ทำไมถึงต้องทำประกันสุขภาพ

ค่ารักษาพยาบาล ที่แพงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในตอนเกษียณ ที่อย่างไรก็ต้องยอมจ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้สวัสดิการภาครัฐที่อาจต้องรอนานจนเสี่ยงถึงชีวิต

📌  เป็นหนึ่งหนี้ที่คุณสามารถพูดได้ว่า คุณอาจมีหนี้ค่ารักษาพยาบาลมาตั้งแต่ตอนที่คุณเกิดมาแล้ว (ไม่นับค่าทำคลอด) เพียงแต่หนี้นี้.. คุณแค่ไม่รู้ว่าคุณจะต้องใช้คืนที่ รพ. ไหนหรือเมื่อใด รู้แค่เพียงว่าต้องใช้คืนแน่ ๆ ในวันใดวันหนึ่ง เท่านั้น

เพราะคุณหนีการเจ็บป่วยไม่พ้น ยิ่งเมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณจะยิ่งพบว่ามีโรคต่างๆ เริ่มมาวนเวียนกับคุณมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะร่างกายและจิตใจคุณได้ถดถอยลงไป ไล่ไปตั้งแต่อาการผิดปกติขั้นต้นยังไม่รุนแรง จนไปถึงระดับรุนแรงร้ายแรง อย่างเช่น

ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบ โควิด 2019

เก๊าต์ ข้อเข้าอักเสบ ไขมันในเลือดสูง ไขมันพอกตับ ไวรัสตับ ตับอักเสบ ตับแข็ง มะเร็งตับ

น้ำตาลในเลือดสูง เบาหวาน ไตอักเสบ ติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ไตเสื่อม ไตวาย จอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก ขาแขนชา แผลเน่า

ไขมันอุดตันในเส้นเลือด ความดัน หลอดเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดสมองตีบหรือแตก

กรดไหลย้อน กระเพาะอาหารอักเสบ มะเร็งทางเดินอาหาร

ประจำเดือนมาไม่ปรกติ ปัสสาวะบ่อย ถุงน้ำรังไข่ ซีสต์ เนื้องอก มะเร็งทรวงอก มะเร็งรังไข่

ซึมเศร้า ไบโพล่าร์

อาการเหล่านี้ใกล้ตัวกว่าที่คิดมาก
และพร้อมจะแย่งสิทธิ์การผ่อนค่ารักษาล่วงหน้าผ่านประกันสุขภาพไปจากคุณ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างอาการและโรคที่ใกล้ตัวคุณมาก แต่คุณอาจเห็นว่าไม่สำคัญอะไร ยังดูห่างไกล 

ทั้งที่จริงแล้วอาการขั้นเริ่มแรกเหล่านี้..

Salepage Health 15

สามารถทำให้คุณหมดสิทธิ์ที่จะผ่อนจ่ายค่ารักษาล่วงหน้า หรือทำประกันสุขภาพในบางอาการได้ในทันทีใน เพราะมันเสี่ยงสูงที่จะพัฒนาเป็นโรคหรืออาการขั้นร้ายแรงได้ในอนาคต

หรืออาจจะเลวร้ายถึงขนาดหมดสิทธิ์ในทุก ๆ โรคเลยก็เป็นได้ เพราะคุณไม่มีสุขภาพที่แข็งแรงตามเกณฑ์มาตรฐานที่เป็นสิ่งค้ำประกันการผ่อนค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้า อีกแล้ว

ส่งผลให้คุณเหลือเพียงทางเลือกเดียว คือ การรอ.. ว่าจะโดนเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลแสนแพงจนคุณต้องเป็นหนี้นั้นเมื่อไหร่ แล้วจึงค่อยมาผ่อนภายหลัง หรือรอว่า.. เงินเก็บที่คุณและครอบครัวมีนั้น จะถูกผลาญไปจนหมดเมื่อไหร่

เพียงแค่คุณลองค้นหาในอินเตอร์เน็ต หรือมองคนรอบตัวดี ๆ คุณจะตกใจว่า

โรคหรืออาการเหล่านี้มันใกล้ตัวมาก เพราะอาการขั้นต้นเหล่านี้ที่ตรวจเจอนั้น มักเจอในคนที่อายุน้อยลงไปเรื่อย ๆ จึงไม่ต้องรอให้ถึงอายุเลข 3 หรือเลข 4 อีกต่อไปแล้ว

แต่เมื่อความรู้เรื่องการเตรียมตัวรับมือกับหนี้ร้ายจากโรคภัยต่าง ๆ นั้นไม่มีสอนในโรงเรียน ทำให้คุณมองว่ามันคงเป็นเรื่องไกลตัวมากและยอมหลับหูหลับตาเก็บซ่อนความกังวลภายในใจลึก ๆ เอาไว้

โดยกว่าจะรู้ว่ามันใกล้ตัวมากแค่ไหน ก็อาจจะสายไปเสียแล้ว โดยเฉพาะอาการที่เกี่ยวข้องกับ ตับ ไต ปอด ที่มักแสดงอาการให้เห็นก็ต่อเมื่อเป็นระยะสุดท้าย หรือรุนแรงจนรักษาไม่ได้แล้ว ที่พอทำได้เพียงการรักษาเพื่อรอวันตาย เท่านั้น

เมื่อคุณหมดสิทธิ์ในการผ่อนค่ารักษาล่วงหน้า มันก็พร้อมที่จะ พรากทุกอย่างที่คุณมี ด้วยค่าใช้จ่ายที่อาจต้องขายทุกอย่างที่คุณหามาได้

สิ่งที่น่ากลัวอีกอย่างของโรคเหล่านี้คือ มักจะเริ่มจากอาการเล็กน้อย ที่ค่าใช้จ่ายในการรักษาหลักพัน และเมื่อไม่มีใครบอกให้ตระหนักถึงความน่ากลัว คุณก็จะประมาทใช้ชีวิตเหมือนเดิมหรือหนักขึ้นกว่าเดิม 

จนทำให้เปลี่ยนจากอาการเล็กน้อย ไปสู่อาการเรื้อรัง ที่ต้องทานยารักษาหลายปีต่อเนื่องกัน หรืออาจตลอดชีวิต จนเริ่มหมดค่าใช้จ่ายในการรักษาหลักพัน หลักหมื่นเพิ่มขึ้นไปทุกปี

Sad debt3

พอเป็นถึงจุดนี้ ก็มีความเสี่ยงสูงมากต่อการที่ต้องรักษาแบบผ่าตัดใหญ่ ที่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก่อนกัน ระหว่างอาการทางหัวใจ สมอง ปอด ตับ ไต ซึ่งเริ่มทำให้คุณหมดค่าใช้จ่ายหลักแสนไปจนถึงหลักล้าน และต้องเริ่มมีค่ารักษาเรื้อรัง ค่าฟื้นฟูอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย

ซ้ำร้ายที่สุดก็คือ โรคมะเร็ง จะแสดงตัวง่ายขึ้น และง่ายกว่าที่คุณคิดไว้มาก ทั้งยังเป็นโรคที่โหดร้ายที่สุด ที่พร้อมจะกลืนกินเงินเก็บของคุณแบบไม่มีวันจบ และอาจรักษาไม่หาย ซึ่งเพียงค่าตรวจก็อยู่ในหลักแสนแล้ว ยังไม่นับค่ายารักษาที่สามารถทะลุไปถึง หลักหลายล้านบาทต่อปี

หนำซ้ำมันยังพร้อมจะกลับมาเป็นซ้ำได้ภายใน 2-3 ปี หรือมะเร็งบางชนิดอาจจะใช้เวลามากกว่า 5 ปี (ให้ตายใจ) แต่ก็กลับมาเป็นซ้ำได้อีก และยาตัวเดิมก็ใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว ต้องไปใช้ยาตัวใหม่ที่แพงกว่ามาก

และที่โหดร้ายที่สุดก็คือ เมื่อไรที่คุณกับครอบครัวเริ่มเสียค่ารักษาหลายล้านขึ้นไป เมื่อนั้นร่างกายคุณอาจจะไม่กลับมาเหมือนเดิมได้อีกแล้ว และอาจทำให้คุณไม่สามารถกลับไปทำงานเดิมเพื่อหารายได้มาจ่ายค่ารักษาได้อีกต่อไป

หรือหากเลวร้ายกว่านั้น คุณกับครอบครัวอาจจะมีหนี้บัตรเครดิตก้อนหนึ่งที่ถูกใช้เพื่อจ่ายค่ารักษาไปก่อนพร้อมดอกเบี้ยที่เดินไม่หยุด จึงจำเป็นต้องหาเงินมาจ่ายหนี้ในขณะที่รายได้ลดลงหรือไม่มีอีกแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณอาจต้องขอยืมหรือกู้เงินจากคนใกล้ตัวหรือญาติพี่น้อง เพื่อจ่ายหนี้สินเหล่านี้แทน ดังนั้น

มะเร็ง จึงเป็นโรคที่คุณหมอหลายคนลงความเห็นว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เสียชีวิต ไม่ใช่เพราะว่ารักษาไม่ได้เท่านั้น แต่ด้วยเพราะว่าขาดทุนทรัพย์ ที่จะทำให้ได้เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับร่างกายและลดผลข้างเคียงให้น้อยที่สุดได้

สุดท้ายคุณอาจต้องเลือกเน้น เพียงให้ได้รักษาทางร่างกาย เป็นหลักเท่านั้น

พอเริ่มมีปัญหาด้านค่าใช้จ่าย นอกจากร่างกายคุณที่ย่ำแย่แล้ว สภาพจิตใจของทั้งคุณและครอบครัวก็จะย่ำแย่ตามไปด้วย 

ทางออกที่พอเป็นไปได้แน่นอน คือ การพึ่งสวัสดิการการรักษาจากภาครัฐ แต่คุณต้องเตรียมใจยอมรับด้วยว่าสวัสดิการแห่งรัฐนี้จะเน้นเพียง การรักษาตามขั้นตอน ที่กำหนดไว้ในบัญชียาหลักเท่านั้น

จะไม่สามารถเปลี่ยนไปสู่ขั้นตอนการรักษาที่ดีกว่าได้ หากไม่มีหลักฐานยืนยันว่าขั้นตอนการรักษาเดิมนั้นไม่ได้ผลจริง ๆ สรุปคือ

จะไม่สามารถข้ามขั้นตอนไปใช้วิธีรักษาที่ดีกว่า แพงกว่าได้ทันที ต้องให้แน่ใจก่อนว่าวิธีรักษาที่ถูกกว่านั้น จะใช้ไม่ได้ผลแน่นอนแล้วเท่านั้น

ยังไม่นับรวมว่า การรักษาด้วยสวัสดิการรัฐนี้อาจจะบั่นทอนจิตใจของคุณและครอบครัวไปอย่างไรบ้าง เนื่องจากจำนวนบุคลากรทางการแพทย์มีน้อยกว่าจำนวนคนไข้ที่เข้ามารักษา

Salepage Health 18

อีกทางเลือก คือ การเก็บเงิน สำหรับไว้เป็นค่ารักษาให้ได้มากที่สุด

Salepage Health 19

ปัญหาใหญ่ ของความกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลอีกข้อ คือ คุณไม่มีทางรู้เลยว่าจำเป็นจะต้องเตรียมเงินเป็นค่ารักษาพยาบาลไว้มากแค่ไหน.. 10 ล้าน 5 ล้าน หรือ 1 ล้าน

สมมติ เก็บเงินได้ 1 ล้านบาท แล้วถ้าปีนี้ใช้เงินกับค่ารักษาไปแล้ว 5 แสนบาท ปีต่อมาต้องหาเงินมาเก็บอีก 5 แสนบาทเพื่อให้ครบ 1 ล้านเหมือนเดิมอีกหรือไม่

ในขณะที่ค่ารักษาแพงขึ้นทุกปี แต่ร่างกายแก่ลงไปทุกปี และไม่มีแรงทำงานเหมือนเดิม

แล้วจะหาเงินจากไหนมาเติมให้เพียงพอเป็นค่ารักษาได้เท่าเดิม การหาเงินเก็บได้ขนาดนี้อาจต้องใช้เวลาพอสมควร หรืออาจใช้เวลานานหลายปี 

ระหว่างทำงานเพื่อเก็บเงิน ก็ต้องคอยกังวลว่า อย่าเจ็บ อย่าป่วยเป็นอันขาด หรือไม่ก็ต้องมีบัตรเครดิตวงเงินสูงเผื่อเอาไว้ แล้วค่อยใช้หนี้คืนบัตรภายหลัง ตอนที่ยังเก็บเงินไม่ทัน

การผ่อนค่ารักษาล่วงหน้า และได้วงเงินค่ารักษาใหม่ทุกปีผ่านประกันสุขภาพ คือ ทางออกสำคัญ

จากทั้งหมดนี้คุณจะเห็นได้ชัดเจนว่า เหตุการณ์การเจ็บป่วยนั้น ไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์มัจจุราชมาเยือน เพราะสุดท้ายแล้วก็มีให้ 2 ทางเลือกคือ

(1) ครอบครัวผ่อนจ่ายหนี้สินที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับคุณ หรือ (2) คุณทำการผ่อนจ่ายล่วงหน้าก่อนเหตุร้ายจะเกิดขึ้นและใช้สุขภาพที่แข็งแรงเป็นตัวค้ำเอาไว้

โดยจุดต่างที่สำคัญคือ การผ่อนจ่ายล่วงหน้าค่ารักษาพยาบาลนั้น วงเงินที่ออกมาใช้ได้เมื่อเกิดเจ็บป่วยจะรีเซ็ตกลับมาเต็มวงเงินใหม่ทุกครั้งที่รักษาแล้วเสร็จ หรือบางแบบก็จะเน้นรีเซ็ตทุกปี

ที่พร้อมให้วงเงินสูงถึง 5-100 ล้านบาทเพื่อการรักษาอุบัติเหตุหรือโรคภัยไข้เจ็บ โดยใช้เงินผ่อนล่วงหน้าเพียงหลักหมื่นบาทเท่านั้นในช่วงอายุที่กำลังสร้างตัว กับใช้สุขภาพที่ดีของตนเองเป็นสิ่งค้ำประกัน

เพียงเท่านี้คุณก็จะได้วงเงินค่ารักษาหลายล้านมาทันที โดยไม่ต้องรอเก็บเงินหรือกันเงินสำรองฉุกเฉินหลายล้านเอาไว้ให้อยู่เฉย ๆ รอเหตุการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรซึ่งเสียโอกาสอย่างมาก

นอกจากนี้คุณยังสามารถจินตนาการถึง ความสบายใจและความไร้กังวลต่อหนี้สินจากค่ารักษา ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ในทันที หลังจากได้ทำสัญญาการผ่อนล่วงหน้านี้ผ่านประกันสุขภาพได้สำเร็จ

..ประกันสุขภาพคืออะไร

จริง ๆ แล้ว ประกันสุขภาพ คือ การรวมกลุ่มกันเพื่อเฉลี่ยรับภัยจากค่ารักษาที่จะเกิดขึ้น เพราะไม่ใช้ทุกคนที่จะป่วยขึ้นพร้อมกันในทุก ๆ ปี

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ ประกันสุขภาพคืออะไร

ซึ่งด้วยกลไกการทำงานของประกันสุขภาพนี้เอง จึงทำให้สามารถทำการเปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่าง ไม่ทำประกันสุขภาพ กับ ทำประกันสุขภาพ ได้อย่างชัดเจนในแผนภาพด้านล่างนี้

ฝากภาระให้ครอบครัวดูแล 5

ฝากภาระให้ BLA ดูแล 4

แต่การผ่อนค่ารักษาล่วงหน้า หรือประกันสุขภาพนั้น ยิ่งอายุสูงขึ้น ยิ่งต้องผ่อนจ่ายมากขึ้น แล้วแก่ตัวลงจะทำอย่างไร

เช่นเดียวกับการผ่อนล่วงหน้าค่าภาระที่คุณทิ้งไว้เมื่อจากไป ซึ่งจะมีวิธีการคิดหาเงินต้นของการผ่อนค่ารักษาล่วงหน้านี้อยู่ โดยจะสามารถปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณและครอบครัวได้

และเนื่องจากเป็นการผ่อนระยะยาวถึงอายุ 99 ปี จึงทำให้หากคิดหาเงินต้นแล้ว เงินต้นจะน้อยกว่าเงินที่ใช้ผ่อน จนถึงอายุ 99 ปี กว่า 80-90% เลยทีเดียว

ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการวงเงินค่ารักษา 100 ล้านบาททุกปี รวมค่าผ่อนตั้งแต่อายุ 11-99 ปีจะอยู่ที่ 32 ล้านบาท แต่หากคิดเป็นเงินต้นหรือมูลค่าเงินตามเวลาในตอนอายุ 11 ปีแล้ว จะอยู่ที่ 2 ล้านบาทเท่านั้น

นอกจากนี้ หากไม่ต้องการจ่ายเงินต้นทีเดียว ก็สามารถทยอยโปะเงินเพิ่มขึ้นจากเงินที่ผ่อนได้ ซึ่งถ้าโปะให้ครบเงินต้นทั้งหมดภายในก่อนอายุ 55 ปี หรือก่อนอายุเกษียณได้ ก็จะทำให้คุณหมดความกังวลในเรื่องผ่อนค่ารักษาตอนหลังเกษียณได้ในทันที

ดังนั้น จะยิ่งดีมากถ้าสามารถโปะเงินส่วนนี้ได้หมดตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะจะทำให้คุณ หมดความกังวลในเรื่องค่ารักษาไปได้ตลอดชีวิต เหมือนได้ปลดหนี้ภาระที่ใหญ่มากออกไปอีกหนึ่งอย่าง ซึ่งส่งผลให้คุณสามารถใช้เวลามุ่งมั่นในเป้าหมายอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่

แต่รูปแบบสัญญาการผ่อนค่ารักษาล่วงหน้านั้นมีหลายแบบด้วยกัน และมีเงื่อนไขที่เป็นระเบิดเวลาอยู่ในสัญญาที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจให้เรียบร้อยก่อนทำประกันสุขภาพ จึงจำเป็นต้อง เข้าใจในเงื่อนไขสัญญาเหล่านี้ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเลือกแบบประกันสุขภาพ ดังต่อไปนี้

สิ่งที่ต้องเข้าใจก่อนเลือกประกันสุขภาพ

การวางแผนเก็บเงินและเกษียณอย่างจริงจัง เริ่มขึ้น เมื่อเข้าใจ..

วิธีใช้ธรรมชาติของเครื่องมือการเงินที่จำเป็นให้เกิดประโยชน์สูงสุด

"ตน (ในปัจจุบัน) จักเป็นที่พึ่งของตน (ในอนาคต)"

เกี่ยวกับผู้เขียน

  • Ruchira Taboonruang

    จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตการทำงานทั้งหมดของแอนนี่ในสายงาน CRM ได้พบว่า ความไม่รู้ เป็นศัตรูที่แพงอย่างมากในโลกของการเงิน ซึ่งในหลายครั้งกว่าจะรู้และเข้าใจก็อาจจะสายไปแล้ว และนี้คือสาเหตุใหญ่ที่ทางเรา จะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ โดยให้ความรู้ทางการเงินที่ดีและเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงการป้องกันไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากความไม่รู้นี้ ผ่านเว็บไซต์ Release your Risk ที่ต้องการให้ทุกคนได้ปล่อยความเสี่ยงที่ตนเองถือไว้อยู่ ผ่านเครื่องมือทางการเงินด้วยความเข้าใจ และมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

>
Scroll to Top

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ตกลงทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก