เปิดเผยความจริงอันแสนเจ็บปวด ที่คุณและครอบครัวจะได้พบหลังจากที่เรียนจบและทำงานไปได้หลายปีแล้ว
มันไม่ใช่การเจ็บปวดเพียงเพราะคุณกับครอบครัวรู้ตัวช้าไปเท่านั้น แต่มันเจ็บปวดเพราะ คุณกับครอบครัวจะไม่สามารถย้อนเวลา กลับไปแก้ไขอะไรได้อีก
คุณกับครอบครัวจะมีแต่คำถามมากมาย และคอยถามว่าทำไมเรื่องที่เสี่ยงเป็น เสี่ยงตายแบบนี้ถึงไม่ถูกสอนในโรงเรียน
แต่กลับให้คุณกับครอบครัวเรียนจบออกไป แล้วให้ไปเรียนรู้เอง.. ให้ไปถูกหลอก.. ให้ไปเจ็บใจ จนกว่าคุณจะเข้าใจเองได้
เพราะสิ่งที่โรงเรียนคอยสอนคุณกับครอบครัว มักจะวนอยู่เพียง "ต้องแข่งขัน ต้องเก่ง ต้องหาเงินให้ได้มากที่สุด" ซึ่งมีแต่สร้างความเครียด ความกังวลให้กับชีวิตอยู่ตลอดเวลา โดยไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าไรจึงจะจบลงสักที
อย่างไรก็ตาม..เป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่
โรงเรียนอาจไม่ได้สอน
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า คุณต้องทำงานให้ได้เงินเท่าไร.. ทำนานแค่ไหน แล้วเป้าหมายที่จำเป็นในชีวิตคือเท่าใด
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. ร่างกายและจิตใจของคุณจะถดถอยลงได้อย่างรวดเร็วเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะหากทำงานกินดื่มใช้ร่างกายและรับความเครียดอย่างมากในทุกวัน
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. โรคภัยไข้เจ็บที่คุณและครอบครัวหลีกหนีได้ยากเมื่อถึงช่วงอายุหนึ่งนั้นมีหน้าตาอย่างไร ค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้นทุกปีนั้นแทบทำให้ล้มละลายต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาขนาดไหน
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. จะจัดการกับความกังวล ว่าห้ามป่วย ห้ามตายในระหว่างที่คุณต้องออกไปทำงานหาเงินเพื่อคนข้างหลังได้อย่างไร
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. จะจัดการกับความโลภในการลงทุนได้อย่างไร ให้ไม่เลวร้ายถึงขนาดที่คุณต้องหมดตัว และเป็นหนี้จนอาจคิดสั้นได้
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. ชีวิตคุณเป็นสิ่งที่เปราะบางแค่ไหน ถึงขนาดตอบอย่างมั่นใจไม่ได้ด้วยซ้ำว่า คนชราอายุ 70 ปี กับคนหนุ่มสาวอายุ 25 ปี ใครจะจากไปก่อนกัน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. มูลค่าของเงินนั้นเปลี่ยนแปลงตามเวลา และคนที่ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ จะต้องเป็นทาสของเงินต่อไปไม่รู้อีกนานเท่าไร
⊗ โรงเรียนอาจไม่ได้สอนว่า.. คนที่พึ่งพาได้ที่สุดในชีวิต ก็คือตัวคุณเองในอดีต ไม่ใช่ใครที่ไหนทั้งใกล้ตัวและไกลตัว
เมื่อโรงเรียนไม่ได้สอน
บางอย่างที่ไม่ควรมาสอน.. ก็เข้ามาเป็นคุณครูแทน
โดยปล่อยให้คุณครูที่ชื่อว่า ละคร หนัง ซีรีย์ นิยาย โซเชียลมีเดีย อินฟลูเอ็นเซอร์ มาสอนแทน จนได้พาคุณหลงทางออกจากสิ่งที่คุณต้องการในชีวิตจริง ๆ ไป
ทำไมสิ่งเหล่านี้ไม่ควรเป็นคุณครูให้คุณ
เพราะคุณครูเหล่านี้เอาแต่สอนว่า..
◤ คุณกับครอบครัวต้องมีทุกอย่างตามที่คุณครูบอกว่าควรมี ไม่ว่าสิ่งนั้นจะแลกมาด้วย การทำงานที่ไม่ชอบ ทำแบบไม่รู้จบ หรือการลงทุนที่เสี่ยงในระดับการพนัน
◤ คุณกับครอบครัวต้อง มีบ้านหลังใหญ่ มีรถคันหรู ท่องเที่ยวในสถานที่ตื่นตาตื่นใจ อาหารการกินต้องไม่ธรรมดา ต้องมีของสะสมหายาก ต้องมีทุก ๆ อย่าง ที่จะทำให้คนรอบข้างคุณต้องเอ่ยปากชม แม้ต้องผ่อนมาใช้ก่อนจ่ายที่หลังและต้องเป็นหนี้ที่จำกัดอิสรภาพ
◤ คุณกับครอบครัวต้อง ไล่ตามความสำเร็จ ต้องเป็นที่หนึ่ง มีบริษัทใหญ่โต เป็นผู้บริหารชั้นสูง มีพนักงานนับร้อยนับพัน เป็นที่รู้จักของคนจำนวนมาก มีผู้คนให้ความสนใจ
◤ คุณกับครอบครัวต้อง เป็นครอบครัวที่เพรียบพร้อม ทุกอย่างต้องดูดี ดูเพอร์เฟ็คในสายตาคนภายนอก
และยิ่งคุณหาได้มาก มันกลับทำให้คุณยิ่งกังวลมากขึ้น
เพราะสิ่งมาก ๆ เหล่านี้ ล้วนวนกลับมา สร้างภาระที่มากมาย ตามมาด้วย แถมคุณและครอบครัวก็ยังคงมีความกังวลใจในเรื่องเหล่านี้กวนใจอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น..
ความกังวลเมื่อคุณหรือคนในครอบครัวออกไปทำงานแล้ว.. ถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณและครอบครัวจะอยู่กันต่ออย่างไร ไหนจะหนี้สิน ไหนจะค่าโรงพยาบาล ไหนจะค่าฌาปนกิจ ไหนจะค่าฟ้องร้อง ไหนจะค่าชดเชยคู่กรณี แล้วจะต้องหาทางขายทรัพย์สินหรือต้องกู้หนี้ยืมสิน และกลายเป็นปัญหาหรือภาระให้ใครอีกบ้าง
ความกังวลต่อความเจ็บป่วยในร่างกายทั้งตนเองและครอบครัว ไม่อยากไปตรวจสุขภาพ ไม่อยากรับรู้ ทำไมโรงเรียนไม่สอนให้รู้ว่า มันมีโรคบ้า ๆ มากมายที่ยากจะหลีกเลี่ยงและมีโอกาสเป็นสูงแค่ไหนเมื่ออายุมากขึ้น พร้อมค่าใช้จ่ายที่ไม่ต่างกับการปล้นเอาเงินที่หามาอย่างยากลำบาก ไปทั้งหมด
ความกังวลว่ายามแก่ชรา ค่าอยู่อาศัย ค่าการรักษา ค่าดูแล จะขึ้นไปสูงขนาดไหน จะต้องเป็นภาระใครต่อใครอีก จะมีใครหรืออะไรให้พึ่งพิงได้หรือไม่
ความกังวลว่า สุดท้ายจริง ๆ แล้วต้องหาเงินอีกนานแค่ไหน ต้องหาอีกเท่าไร เมื่อไรชีวิตที่วนเวียนแบบไม่มีจุดสิ้นสุดชัดเจนแบบนี้ จะจบลงสักที
สุดท้าย เมื่อคุณต้องเหนื่อยทั้งกายและใจอย่างถึงที่สุด
คุณจึงเริ่มรู้สึกตัวว่า..
▍ คุณเดินอยู่บนเส้นด้ายมาตลอด นับจากวันที่คุณออกมาจากโรงเรียน คุณถูกสอนให้ทำ ให้หาสิ่งของต่าง ๆ มามากมาย แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้เส้นด้ายนี้หนาและปลอดภัยมากขึ้นเลย
▍คุณเริ่มแก่ตัวลงมากพร้อมกับแบกภาระเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คุณเหนื่อย คุณเริ่มเจ็บป่วย คุณเริ่มต้องการแค่ความสงบในชีวิต ได้หลบไปหาความสุขเล็ก ๆ หรือขอแค่ได้ปลดปล่อยภาระที่มีออกไปให้ได้บ้าง
▍คุณไม่เคยได้กำหนดอะไรเลย ทุกอย่างเหมือนโดนผลักให้ไล่ไปตามกระแสความเชื่อบางอย่างของคนภายนอกเท่านั้น คุณเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องวิ่งไปตามสายพานนี้
▍ตอนนี้คุณรู้สึกว่า ทำไมภาพทุกอย่างมันพล่ามัวไปหมด มันไม่เคยชัดเจนเลย มันไม่มีความมั่นคง มีแต่ความกังวลที่ยังคงอยู่กับคุณเสมอมา
คุณเริ่มรู้ตัวว่า..ทั้งหมดนี้มันไม่ถูกต้อง มันขาดจิ๊กซอว์บางอย่างไป
เมื่อคุณรู้ตัวแล้วว่า..นี่มันไม่ถูกต้อง
คุณจึงได้นั่งหยุดพักกับตนเอง ได้นั่งเคียงข้างกับตนเอง แล้วถามกับตนเองตรง ๆ ว่า จริง ๆ แล้วคุณกับครอบครัวต้องการอะไร
“จริง ๆ คนเราหาเงินไปเพื่ออะไร สุดท้ายแล้ว เราต้องการเพียงแค่สิ่งไหน”
และบางทีคุณอาจจะตอบกับตนเองว่า..
เป้าหมายชีวิตจริง ๆ อาจเรียบง่ายถึงขนาดนี้ แต่คุณครูข้างบนสุดได้สอนให้คุณเดินกลับหลังและอ้อมไปไกลมาก กว่าที่คุณจะได้เริ่มเดินทางถึงเป้าหมายนี้จริง ๆ ด้วยเพียงคำสอนที่ว่า
“คุณจะต้องหาเงินให้ได้มาก ๆ ต้องมีทุกอย่างโดยเร็ว ต้องได้รับคำชื่นชมจากผู้คนจำนวนมาก แล้วคุณจะไม่มีอะไรให้กังวล”
ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ความกังวลเหล่านี้สามารถจะหายไปได้ หรือ อย่างน้อยลดลงได้โดยไม่ยาก ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ไม่ต้องใช้เงินหลายล้านบาท ไม่ต้องเป็นคนหาเงินเก่งมาก ๆ หรือต้องทำอะไรที่จะเพิ่มภาระขึ้นอีกมากมายเลย
"แค่เพียงเริ่มทำในสิ่งที่โรงเรียนและคุณครูข้างบนนั้นสอนไม่ครบ"
ใช่..พวกเขาสอนไม่ครบ!! จากสิ่งที่ต้องสอนทั้งหมด 5 อย่าง พวกเขากลับสอนเพียง 2 อย่าง
คือโรงเรียนสอนแค่เรื่อง "INCOME การหารายได้" กับโซเชียลมีเดียสอนเพียงเรื่อง "SPENDING การใช้จ่าย" เท่านั้น
แต่ยังขาดจิ๊กซอว์สำคัญอีกถึง 3 อย่าง ที่คุณกับครอบครัวจำเป็นต้องรู้และเข้าใจ
ก่อนจะลงลึกถึง 3 จิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปนี้ ให้คุณลองหลับตาและจินตนาการดูว่า..
เมื่อคุณเป็นดังเหตุการณ์ต่อไปนี้ คุณจะรู้สึกอย่างไร
⦿ เมื่อคุณและครอบครัวสามารถออกจากบ้านไปทำงานได้อย่างสบายใจ โดยที่ไม่มีห่วงหรือกลัวว่าจะถูกมัจจุราชพรากครอบครัวคุณไปในตอนไหน เพราะคุณมั่นใจว่า คนข้างหลังจะไม่ลำบากเพราะภาระจากการจากไปของคนใดคนหนึ่งแน่นอน
⦿ เมื่อคุณกล้าที่จะเรียนรู้ว่า โรคภัยที่จะเข้ามาตอนช่วงอายุต่าง ๆ นั้นมีอะไรบ้าง กล้าที่จะตรวจสุขภาพ.. ตรวจคัดกรองมะเร็งโรคร้าย โดยไม่กลัวว่าถ้าตรวจพบแล้วคุณจะต้องทำอย่างไร
⦿ เมื่อคุณกล้าที่จะป่วย กล้าที่จะเลือกวิธีการรักษาที่ดีที่สุด ทั้งต่อตัวคุณเองและครอบครัว พร้อมที่จะนอนรักษาใน รพ. ให้หายป่วยได้อย่างเต็มที่ด้วยความสบายใจ ไม่ต้องรีบเร่ง แล้วสุขภาพจิตเสียเพราะกลัวว่าจะเป็นภาระให้กับคนรอบข้าง ทั้งยังมีเงินช่วยเหลือตอบแทนคนที่อาสาช่วยดูแลคุณหรือครอบครัวของคุณได้
⦿ เมื่อคุณกล้าที่จะลงทุนและเสี่ยงได้มากขึ้นเพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า เพราะคุณรู้ว่าคุณได้จัดการเงินส่วนที่จำเป็นในปัจจุบันและเงินตอนเกษียณไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้คุณกลับมาตั้งหลักใหม่ได้เสมอ
⦿ เมื่ออายุใกล้เกษียณมากเท่าใด คุณยิ่งมีความสุข เพราะคุณรู้แล้วว่าคุณจะได้พักและมีอิสระที่จะทำในสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ ได้โดยไม่ต้องคิดเรื่องการหาเงินใด ๆ อีก
3 จิ๊กซอว์นี้จะช่วยให้สิ่งที่คุณจินตนาการ เป็นไปได้
โดยไม่จำเป็นต้องรอนาน ไม่จำเป็นต้องมีเงินทองมากมาย ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากมหาศาล
ก็สามารถที่จะเริ่มปลดความห่วง ความกังวล ที่คุณมีได้ในทันที
3 จิ๊กซอว์นี้มีมานานแล้วและคุณเองก็คุ้นเคยดี เพียงแต่คุณกับครอบครัวไม่ได้ประยุกต์ใช้ในอีกทางเท่านั้น เพราะมันคือขั้นตอนเดียวกันกับเมื่อตอนคุณ
อยากได้บ้าน อยากได้รถ อยากได้มือถือรุ่นใหม่
โดยสิ่งที่คุณจะทำอย่างแรกก็คือ การแบ่งเงินจาก INCOME มา SAVING (เก็บออม)
แต่ถ้าสุดท้ายคุณ ไม่ต้องการรอ เก็บออมจนได้เงินก้อนมาซื้อ คุณต้องการให้มี ให้ได้ใช้ในทันที
สิ่งที่คุณทำต่อไปก็คือ BANK INVESTING คือ ให้ธนาคารมาลงทุนในตัวคุณผ่านการให้สิ่งที่คุณอยากได้มาก่อน จากนั้นคุณสัญญาว่าจะให้เงินธนาคารกลับไป 1.5-3 เท่าของราคาของนั้น ๆ ตามเวลาที่กำหนด
หรือก็คือ การผ่อนจ่าย นั้นเอง โดยยอมเป็นหนี้และต้องมีสินทรัพย์หรือกระแสเงินสดมาเป็นหลักทรัพย์หรือสิ่งยืนยันว่าคุณจะสามารถชำระหนี้ได้ หรือทำให้ธนาคารกล้าลงทุนในตัวคุณ
และวิธีการนี้ละคือจิ๊กซอว์สำคัญที่ขาดหายไป
คุณรู้หรือไม่ว่า ด้วยวิธีการแบบเดียวกันนี้เอง หากเปลี่ยนจากบ้าน รถ มือถือ มาเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่คุณและครอบครัวไม่อยากให้เกิดขึ้นแต่หลีกหนีไม่ได้ เช่น ค่ารักษาพยาบาลตลอดชีวิต ค่าจัดงานฌาปนกิจ ค่าภาระหนี้สิน ค่าภาระทางธุรกิจ ค่าศาล ค่าเลี้ยงดูครอบครัว ค่าเล่าเรียนบุตร
ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ต่างกับค่าบ้านค่ารถ ตรงที่คุณไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นตอนไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรคุณไม่อยากให้มันเกิดขึ้นในตอนที่ คุณยังไม่พร้อม)
ด้วยความต้องการนี้เอง จิ๊กซอว์สำคัญที่ชื่อว่า PROTECTION (การป้องกัน) จึงเกิดขึ้นมา
หรือก็คือการ "การผ่อนล่วงหน้า" ให้กับค่าใช้จ่ายที่กังวลว่า มีโอกาสเกิดขึ้นแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร โดยหากเกิดขึ้นเมื่อใดก็จะสามารถมีเงินสดมาใช้จ่ายกับความกังวลนั้น ๆ ได้เร็วที่สุด
วิธีนี้จึงเหมือนเป็นทั้งการ SAVING + INVESTING ไปในตัว และที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณกับครอบครัวไม่จำเป็นต้องหา INCOME จำนวนมาก มากันไว้เผื่อเหตุการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร
โดยคุณเพียงแบ่งเงินจำนวนไม่กี่ % ของ INCOME (เหมือนที่คุณโดนบังคับให้ทำประกันสังคม) คุณก็จะมีเครื่องมือ PROTECTION นี้ไว้ใช้ ในยามที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ในทันที
คุณจะสังเกตได้ว่ากลไกของเครื่องมือนี้เปรียบเสมือนการที่คุณตัดสินใจที่จะ
ผ่อนล่วงหน้าโดยที่คุณยังไม่ได้เป็นหนี้ หรือ ยังไม่ได้กู้ยืมเงินอะไรมา แต่เมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องใช้เงิน
ก็จะมีเงินให้คุณได้ใช้
และในบางสถานการณ์ วงเงินกู้นี้ก็จะรีเซ็ตกลับมาเต็มวงเงินเหมือนเดิมอีกครั้งในทุกครั้งที่จะใช้หรือในทุก ๆ สิ้นปี หรือบางสถานการณ์เมื่อกู้ออกไปแล้วคุณก็หยุดได้ โดยไม่ต้องผ่อนจ่ายใด ๆ อีกซึ่งมันเป็นอะไรที่
กลับกันกับ SPENDING การผ่อนจ่าย การกู้ยืมเงิน และการเป็นหนี้ ตามปกติอย่างสิ้นเชิง
และนี่คือ 3 จิ๊กซอว์สำคัญ ที่เป็นเครื่องมือทางการเงิน ที่โรงเรียนไม่พูดถึง
"SAVING" "INVESTING" และ "PROTECTION"
เพียงแค่ทำกลับกัน..
จะได้ประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง
และด้วยการที่คุณยอมผ่อนล่วงหน้าตั้งแต่ยังไม่เป็นหนี้ วงเงินที่ได้จึงมีมูลค่าสูงมาก เมื่อเทียบกับการที่คุณรอให้เกิดเหตุการณ์ให้เป็นหนี้ก่อน แล้วจึงค่อยผ่อนจ่าย
ซึ่งการกู้แบบปกติอาจจำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ หรือต้องแบกหน้าหาคนให้มาช่วยค้ำประกัน แตกต่างกับการผ่อนล่วงหน้าที่คุณเพียงนำสุขภาพที่แข็งแรงไปค้ำวงเงินเท่านั้น
รวมถึงกลไกนี้ รัฐบาลก็สนับสนุน โดยสามารถนำมาลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีโอกาสได้เงินคืนภาษีหรือประหยัดภาษีที่จะจ่าย ลงไปได้อีกมาก
ที่สำคัญที่สุดหากนำ 3 เครื่องมือนี้รวมกัน
จะสามารถ "ตีมูลค่าเงินต้นขั้นต่ำของการผ่อนล่วงหน้า" และออกมาเป็นเป้าหมายการเงินในระยะเวลาที่ต้องการ หรือระยะเวลาก่อนเกษียณได้
และเป็นจุดเริ่มต้นของการวางแผนการเงินรอบด้าน
ให้สามารถบอกได้ว่าจริง ๆ แล้วจำเป็นต้องหาเงินอีกเท่าไรถึงจะหยุดได้
ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงรายรับรายจ่าย เพื่อให้มีสุขภาพทางการเงินที่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ได้มานี้
รวมถีงยังสามารถลงทุนได้เสี่ยงสูงมากขึ้น เพราะมีส่วนที่ปลอดภัยกว่ารองรับไว้หมดเรียบร้อยแล้ว
แต่..หน้าแปลก!?!
ถึงแม้โรงเรียนอาจไม่ได้สอน
แต่ทำไมคุณกับครอบครัวที่อาจเคยได้ยินเกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้มาแล้ว กลับเลือกที่จะหลีกหนี
เพราะทุกเครื่องมือทางการเงิน ไม่สามารถเดินไปหาผู้ใช้งานเองได้ และไม่สามารถพูดอธิบายถึงความสำคัญความจำเป็น และเงื่อนไขการใช้งานต่าง ๆ อย่างละเอียดได้
จึงทำให้ต้องมีผู้แนะนำเครื่องมือทางการเงินขึ้นมา และมีค่าตอบแทนการแนะนำที่ให้จากบริษัทเจ้าของเครื่องมือการเงินนั้น ๆ ในจำนวนที่แตกต่างกันไปตามจุดประสงค์ของแต่ละเครื่องมือ
และด้วยผลประโยชน์ค่าตอบแทนนี้เอง จึงเป็นที่มาให้เกิดปัญหาตามมา ด้วยความที่ผู้แนะนำเองก็อยากได้เครื่องมือที่ให้ค่าการแนะนำสูง แนะนำง่าย และไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องใช้เวลาอธิบายนาน
จึงเริ่มเกิดขบวนการทำงานที่บอกความจริงเพียงด้านเดียว หรือความจริงแบบที่จัดชุดแพ็คเกจมาแล้ว ถ้านั่นจะช่วยให้ปิดการขาย ที่ถูก "กดดัน" ยอดมา ได้ง่ายมากขึ้น
ทำให้โดยส่วนใหญ่ ผู้แนะนำอาจเลือกที่จะไม่ใช้เวลาในการให้ความรู้ความเข้าใจถึงในแก่นของเครื่องมือ แต่เลือกที่จะแนะนำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากได้ยินแทน (ซึ่งคนส่วนใหญ่รู้จักแต่ INCOME และ SPENDING) เช่น
พูดเฉพาะจุดเด่น (แต่ไม่เคยได้ยินว่า ข้อจำกัดมีอะไรบ้างและมีวิธีอื่นอีกไหม)
จ่ายคงที่ มีเงินคืน คุ้มค่า (แต่ไม่ได้บอกว่าต้องจ่ายสูงตั้งแต่แรก เพื่อแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลงทุน)
จ่ายสั้น (แต่ไม่ได้บอกว่าเหมือนเป็นการกันเงินคุณเองเพื่อคุ้มครองตัวคุณเอง)
เล่นกับอารมณ์ (แต่ไม่ได้บอกว่าเครื่องมือที่จะใช้เพื่อครอบครัวนั้นจะเหมาะสมที่สุดหรือไม่)
จึงเหมือนเป็นการแนะนำเครื่องมือการเงินเหล่านี้แบบเดียวกับการขายสินค้าทั่วไป.. ที่จับต้องได้.. โดยเน้นการสร้างความสัมพันธ์ ความเชื่อใจ อารมณ์.. ชี้ให้เห็นตัวเลข และใช้เทคนิคทั้งหมดนั้นมาปิดการขาย
แต่จริง ๆ เครื่องมือการเงินคือสัญญา ไม่ใช่สินค้าทั่วไป จึงจำเป็นต้องเข้าใจเงื่อนไขทั้งหมด หรืออย่างน้อยสาระสำคัญก่อนทำสัญญา ไม่ใช่เพียงเชื่อใจ เห็นตัวเลขแล้วก็ลงมือทำสัญญา เพราะนั่นล้วนแต่สร้างปัญหาตามมาในภายหลัง และได้สร้างชื่อเสียมากมายให้กับเครื่องมือการเงินเหล่านี้
ยิ่งพอมารวมกับความเข้าใจผิดและการบอกกันแบบปากต่อปาก จากที่เป็นเครื่องมือทางการเงินที่จะช่วยทุ่นแรงให้คุณกับครอบครัว กลับกลายเป็นเครื่องมือการหาเงินของผู้แนะนำไปแทน
แม้สุดท้าย..จะมีผู้คนบางส่วนได้ทำความเข้าใจและเห็นถึงความสำคัญจริง ๆ แต่ก็ไม่ไว้ใจผู้แนะนำ จนทำให้ต้องไปสมัครเป็นผู้แนะนำเอง เพื่อที่จะเข้าไปศึกษาล้วงข้อมูลจริง ๆ ออกมาไว้ทำให้กับครอบครัว
แต่นั่นก็เป็นวิธีที่ใช้เวลาอย่างมาก และต้องยอมรับว่าขั้นตอนบางอย่างจำเป็นต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ เพราะไม่ได้มีการสอนหรือบอกตรง ๆ ไว้ทั้งหมดตั้งแต่แรก เนื่องด้วยเนื้อหาและข้อมูลที่เยอะมากจนเกินไป และผลประโยชน์ที่ทับซ้อนกันอยู่
"ดังนั้นคงจะดีมาก ๆ หากมีผู้ที่เข้าไปล้วงข้อมูลนี้ และนำออกมาบอกกับทุกคนจริง ๆ อย่างตั้งใจ โดยไม่เอาผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างค่าการแนะนำ ค่าตอบแทนการตลาด เข้ามาเกี่ยวข้อง"
แล้วทั้งหมดนี้ Release your Risk
จะได้อะไร
ทางเรามีหน้าที่นำข้อมูลทั้งหมดของเครื่องมือทางการเงินส่วนบุคคลด้าน PROTECTION ออกมาวิเคราะห์อธิบาย รวมไปถึงความสัมพันธ์ทั้งจากด้าน INVESTING ด้าน SAVING และด้าน SPENDING
ซึ่งทุกเครื่องมือทางการเงินมักจะผสม 4 ด้านนี้เข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้เครื่องมือที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่ต้องการต่าง ๆ ได้อย่างดีที่สุด
แต่ปัญหาคือ การแนะนำเครื่องมือเหล่านี้นั้น บริษัทเจ้าของเครื่องมือจะมีค่าการแนะนำหรือค่าตอบแทนการตลาดให้มาเสมอ และนั่นคือ ผลประโยชน์ทับซ้อนที่จะทำให้การแนะนำแบบไม่ลำเอียงหรือแบบตามจริงครบรอบด้าน ปรากฏออกมาได้ยาก
อย่างทางเราเอง ถึงแม้จะได้เขียนบทความบอกความจริงทุกอย่างออกมาแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่คุณกับครอบครัวก็อาจ ยังรู้สึกเคลือบแคลงใจ ว่าการที่เราอธิบายแบบนี้ อาจเป็นเพราะต้องการขายเครื่องมือนั้น ๆ เพื่อให้ได้ค่าตอบแทนสูง ๆ ใช่หรือไม่
ดังนั้นเพื่อขจัดความเคลือบแคลงใจนี้ออกไป ทางเราจึงตัดสินใจที่จะจัดทำและจำหน่ายซีรีย์ E-Book คู่มือเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินที่ครอบคลุมความกังวลทั้งด้านความมั่งคั่ง สุขภาพ และการเกษียณ ของส่วนบุคคลและครอบครัวขึ้นมา
เพื่อทำให้ทางเราได้มีความชัดเจนมากขึ้นว่า เราจะรับค่าตอบแทนจาก E-Book นี้แลกกับการทำให้คู่มือนี้เป็นคู่มือที่ดีที่สุดเล่มหนึ่ง ไม่ใช่เพราะหวังมุ่งเป้าไปที่จะเอาค่าตอบแทนการตลาดหรือค่าการแนะนำเครื่องมือทางการเงินจากบริษัท
ซึ่งภายใน E-Book จะตีแผ่ข้อมูลทุกอย่าง พร้อมบทวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ทั้งในมุมมองของทั้งผู้ทำสัญญา ผู้แนะนำสัญญา และผู้รับทำสัญญา
เพื่อให้คุณกับครอบครัวเข้าใจถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังได้อย่างลึกซึ้งโดย ไม่ต้องเสียเวลา เสียโอกาส และค่าใช้จ่ายเพื่อเข้ามาล้วงข้อมูลเหล่านี้ด้วยตนเอง หรือต้องมานั่งขุดข้อมูลบางอย่างเพื่อวิเคราะห์หาผลประโยชน์ทับซ้อนที่ปิดบังเอาไว้
และเพื่อไว้เป็นคู่มือข้างกายในการเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินส่วนบุคคลและส่วนครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ได้เพียงมอบหมายให้ผู้แนะนำที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นคนเลือกจัดแพ็คเกจแทนคุณกับครอบครัวเพียงเท่านั้น
โดยคุณกับครอบครัวจะทราบถึงที่มาว่า ทำไมผู้แนะนำชอบแนะนำเครื่องมือนี้มากกว่าอีกเครื่องมือหนึ่ง หรือชอบให้เพิ่มเติมเครื่องมือนี้เพิ่มเข้ามาด้วย รวมไปถึงทำไมบริษัทผู้รับทำสัญญาจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือเหล่านี้ออกมา
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงเพราะ เครื่องมือเหล่านี้นั้น ดีต่อคุณกับครอบครัวฝ่ายเดียวแน่นอน
ด้านล่างนี้คือเนื้อหาบางส่วนใน E-BOOK
ที่จะช่วยให้คุณกับครอบครัวได้เข้าใจ เปรียบเทียบและเลือกใช้เครื่องมือทางการเงิน
เพื่อปลดภาระที่หลีกหนีไม่ได้และคอยติดตามตัวคุณกับครอบครัวเหมือนเงาตามตัว
โดยภาระที่สร้างความกลัว ความกังวลแบบเงียบ ๆ แต่พร้อมจะออกมาน็อคคุณกับครอบครัวให้สลบได้ภายในหมัดเดียว ซึ่งคุณกับครอบครัวควรศึกษาเจาะลึกหาทางป้องกันและหาแผนสำรอง เพื่อให้สามารถทราบเป้าหมายทางการเงินว่าต้องทำงานอีกนานแค่ไหน ต้องมีเงินเท่าไร จะมีดังต่อไปนี้
⦿ ภาระที่เกิดขึ้นหลังจากมัจจุราชมาเยือนคนในครอบครัวแบบไม่ทันตั้งตัว ที่สร้างทั้งความกังวล ความเศร้าใจ กับภาระที่จะตามมาอีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนหนี้สิน ค่าคดีความ ค่าทนาย ค่าศาล ค่าฟ้องร้องทวงคืนความยุติธรรม ค่าจัดการจัดตั้งกองมรดกต่าง ๆ
ความกังวลอันดับที่หนึ่ง ที่เพียงหลับตานึกถึงก็รู้ว่าจะสร้างความเลวร้ายได้ขนาดไหน ทำให้ในทุกปีจำเป็นที่ทั้งครอบครัวต้องประชุมเตรียมการรับมือไว้เสมอ
⦿ ภาระเมื่อคนในครอบครัวป่วยเข้า รพ. ที่คอยสร้างความกังวลว่าจะต้องไปหาเงินหรือต้องกู้หนี้ยืมสิน ขอร้องคนรู้จัก ขอร้องโรงพยาบาล เพราะค่ารักษาพยาบาลที่แพงขึ้นทุกปีปีละอย่างน้อย 8% พอถึงตอนเกษียณก็ไม่รู้จะแพงขึ้นไปอีกแค่ไหน และหากรอใช้สวัสดิการรัฐก็เสี่ยงที่จะช้าเกินไป
ความกังวลอันดับที่สอง ที่อาจมีเวลาให้ได้ร่ำลากันแต่ก็มาพร้อมค่าใช้จ่ายที่โหดร้ายถึงที่สุด และทำให้ไม่กล้าที่จะป่วย ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
⦿ ภาระค่าใช้จ่ายตอนเกษียณ ที่สร้างความกังวลให้ไม่สามารถเกษียณได้ จะยังต้องทำงานไปต่อเรื่อย ๆ จนกว่าจะจากโลกนี้ไป
ความกังวลอันดับที่สาม เป็นสิ่งที่ไกลตัวที่สุดเพราะคาดเดาเวลาได้ แต่กลับเป็นสิ่งที่ควรเริ่มต้นจัดการให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งเริ่มช้ามากเท่าไร ปัญหาก็จะยิ่งใหญ่ และยิ่งต้องใช้เงินมากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น
⦿ ภาระที่เกิดขึ้นจากเงินเฟ้อ เงินที่ถูกเก็บไว้เฉย ๆ จะเสื่อมมูลค่าลงเรื่อย ๆ หรือในอีกนัยหนึ่งก็คือ ข้าวของแพงมากขึ้น ต้องใช้เงินมากกว่าเดิมในการซื้อของชิ้นเดิม
ความกังวลอันดับที่สี่ เป็นสิ่งที่ทั้งใกล้และไกลตัว คือ ใกล้เพราะว่าเงินทยอยลดมูลค่าลงจริง ๆ แต่ไกลเพราะใช้ระยะเวลาหนึ่งจึงจะเริ่มเห็นผลและรู้สึกตัว การจะแก้ปัญหาความกังวลส่วนนี้ได้จึงจำเป็นต้องเข้าใจวิธีการลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัยจากสภาวะนี้
⦿ ภาระค่าใช้จ่ายด้านภาษี เป็นสิ่งที่สามารถพูดได้เต็มที่ว่าเป็นเป็นกรรมที่จะติดตามมาในทุกปีหรือทุกครึ่งปี ทำให้จำเป็นต้องสูญเสียรายได้เกือบ 1-2 เดือน เพื่อมาให้กับภาษีโดยเฉพาะ
ความกังวลอันดับที่ห้า ทางออกที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้อันดับแรก คือ การหาทางเลือกจ่ายให้ตนเองก่อน และต้องเป็นการจ่ายที่ทางรัฐบาลสนับสนุนหรืออนุญาตให้นำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยหากจัดการส่วนนี้ดี ๆ อย่างมีแบบแผนจะช่วยให้ลดภาระในอนาคตได้มากพอสมควรด้วย
เข้าใจก่อนเลือกใช้เครื่องมือการเงิน เพื่อสามารถเกษียณสุขได้อย่างสบายใจ และนั่นคือหน้าที่ของเรา
จนมีวันหนึ่งได้มีคนเข้ามาเปิดใจให้ทางเราได้เห็นประโยชน์ของเครื่องมือทางการเงิน ทำให้เกิดความเชื่อใจ และทำตามคำแนะนำด้วยอารมณ์เป็นห่วงครอบครัว โดยที่ยังไม่เข้าใจเครื่องมือการเงินนั้นจริง ๆ ว่ามีวิธีการทำงานอย่างไร
สุดท้ายเมื่อรู้สึกแปลก ๆ จึงได้เอาตนเองเข้าไปศึกษาและล้วงข้อมูล จนทำให้รู้ว่า นี่มันไม่ใช่เครื่องมือที่เหมาะสมกับเราในตอนนี้ มันมีเครื่องมืออื่นที่เหมาะสมมากกว่า แต่นั้นก็สายไปแล้ว เพราะทุกอย่างเป็นสัญญา ที่ย่อมมีบทลงโทษหากจะยกเลิกสัญญา ซึ่งสร้างบาดแผลที่เจ็บปวดแสนสาหัสให้กับทางเรา
RELEASE YOUR RISK จึงถูกก่อตั้งขึ้นมาจากความเจ็บปวดนี้ เพราะเราต้องการทำตรงกันข้าม (ทุกอย่าง) กับสิ่งที่ทำให้เราได้เคยเจ็บปวดมาอย่างแสนสาหัส
เราต้องการให้คุณได้มีข้อมูลในการศึกษาทำความเข้าใจแบบไม่ถูกกดดันและถูกเร่งรัดการตัดสินใจ
เราต้องการให้คุณเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินด้วยข้อมูลรวมกับความเชื่อใจ ไม่ใช่เพียงเพราะความเชื่อใจอย่างเดียว
เราอยากให้คุณเข้าใจที่มาของตัวเลขและ ข้อควรระวัง ในการได้มาของตัวเลขนั้น ๆ
หลายสิ่งที่บริษัทแนะนำมา เราอยากให้คุณวิเคราะห์สัญญาอย่างละเอียด ในทุกด้านแม้ในด้านที่บริษัทไม่บอก
ทุกอย่างที่เราอยากให้คุณทำ เป็นแรงเสียดทานต่อกาลงมือทำทั้งสิ้น แม้เครื่องมือการเงินอย่างประกัน ยิ่งทำเร็วยิ่งดีแต่ด้วยที่เป็น สัญญาระยะยาว 50-60 ปี (หรือมากกว่านี้) การใช้เวลาศึกษาทำความเข้าใจสัก 1-2 ชั่วโมงขึ้นไปนั้น ดูค่อนข้างสมเหตุสมผลมากกว่าการเชื่อตามกันมา เชื่อตามที่ถูกแนะนำ
ดังนั้นทางเราจึงได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดด้าน ความจริงในมุมมองของแต่ละฝ่าย เบื้องหลังและที่มาของเครื่องมือ เพื่อให้คุณกับครอบครัวได้เข้าใจ และเห็นภาพรวมกับวัตถุประสงค์ของเครื่องมือแต่ละแบบ ได้เปรียบเทียบกันในแต่ละด้าน
และสุดท้ายได้เครื่องมือที่เหมาะสมที่สุด ที่จะนำมาใช้รวมกันสำหรับการวางแผนการเงินเพื่อเกาียณสุขได้อย่างสบายใจ
เกี่ยวกับ
RELEASE YOUR RISK
แอนนี่ - รุจิรา ต๊ะบุญเรือง
ผู้แนะนำให้ความรู้ในเครื่องมือการเงินแบบองค์รวม
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตการทำงานทั้งหมดของแอนนี่ในสายงาน CRM ได้พบว่า ความไม่รู้ เป็นศัตรูที่แพงอย่างมากในโลกของการเงิน และโดยส่วนใหญ่กว่าจะได้รู้ก็อาจจะสายไปแล้ว
แอนนี่จึงจะเน้นแก้ไขปัญหานี้ ผ่านการให้ความรู้ทางการเงินที่ครบถ้วนที่สุดเพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบจากความไม่รู้นี้ค่ะ
บาส - ฐิติ รุ่งเจริญไพศาล
ผู้ค้นคว้าพัฒนา FRAMEWORK เพื่อการเกษียณสุข
ผมอยู่ในสายงานนักพัฒนาโปรแกรมและอาจารย์มหาวิทยาลัยมากว่า 10 ปี ซึ่งได้พบความจริงว่า หากขาดความรู้ ความเข้าใจ ลำดับการใช้งานของเครื่องมือทางการเงินที่ถูกต้องแล้ว ก็ยากที่จะทราบได้ว่าจะมีอิสรภาพทางการเงินได้เมื่อใด
ผมจึงพยายามพัฒนาเครื่องมือคำนวณ ที่จะใช้เครื่องมือการเงินให้ครบรอบด้านโดยเฉพาะในกรอบการลดหย่อนภาษี เพื่อช่วยให้สามารถคำนวณเงินที่จำเป็นสำหรับนำไปสู่อิสรภาพทางการเงินในช่วงเกษียณได้ ทั้งยังต้องสามารถลงมือทำตามได้ง่ายและมีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์รายได้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้