียชีวิต รวมผลประโยชน์สูงสุด 2,000,000 บ.
- จากทุนประกันชีวิต 1,000,000 บ. + มูลค่าเวนคืน BLA Happy CI สูงสุด 1,000,000 บ. (ประมาณ 50% ของทุนประกันโรคร้าย)
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทต้องคุ้มครองสูงสุดถึง 3,000,000 - 1,928,600 = *1,071,400*
สรุป : แบบที่ 2 BLA Happy CI ได้ทุนประกันเพิ่มจาก แบบที่ 1 ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง
- จำนวน 1,000,000 บ. โดยที่เพิ่มเบี้ยขึ้นอีกเพียง
- 1,928,600 - 1,890,400 = 38,200 บ. (หรือ เพิ่มขึ้นเพียงปีละ 1,910 บ.)
ตัวอย่าง ชาย อายุ 25 ปี
- แบบที่ 1 : ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,267,600 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 2,000,000 บ.
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทคุ้มครองสูงสุดเพียง 2,000,000 - 1,267,600 = *732,400*
- แบบที่ 2 : ประกันชีวิต BLA 99/20 ทุน 1 ล้าน + BLA Happy CI 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,121,800 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 3,000,000 บ.
- เป็นโรคร้ายแรง แล้วต่อมาเสียชีวิต รวมผลประโยชน์ 3,000,000 บ.
- ไม่เป็นโรคร้ายแรง แล้วเสียชีวิต รวมผลประโยชน์สูงสุด 1,900,000 บ.
- จากทุนประกันชีวิต 1,000,000 บ. + มูลค่าเวนคืน BLA Happy CI สูงสุด 900,000 บ. (ประมาณ 45% ของทุนประกันโรคร้าย)
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทต้องคุ้มครองสูงสุดถึง 3,000,000 - 1,121,800 = *1,878,200*
สรุป : แบบที่ 2 BLA Happy CI ได้ทุนประกันเพิ่มจาก แบบที่ 1 ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง
- จำนวน 1,000,000 บ. แต่จ่ายเบี้ยน้อยลงถึง
- 1,121,800 - 1,267,600 = -145,800 บ. (หรือ น้อยลงปีละ -7,290 บ.)
ตัวอย่าง ชาย อายุ 35 ปี
- แบบที่ 1 : ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,602,800 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 2,000,000 บ.
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทคุ้มครองสูงสุดเพียง 2,000,000 - 1,602,800 = *397,200*
- แบบที่ 2 : ประกันชีวิต BLA 99/20 ทุน 1 ล้าน + BLA Happy CI 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,420,000 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 3,000,000 บ.
- เป็นโรคร้ายแรง แล้วต่อมาเสียชีวิต รวมผลประโยชน์ 3,000,000 บ.
- ไม่เป็นโรคร้ายแรง แล้วเสียชีวิต รวมผลประโยชน์สูงสุด 1,900,000 บ.
- จากทุนประกันชีวิต 1,000,000 บ. + มูลค่าเวนคืน BLA Happy CI สูงสุด 900,000 บ. (ประมาณ 45% ของทุนประกันโรคร้าย)
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทต้องคุ้มครองสูงสุดถึง 3,000,000 - 1,420,000 = *1,580,000*
สรุป : แบบที่ 2 BLA Happy CI ได้ทุนประกันเพิ่มจาก แบบที่ 1 ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง
- จำนวน 1,000,000 บ. แต่จ่ายเบี้ยน้อยลงถึง
- 1,420,000 - 1,602,800 = -182,800 บ. (หรือ น้อยลงปีละ -9,140 บ.)
ตัวอย่าง ชาย อายุ 45 ปี
- แบบที่ 1 : ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,968,800 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 2,000,000 บ.
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทคุ้มครองสูงสุดเพียง 2,000,000 - 1,968,800 = *31,200*
- แบบที่ 2 : ประกันชีวิต BLA 99/20 ทุน 1 ล้าน + BLA Happy CI 99/20 ทุน 2 ล้าน
- เบี้ยประกัน 20 ปีรวมทั้งหมด 1,881,200 บ. ต่อ ทุนประกันรวม 3,000,000 บ.
- เป็นโรคร้ายแรง แล้วต่อมาเสียชีวิต รวมผลประโยชน์ 3,000,000 บ.
- ไม่เป็นโรคร้ายแรง แล้วเสียชีวิต รวมผลประโยชน์สูงสุด 1,900,000 บ.
- จากทุนประกันชีวิต 1,000,000 บ. + มูลค่าเวนคืน BLA Happy CI สูงสุด 900,000 บ. (ประมาณ 45% ของทุนประกันโรคร้าย)
- เมื่อชำระเบี้ยครบบริษัทต้องคุ้มครองสูงสุดถึง 3,000,000 - 1,881,200 = *1,118,800*
สรุป : แบบที่ 2 BLA Happy CI ได้ทุนประกันเพิ่มจาก แบบที่ 1 ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง
- จำนวน 1,000,000 บ. แต่จ่ายเบี้ยน้อยลงถึง
- 1,881,200 - 1,968,800 = -87,600 บ. (หรือ น้อยลงปีละ -4,380 บ.)
จากตัวอย่างด้านบนจะเห็นได้ว่าเมื่อกำหนดให้เบี้ยประกันใกล้เคียงกัน แบบ BLA Happy CI จะสามารถให้ทุนประกันได้มากกว่าประกันชีวิตควบโรคร้ายแรงถึง 1,000,000 บ.
รวมถึงเมื่อพิจารณาอายุอื่น ๆ ดังกราฟด้านล่างนี้ ก็จะเห็นได้ชัดเจนว่า
- ประกันชีวิตทุน 1 ล้าน กับ BLA Happy CI ทุน 1 ล้าน (กราฟเส้นสีเขียว) (ทุนประกันรวมเพิ่ม 2 เท่า)
- ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรง ทุน 1 ล้าน (กราฟเส้นสีน้ำเงินกับสีแดง)
เบี้ยประกันรวมทั้งหมดรของแต่ละอายุไม่ได้ต่างกันมากนัก หรือก็คือ เบี้ยรวมไม่ได้ต่างกันมากถึง 2 เท่า แต่กลับได้ผลประโยชน์ทุนประกันเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 2 เท่า

หรือ หากเสียชีวิตอย่างเดียวไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง ก็ยังคงได้รับมูลค่าเวนคืนของประกันโรคร้ายแรง รวมกับเงินประกันชีวิตอีก 1 ล้านบาท
หรือ หากไม่ได้เสียชีวิต ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง มูลค่าเวนคืนรวมกันก็สามารถเกินเบี้ยประกันทั้งหมดที่จ่ายไปได้ แม้ทำตอนอายุ 45 ปีขึ้นไปแล้ว (ในขณะที่ประกันชีวิตควบโรคร้ายแรงเบี้ยที่จ่ายทั้งหมดจะเกินทุนประกัน)
ทำให้ BLA ยอมรับว่าการใช้วิธีนี้ จะทำให้ผู้ทำประกันได้รับผลประโยชน์มากที่สุด และ นี้คือบทสรุปที่ทาง BLA ได้มาในการหาแนวทางประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่ของตนเอง และ ได้ตัดสินใจนำมาพัฒนาเป็นประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่ฉบับ BLA ในท้ายที่สุด
ข้อสรุป
- การแยก ทุนประกันชีวิต กับ ทุนประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่ ออกจากกันนั้น จะช่วยให้ได้ความคุ้มครองที่เพิ่มมากขึ้น และ ทำให้ได้มูลค่าเวนคืนเกินเบี้ยที่จ่ายไปทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
- ซึ่งการได้มูลค่าเวนคืนเกินเบี้ยเร็ว ก็เสมือนกับได้เงินที่ลงทุน (เพื่อแลกกับความคุ้มครอง) กลับมาเร็ว ทำให้หลังจากนี้หากเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องได้รับความคุ้มครองอีก ก็สามารถยกเลิกสัญญาแล้วได้เงินกลับคืนมาได้ทุกเมื่อ
- หรือ หากยังต้องการได้รับความคุ้มครองต่อไป ก็ยังสามารถนำเงินส่วนนี้ออกมาใช้ได้ในยามฉุกเฉินชั่วคราว ผ่านการกู้กรมธรรม์ที่อัตราดอกเบี้ยน้อยมากได้
- สามารถอ่านรายละเอียดวิธีแก้ไขเพิ่มได้ที่บทความ แก้ปัญหาประกันชีวิตควบโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่ด้วย BLA Happy CI
ท้ายสุดจึงได้ BLA Happy CI ประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่ที่ตอบโจทย์
เมื่อทาง BLA ได้พบแนวทางประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่ในรูปแบบของตนเองเรียบร้อย จึงทำให้เกิดแบบประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่ BLA Happy CI ในลักษณะของอนุสัญญาที่แยกกับสัญญาหลักประกันชีวิตชัดเจน ขึ้นมา ซึ่งจะมีรายละเอียดความคุ้มครอง และ เงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
1. รายชื่อโรคร้ายแรง "เสี่ยงสูง" ที่คุ้มครอง
เน้นโรคร้ายแรงเสี่ยงเป็นสูงที่กินส่วนแบ่งการเคลมกว่า 94%-96% ของโรคร้ายแรงทั้งหมด
กลุ่มโรคที่คุ้มครอง
รายชื่อโรคร้ายแรงที่คุ้มครอง โดยต้องอยู่ในขั้นรุนแรงที่กำหนดแล้ว
1. โรคมะเร็งและเนื้องอก
- โรคมะเร็งระยะ 0-1 ที่ยังไม่ลุกลามออกไปเนื้อเยื่อข้างเคียง (รับเงิน 20% ของทุนประกันต่อชนิดมะเร้ง)
- โรคมะเร็งระยะลุกลามออกไปเนื้อเยื่อข้างเคียง
- เนื้องอกในสมองชนิดที่ไม่ใช่มะเร็ง
2. โรคที่เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
- การผ่าตัดเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่รักษาด้วยการสวนหลอดเลือดหัวใจ
- กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด
3. โรคที่เกี่ยวกับเส้นเลือดสมองและระบบประสาท
- โรคระบบประสาท มัลติเพิล สะเคลอโรสิส
- โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน
- โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองที่ต้องรักษาโดยการผ่าตัด
4. โรคที่เกี่ยวกับไต
- ไตวายเรื้อรัง
5. โรคที่เกี่ยวกับการติดเชื้ออย่างรุนแรง
- สมองอักเสบจากเชื้อไวรัส
6. โรคผู้สูงอายุ
- โรคสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์
- โรคพาร์กินสัน
2. หลักเกณฑ์การจ่ายผลประโยชน์
BLA HAPPY CI
คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี
(เริ่มคุ้มครองหลังสัญญามีผลบังคับ 90 วัน)
กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง
กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงที่กำหนด
(ที่ไม่ใช่โรคมะเร็งระยะ 0 ที่ยังไม่ลุกลามไปเนื้อเยื่อข้างเคียง)
- รับเงิน 100% ของทุนประกันภัย หรือ เบี้ยประกันสะสมตามจริง แล้วแต่จำนวนใดมากกว่ากัน โดยหักเงินที่มีการจ่ายผลประโยชน์ในกรณีมะเร็งระยะไม่ลุกลามไปแล้ว (เช่น หากทำประกันตอนอายุมาก และเบี้ยสะสมสูงกว่าทุนประกันภัย ก็จะได้รับเบี้ยสะสมคืนเมื่อตรวจพบโรคร้ายที่คุ้มครอง)
กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะ 0 (ที่ยังไม่ลุกลามไปเนื้อเยื่อข้างเคียง) รวมถึงมะเร็งชนิดที่ใกล้เคียงกันต่อไปนี้
- ระยะที่ 0-1 มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
- ระยะที่ 0-2 มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด Chronic Lymphocytic Leukemia
- ระยะที่ 0-1 มะเร็งผิวหนัง เฉพาะชนิด Malignant Melanoma
- ระยะที่ 0 ของกลุ่มเนื้องอกรังไข่ชนิด Borderline Tumor
- รับเงิน 20% ของทุนประกันภัย โดยโรคมะร็งระยะไม่ลุกลามที่ตรวจพบแต่ละครั้งจะต้องไม่เกี่ยวข้องหรือสืบเนื่องจากโรคมะร็งระยะไม่ลุกลามที่บริษัทได้จ่ายผลประโยชน์ไปแล้ว และผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงส่วนที่เหลือจะลดลงตามจำนวนเงินผลประโยชน์กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะไม่ลุกลามที่จ่ายไปแล้วทั้งหมด
กรณีเสียชีวิต หรือ มีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา
กรณีมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา
- รับเงิน 100% ของทุนประกันภัย หรือ เบี้ยประกันสะสมตามจริง แล้วแต่จำนวนใดมากกว่ากัน โดยหักเงินที่มีการจ่ายผลประโยชน์ในกรณีมะเร็งระยะไม่ลุกลามไปแล้ว
กรณีเสียชีวิตจากโรคร้ายระหว่างการพิจารณา
- ในกรณีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเคลมประกันโรคร้าย แต่ผู้ทำประกันเสียชีวิตไปก่อน หากบริษัทอนุมัติเคลมบริษัทจะจ่ายเงินผลประโยชน์ให้กับผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้ จำนวนเท่ากับกรณีเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง
กรณีเสียชีวิตด้วยสาเหตุอื่น ๆ ก่อนครบกำหนดสัญญา
- ผู้รับผลประโยชน์รับเงินคืนเท่ากับมูลค่าเวนคืนที่สะสมไว้ในสัญญา (สูงสุดที่ประมาณ 50% ของทุนประกันที่เลือก ซึ่งจะน้อยกว่าเบี้ยทั้งสัญญาหากเริ่มทำประกันตอนอายุไม่มาก)
กรณียกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดสัญญา
- ผู้ทำประกันรับเงินคืนเท่ากับมูลค่าเวนคืนที่สะสมไว้ในสัญญา (สูงสุดที่ประมาณ 50% ของทุนประกันที่เลือก ซึ่งจะน้อยกว่าเบี้ยทั้งสัญญาหากเริ่มทำประกันตอนอายุไม่มาก)
3. ข้อยกเว้นความคุ้มครองที่ต้องเข้าใจก่อนทำประกัน
BLA Happy CI จะไม่ได้คุ้มครองอันเนื่องมาจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- ความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรงที่คุ้มครอง ซึ่งแพทย์ยืนยันมีหลักฐานชัดเจน หรือ เจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงที่คุ้มครอง โดยทั้ง 2 อย่างเกิดขึ้นก่อนวันต่อไปนี้ (นับวันที่เกิดขึ้นหลังสุด)
- 1. วันที่เริ่มมีผลคุ้มครอง + ระยะเวลารอคอย 90 วัน หรือ
- 2. วันที่อนุมัติให้มีการต่ออายุสัญญาได้ + ระยะเวลารอคอย 90 วัน เมื่อสัญญาเพิ่มเติมสิ้นผลบังคับ ด้วยเหตุไม่ได้ชำระเบี้ยใน 60 วันหลังครบกำหนดแล้วทำการขอต่ออายุสัญญาใหม่ หรือ
- 3. วันที่บริษัทอนุมัติให้เพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัย + ระยะเวลารอคอย 90 วัน เฉพาะในส่วนของจำนวนทุนประกันภัยที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น
- การฆ่าตัวตาย หรือ การทำร้ายร่างกายตนเอง หรือ พยายามกระทำเช่นว่านั้น
- การสูดดม กิน ดื่ม ฉีด หรือ นำสารมีพิษเข้าร่างกายไม่ว่าด้วยวิธีใด ในขณะที่รู้สึกผิดชอบหรือวิกลจริต หรือไม่ก็ตาม
- ผู้เอาประกันภัยปฏิเสธไม่ยอมรับการรักษา แนะนำ หรือปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
- การตรวจรักษาพยาบาลที่ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นแพทย์สั่งให้แก่ตัวเอง รวมทั้งการตรวจรักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้ซึ่งเป็นบิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตร ของผู้เอาประกันภัย
- การติดเชื้อไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV Positive) หรือภาวะของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS) ของผู้เอาประกันภัย ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตามภายใต้วัตถุประสงค์ของสัญญาเพิ่มเติมนี้
- โรคร้ายแรงที่ยังไม่ถึงขั้นรุนแรงที่กำหนดตามคำจำกัดความด้านล่างนี้
**เมื่อพบแพทย์จะสามารถให้ลิงก์เอกสารนี้กับทางแพทย์ เพื่อแพทย์ได้เข้าใจขอบเขตของโรคร้ายแรงที่คุ้มครอง และสามารถใช้คำศัพท์ที่สอดคล้องกับคำจำกัดความลงในประวัติการรักษา ทำให้สามารถลดระยะเวลาการขอคำอธิบายเพิ่มเติมภายหลังได้
สรุปจุดเด่น/ข้อจำกัด BLA HAPPY CI
เมื่อเทียบกับประกันชีวิตควบโรคร้าย
สรุปเปรียบเทียบจุดเด่น/ข้อจำกัด BLA HAPPY CI จากข้อมูลทั้งหมดในบทความนี้ ร่วมกับ บทความเจาะลึก ประกันโรคร้ายเบี้ยคงที่ vs ประกันชีวิตควบโรคร้าย โดยจะมีรายละเอียดสรุปดังต่อไปนี้
จุดเด่น BLA HAPPY CI
- ให้ทุนประกันโรคร้ายได้มากกว่าเบี้ยที่จ่ายไปทั้งหมดหลายเท่า เนื่องจากเน้นที่โรคร้ายแรงเสี่ยงเป็นสูงที่มีโอกาสเคลมมากถึง 94%-96% ของโรคร้ายแรง
ประกันชีวิตควบโรคร้าย
- ให้ทุนประกันใกล้เคียงกับเบี้ยที่จ่ายไปทั้งหมด เนื่องจากต้องคุ้มครองโรคร้ายแรงจำนวนมาก รวมถึงต้องให้ความคุ้มครองชีวิตร่วมด้วย
จุดเด่น BLA HAPPY CI
- คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี หากทำตั้งแต่อายุ 0-33 ปี มูลค่าเวนคืนจะเกินเบี้ยที่จ่ายไปทั้งหมด ด้วยใช้เวลาน้อยที่สุดคือ เพียง 21-23 ปี หรือเพียง 1-3 ปี หลังจากชำระเบี้ยครบตามสัญญ 20 ปีแล้วเท่านั้น โดยยังไม่รวมกับมูลค่าเงินเวนคืนของสัญญาหลักประกันชีวิต
ประกันชีวิตควบโรคร้าย
- คุ้มครองถึงอายุ 85-99 ปี และหากทำประกันตั้งแต่อายุยังน้อยจะใช้เวลาประมาณ 30 ปีขึ้นไป เพื่อให้มูลค่าเวนคืนสามารถเกินเบี้ยที่จ่ายไปได้ โดยอาจต้องเลือกงวดการชำระเบี้ยลดลงเป็น 5 ปี 10 ปี 15 ปี แทน 20 ปี เพื่อที่จะให้มูลค่าเงินเวนคืนเกินเบี้ยเร็วขึ้น
จุดเด่น BLA HAPPY CI
- ทำทุนประกันโรคร้ายแรงสูงสุดได้ที่ 5 ล้านบาทเท่านั้น เพราะเน้นโรคร้ายแรงเสี่ยงสูงที่มีความเสี่ยงมากเป็นหลัก
ประกันชีวิตควบโรคร้าย
- ทำทุนสูงสุดได้มากกว่า 5 ล้าน เพราะฐานความคุ้มครองเป็นประกันชีวิต ในการนำมูลค่าเวนคืนของประกันชีวิตมาช่วยจ่ายค่าประกันภัยโรคร้ายแรงที่คุ้มครอง
จุดเด่น BLA HAPPY CI
- หากทำประกันตอนอายุมาก ที่เบี้ยประกันทั้งหมดเกินทุนประกันที่ได้ แต่เมื่อเป็นโรคร้ายแรงจะได้เงินชดเชยเท่ากับเบี้ยประกันทั้งหมด ในกรณีที่ทุนประกันน้อยกว่าเบี้ยประกัน
ประกันชีวิตควบโรคร้าย
- หากทำประกันตอนสูงอายุ ที่เบี้ยทั้งหมดเกินทุนประกันที่ได้ เมื่อเป็นโรคร้ายแรงจะได้เงินเท่ากับทุนประกันเท่านั้น แม้จะน้อยกว่าเบี้ยทั้งหมดที่จ่ายไปก็ตาม (ยกเว้นแต่ประกันชีวิตควบโรคร้ายเจอจ่ายหลายจบจะได้เบี้ยคืน)
จุดเด่น BLA HAPPY CI
- สามารถแก้ปัญหามูลค่าเวนคืนไม่เกินเบี้ยทั้งหมดที่จ่ายไปหากทำประกันตอนสูงอายุได้ โดยอาศัยการจับคู่กับประกันชีวิตแบบประกันมรดกเข้าช่วย ร่วมกับกำหนดให้ทุนประกันชีวิตสูงกว่าทุนประกันโรคร้ายแรง
ประกันชีวิตควบโรคร้าย
- ไม่สามารถแก้ปัญหามูลค่าเวนคืนไม่เกินเบี้ยทั้งหมดที่จ่ายไปหากทำประกันตอนสูงอายุ เนื่องจากไม่สามารถเลือกแบบประกันชีวิตที่จะมาใช้ควบกับประกันโรคร้ายแรง และกำหนดสัดส่วนของทุนชีวิตทุนโรคร้ายได้เอง
ตารางเบี้ยประกันและมูลค่าเงินเวนคืนของ BLA Happy CI ที่น่าสนใจ
เมื่อ BLA เลือกแนวทางที่จะให้เบี้ยประกันทั้งหมดไม่สูงเข้าใกล้ทุนประกันที่ได้ โดยเน้นเฉพาะโรคร้ายแรงเสี่ยงสูงเป็นหลัก จึงทำให้ได้ตารางเบี้ยประกันที่น่าสนใจ และ การเติบโตของมูลค่าเงินเวินคืนที่รวดเร็ว ดังต่อไปนี้
1. เบี้ยแต่ละปีคงที่ตามอายุที่เริ่มทำประกัน

ตัวอย่าง ผู้ชายอายุ 25 ปี ทำทุนโรคร้าย 5,000,000 บ. จะมีเบี้ยคงที่ 20 ปี ๆ ละ 95,350 บ. (โดยทุนโรคร้าย 5,000,000 บ. ที่ได้ คิดเป็น 52.44 เท่าของเบี้ย 95,350 บ.)
2. เบี้ยทั้งสัญญา 20 ปี
กับระยะเวลาที่มูลค่าเงินเวนคืนจะสูงเกินเบี้ย
*ไม่รวมเบี้ยประกันชีวิต (สัญญาหลัก) และเบี้ย คช. (คุ้มครองชำระเบี้ยผู้ปกครอง) ของผู้เยาว์อายุน้อยกว่า 15

ตัวอย่าง ผู้ชายอายุ 25 ปี ทุนโรคร้าย 5,000,000 บ. จะมีเบี้ยรวม 20 ปีเท่ากับ 1,907,000 บ. โดยมูลค่าสะสมในสัญญา Happy CI จะใช้เวลา 25 ปี ที่จะมีมูลค่ามากกว่า 1,907,000 บ. หรือ ในตอนอายุ 50 ปี มีมูลค่าของสัญญามากกว่าเบี้ยทั้งหมดที่จ่ายไป (เสมือนการฝากประจำ 25 ปีแลกความคุ้มครองโรคร้าย 5,000,000 บ. ทันทีที่เริ่มออม)
**มูลค่าเวนคืนแสดงเฉพาะของ BLA Happy CI โดยในช่วงอายุที่มูลค่าเวนคืนน้อยกว่าเบี้ยทั้งหมด จะจำเป็นต้องพิจารณาประกบคู่กับประกันชีวิตที่มีทุนประกันที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้มูลค่าเวนคืนสามารถเติบโตเกินเบี้ยที่จ่ายไปได้
ข้อสังเกตของเบี้ยประกันและมูลค่าเงินเวนคืนตอนยกเลิกสัญญา
จะเห็นได้ว่า หากเริ่มทำ BLA HAPPY CI ระหว่างอายุ 0 - 33 ปี จะเหมือนเป็นการเก็บออมเงินไว้ในสัญญา BLA HAPPY CI โดยเมื่อครบปีกรมธรรม์ที่ 21-38 มูลค่าเงินที่สะสมอยู่ในกรมธรรม์ก็จะเกินเบี้ยรวมทั้งหมดที่จ่ายไปอย่างแน่นอน
ทำให้หากยกเลิกเวนคืนสัญญาหลังจากผ่าน 21-38 ปี ก็จะได้เบี้ยประกันทั้งหมดคืนกลับมา และเวลาก่อนหน้านั้นจะเสมือนได้ความคุ้มครองโรคร้ายตลอด 21-38 ปี โดยไม่เสียเบี้ยประกันใด ๆ
หรือหากไม่ยกเลิกเวนคืนสัญญา ก็ยังสามารถกู้เงินเวนคืนในสัญญาออกมาใช้หมุนในยามฉุกเฉินชั่วคราว ด้วยดอกเบี้ยที่ 4.5% ต่อปีเท่านั้น และยังคงได้รับความคุ้มครองโรคร้ายแรงต่อไปเหมือนเดิม (เว้นแต่หากเงินที่กู้และดอกเบี้ยรวมกันเกินมูลค่าเงินเวนคืน สัญญาจะปิดตัวลงอัตโนมัติ)
ในขณะที่หากเริ่มทำ BLA Happy CI ตอนอายุ 34 ปีเป็นต้นไป จะควรพิจารณาแบบประกันชีวิตและสัดส่วนทุนประกันชีวิตที่สูงขึ้นร่วมด้วย เพื่อที่มูลค่าเงินเวนคืนของประกันชีวิต จะทำให้ได้มูลค่าเงินเวนคืนทั้งหมดสามารถเกินเบี้ยทั้งหมดได้ และหรือ ได้เร็วมากขึ้น
นอกจากนี้ BLA HAPPY CI ยังมีประโยชน์ในการบังคับเก็บเงินให้ลูกอายุ 0-19 ปี ที่พร้อมให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรงที่มากกว่าเงินเก็บทั้งหมดได้ถึง 2 - 4 เท่า
และเมื่อมูลค่าเงินเวนคืนเกินเบี้ยทั้งหมดในปีที่ 21-23 ในตอนนั้น ลูกก็จะมีแหล่งกู้เงินดอกเบี้ยต่ำเป็นของตนเอง ที่สามารถหมุนเงินในเหตุจำเป็นต่าง ๆ ได้ โดยที่ไม่กระทบเงินเตรียมเกษียณของพ่อแม่ ดังใน บทความการออมเงินให้ลูกเพื่อคุ้มครองโรคร้ายแรงทันทีด้วย BLA HAPPY CI
อย่างไรก็ตาม BLA Happy CI อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน หรือ ทุกสถานการณ์
จากข้อมูลทั้งหมด แน่นอนว่าหากมีกำลังพอที่จะเก็บออมเงินแล้วได้ผลประโยชน์เป็นความคุ้มครองโรคร้ายแรงเสี่ยงเป็นสูงตลอดชีพร่วมด้วย การทำ ประกันชีวิตเลือกเอง + BLA Happy CI จะเป็นแบบที่น่าสนใจมาก
แต่ด้วย เบี้ยแต่ละปี ที่ต้องพอทำให้มูลค่าเวนคืนในสัญญาเติบโตเกินเบี้ยทั้งสัญญาได้ในเวลาเฉลี่ยเพียง 23 ปี (หรือมีการเลือก ประกันชีวิตแบบมรดก เป็นสัญญาหลักร่วมด้วย) อาจทำให้เบี้ยรวมของประกันด้านความคุ้มครองทั้งหมดมีโอกาสสูงเกินงบค่าประกันที่ไม่ควรเกินรายได้จำนวน 2 เดือนได้
ซึ่งถ้าหากเกินงบที่เตรียมไว้ การเลือก ประกันชีวิต + BLA Happy CI อาจจะไม่ใช่คำตอบในปัจจุบัน และการเปลี่ยนมาพิจารณา BLA อุ่นใจโรคร้าย ที่เป็นเบี้ยคงที่แต่เป็นการชำระเบี้ยทุกปี กับ คุ้มครองโรคร้ายแรงน้อยโรคกว่า จึงทำให้มีเบี้ยแต่ละปีที่น้อยกว่า และอาจจะเป็นทางเลือกที่ทดแทนกันได้
อย่างไรก็ตามมูลค่าเงินเวนคืนของ BLA อุ่นใจโรคร้าย จะไม่เกินเบี้ยประกันทั้งหมดเหมือนของ BLA Happy CI ดังกราฟด้านล่างนี้

จึงทำให้ถ้าไม่เป็นโรคร้ายแล้วตัดสินใจยกเลิกเวนคืนกรมธรรม์ จะได้เงินเวนคืนกลับมาเฉลี่ยประมาณ 50% ของเบี้ยรวมที่จ่ายไปทั้งหมด ซึ่งก็ยังถือว่ามีเบี้ยประกันจริง ๆ (หลังหักมูลค่าเงินคืนแล้ว) น้อยกว่า เบี้ยประกันโรคร้ายแรงแบบเบี้ยไม่คงที่อย่าง BLA Super Care ในกราฟด้านล่างมาก โดยเฉพาะในตอนเกษียณ

สรุปวิธีการเลือกแบบประกันโรคร้ายแรง BLA

- หากมีกำลังในการเก็บออมเงิน ประกันชีวิตเลือกเอง + BLA Happy CI จะเป็นคำตอบที่น่าสนใจที่สุด โดยเฉพาะเมื่อทำตอนอายุไม่มาก เสมือนเป็นการบังคับฝากประจำระยะยาวแลกกับความคุ้มครองโรคร้ายแรงทุนสูงทันที
- หากกำลังในการเก็บออมน้อยลงมา การพิจารณา ฺBLA อุ่นใจโรคร้าย จะเป็นคำตอบที่น่าสนใจ
- หากยังไม่พร้อมในการเก็บออมเงิน แต่ต้องการเน้นโอนความเสี่ยงเฉพาะช่วงอายุก่อนเกษียณ หรือจนถึงอายุ 50-60 ปี ประกันโรคร้ายแบบเบี้ยไม่คงที่เพิ่มตามอายุ BLA Super Care จะเป็นแบบที่ตอบโจทย์ที่สุด
- ทั้งนี้ ประกันโรคร้ายแบบเบี้ยไม่คงที่เพิ่มตามอายุ BLA Super Care ยังเหมาะกับการเพิ่มความคุ้มครองให้สูงขึ้นต่อจาก BLA Happy CI เฉพาะช่วงชีวิตวัยทำงานหารายได้ที่ต้องเงินการชดเชยที่สูงได้อีกด้วย
- สามารถพิจารณาวิธีเลือกประกันโรคร้าย BLA เพิ่มเติมได้ที่คู่มือการเลือกประกันมะเร็งโรคร้าย BLA
เงื่อนไขที่ต้องทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจทำประกัน BLA Happy CI
ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณารับทำประกัน อาจจำเป็นต้องมีการขอข้อมูลดังต่อไปนี้ (ตาม พรบ.ป้องกันการฟอกเงิน และจากบทความ วิธีการแถลงสุขภาพของ BLA Happy CI ประกอบการพิจารณาว่าต้องแถลงสุขภาพด้วยประวัติการรักษาหรือไม่ )
ขอประวัติสุขภาพ/ ขอให้ตรวจสุขภาพ
ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับแหล่งที่มารายได้
ขอหลักฐานทางการเงิน ถิ่นที่อยู่อาศัย
คำนวณ "เบี้ย" และ "มูลค่าเวนคืน" BLA Happy CI
ท่านสามารถกำหนดทุนประกันที่ต้องการ และ คำนวณเปรียบเทียบเบี้ยประกัน/มูลค่าเวนคืน ของ BLA Happy CI พร้อมกับการคำนวณเลือกจับคู่กับประกันชึวิตตลอดชีพของ BLA ที่เหมาะสม
ผ่านทางไฟล์คำนวณ Google Sheet ด้านล่างนี้ เพื่อใช้ในการวางแผนความคุ้มครอง ชีวิติ/โรคร้ายแรงเสี่ยงเป็นสูง ทั้ง ก่อน/หลังเกษียณ ด้วยเบี้ยคงที่ได้ในทันที


อย่างไรก็ตาม ยิ่งอายุทำประกันเพิ่มขึ้น เบี้ยประกันก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ทุนประกันได้เท่าเดิม ดังนั้นการรีบวางแผนให้สอดคล้องกับงบประมาณที่มี (เบี้ยประกันด้านความคุ้มครองทั้งหมดไม่ควรเกินรายได้ 2 เดือน) จะช่วยให้ได้รับความคุ้มครองทุนประกันสูงในทันทีด้วยเบี้ยประกันที่น้อยกว่า
นอกจากนี้ตอนอายุน้อยจะไม่เสี่ยงต่อการถูกยกเว้นความคุ้มครองบางโรค หรือ ถูกเพิ่มเบี้ยประกันรับความเสี่ยง แตกต่างกับในกรณีที่อายุมากแล้วที่ประวัติการรักษามักมีความเสี่ยงในการรับทำประกันเกิดขึ้นแล้ว
โดยวิธีการรับไฟล์คำนวณ ท่านสามารถกดปุ่มรับไฟล์คำนวณเบี้ยประกันด้านล่างนี้ และ ทำการกรอกข้อมูลสำหรับใช้การคำนวณเบี้ยใน Google Form นี้ (จำเป็นต้อง Log in Gmail ให้เรียบร้อยก่อนกรอกแบบฟอร์ม เนื่องจากลิงก์ไฟล์คำนวณจะถูกส่งเข้าที่ Gmail ภายหลังส่งแบบฟอร์มเรียบร้อย)

หมายเหตุ :
- Google Form นี้ จำเป็นจะต้อง Log in ด้วย Gmail เนื่องจากไฟล์คำนวณจะถูกส่งเข้าที่ Gmail และ Google Drive ภายหลังส่งแบบฟอร์มเรียบร้อยโดยอัตโนมัติ
- ไฟล์คำนวณนี้สำหรับการใช้งานส่วนบุคคล และ เพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยเปรียบเทียบเลือกแบบประกันเท่านั้น โดยความถูกต้องของข้อมูลสามารถแจ้งทางเราเพื่อออกใบเสนอของ BLA ในการยืนยันข้อมูลอีกครั้ง
- ข้อมูลที่กรอกใน Google Form จะใช้เพื่อการออกไฟล์คำนวณเท่านั้น จะไม่มีการติดต่อกลับเพื่อการพูดคุยเพิ่มเติมใด ๆ
- หากไม่ได้รับไฟล์คำนวณ หรือ เกิดปัญหาสอบถามการใช้งาน หรือ ต้องการออกใบเสนอของ BLA สามารถแจ้งทางเราพร้อมชื่อที่กรอกในแบบฟอร์มได้ที่ Line : @releaseyourrisk
*ภายหลังการกรอกแบบฟอร์ม ระบบจะทำการส่งลิงก์ Google Sheet เข้า Gmail ของท่านโดยอัตโนมัติ ภายใน 1-3 นาที หากท่านยังไม่ได้รับสามารถติดต่อแจ้งแอนนี่ผ่านทางลิงก์ Line Official ด้านล่างของเว็บได้ค่ะ โดยแนะนำให้เปิดลิงก์ Google Sheet กับ Notebook/PC เพื่อการใช้งานที่สะดวกที่สุดค่ะ




