ความสำคัญของประวัติการรักษา
ประกันสุขภาพกับโรคร้ายแรง เป็นเครื่องมือการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามประกันสุขภาพกับโรคร้ายแรงจะไม่ได้ให้ความคุ้มครองในโรคหรืออาการที่เป็นมาก่อนทำประกัน หรือเคยเป็นแต่ยังไม่หายขาดได้นานพอ
โดยการพิจารณาเพื่อรับคนเข้าทำประกันนั้น บริษัทประกันจะเน้น "คัดคนที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เกินเกณฑ์ออก รวมถึงผู้ที่มีความเสี่ยงแล้วปกปิดประวัติการรักษา" ด้วยเพราะค่ารักษาที่พุ่งสูงขึ้นในทุก ๆ ปี เมื่อเทียบกับเบี้ยประกันต่อบุคคลที่น้อยกว่ามาก
ทำให้การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนยื่นสมัครทำประกันด้วย "การขอประวัติรักษาทั้งหมดในรูปแบบไฟล์ pdf โดยเฉพาะประวัติการรักษาที่เกี่ยวข้องกับสาระสำคัญในการแถลงสุขภาพ" เป็นเรื่องที่จำเป็นมาก
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดระเบิดเวลาจากการปกปิดประวัติการรักษาขึ้นในตอนเคลมประกันสุขภาพ/โรคร้ายแรง ที่ระเบิดแล้วจะทำให้ไม่สามารถเคลมประกันได้ และยังต้องถูกคัดออกด้วยการบอกล้างสัญญา หรือ ไม่ให้ต่ออายุสัญญา
ซึ่งการเตรียมตัวขอประวัติการรักษาแบบไฟล์ pdf มาครบเรียบร้อยนั้น ยังทำให้สามารถยื่นประวัติการรักษาพร้อมสมัครทำประกันได้หลายบริษัทประกัน และสามารถเลือกบริษัทประกันที่มีข้อเสนอความคุ้มครองที่ดีที่สุดได้อีกด้วย
โดยนอกจากระเบิดเวลาจากการปกปิดประวัติการรักษาแล้ว ยังมีระเบิดเวลาที่เกี่ยวข้องกับประกันสุขภาพอีกหลายอย่างดังต่อไปนี้
ทำไมทำประกันสุขภาพกับทางเรา จึงต้องขอประวัติการรักษาให้เรียบร้อย ก่อนยื่นสมัครทำประกันสุขภาพ/โรคร้ายแรง
- ถ้าได้มีการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ใช้บริการผู้ป่วยนอกบ่อยครั้ง หรือตรวจคัดกรองต่าง ๆ โอกาสได้รับข้อเสนอยกเว้นความคุ้มครอง หรือเพิ่มเบี้ยประกันในการรับทำประกันจะค่อนข้างสูง การยื่นหลายบริษัทจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อไม่ให้เหมือนโดนมัดมือชกให้เลือกได้เพียงข้อเสนอจากบริษัทเดียว
- การขอประวัติการรักษาในปัจจุบันไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นาน และอาจไม่ต้องเดินทางโดยสามารถให้จัดส่งมาที่บ้านได้ หรือ จัดส่งเป็นไฟล์ pdf เข้าอีเมลได้ (ยกเว้นบาง รพ. โดยเฉพาะ รพ.รัฐ อาจยังต้องมีการเดินทางไปขอประวัติที่เวชระเบียนของ รพ. โดยตรง)
- การมีสำเนาประวัติการรักษาอยู่กับตัว จะช่วยให้สามารถทำการตรวจสอบข้อมูลว่าเป็นตามจริงอย่างที่ฝ่ายพิจารณาแจ้งข้อเสนอยกเว้นความคุ้มครองมาหรือไม่ เพราะหลายครั้งหลังที่ผู้สมัครทำประกันได้รับข้อเสนอในการรับประกันมา จะรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม และมักต้องการตรวจสอบประวัติการรักษาตนเองอีกครั้ง
- เมื่อได้รับข้อเสนอยกเว้นความคุ้มครองหรือเพิ่มเบี้ย จะมีเวลา 15 วันในการตอบรับ หรือ ตอบปฏิเสธ ซึ่งเวลาเพียงพอที่จะลองยื่นประวัติที่มีอยู่กับตัวไปยังบริษัทประกันอื่น ๆ เพื่อสามารถเปรียบเทียบข้อเสนอได้ทันใน 15 วันนี้
- ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจกับตัวแทนหากสุดท้ายต้องปฏิเสธข้อเสนอ เพราะได้ทำการจัดเตรียมเอกสารและประวัติการรักษามาเรียบร้อยตั้งแต่แรกแล้ว โดยไม่ต้องรอให้บริษัทประกันร้องขอแล้วมอบหมายให้ตัวแทนดำเนินการให้
- หากมีประวัติการรักษาอยู่กับหลาย ๆ รพ. จำนวน 5-7 รพ. ขึ้นไป แล้วไม่ได้เตรียมประวัติการรักษามาทั้งหมดก่อนยื่นสมัครทำประกัน มีโอกาสที่จะถูกขอให้เลื่อนการรับประกันออกไปก่อนได้ ด้วยเพราะมีประวัติการรักษาอยู่ในหลาย รพ. มากเกินกว่าปกติ และเกินงบค่าประวัติการรักษาต่อ 1 ผู้สมัครได้
- ด้วยประโยชน์ต่าง ๆ เหล่านี้ รวมถึงป้องกันความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการพิจารณา ทางเราจึงจำเป็นต้องขอรบกวนให้ผู้ที่จะสมัครทำประกันสุขภาพกับทางเรา จะต้องมีประวัติการรักษาที่ครบถ้วนก่อนจะยื่นสมัครทำประกันเท่านั้น
ขอประวัติการรักษาด้วยตนเอง VS.
มอบอำนาจให้ตัวแทนประกันดำเนินการแทน
การขอประวัติด้วยตนเอง
ข้อดี
- มีโอกาสได้รับประวัติการรักษาในรูปแบบไฟล์ pdf ได้ง่าย รวมถึงหากแจ้งทาง รพ. ว่า เพื่อนำไปใช้รักษาต่อใน รพ. อื่นๆ จะมีโอกาสได้รับประวัติโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการขอประวัติได้
- ในกรณีที่ประวัติอยู่ในรูปแบบเอกสาร จะสามารถนำมาจ้างทำสแกนสี หรือสแกนสีเอง ให้ออกมาเป็นไฟล์ PDF เพื่อใช้ส่งหลายยริษัทประกันได้ง่าย
ข้อจำกัด
- การขอประวัติจะมีค่าธรรมเนียม 300 บ. ต่อชุดประวัติ โดยการขอประวัติก่อนที่บริษัทจะร้องขอ จะไม่สามารถเบิกค่าขอประวัตินี้กับทางบริษัทได้
- เว้นแต่หากตัดสินทำประกันกับทางเราโดยยอมรับในข้อเสนอที่ฝ่ายพิจารณายื่นมาจนกรมธรรม์อนุมัติเรียบร้อย ทางเราจะเบิกค่าขอประวัตินี้กับทางหน่วยต้นสังกัดให้ได้ โดยไม่เกิน 3 รพ. และ ไม่เกิน 5% ของเบี้ยประกัน
การมอบอำนาจให้ตัวแทนดำเนินการแทน
ข้อดี
- ลดระยะเวลาที่ต้องดำเนินการเอง
- ไม่ต้องสำรองค่าขอประวัติไปก่อน
ข้อจำกัด
- ต้องยื่นสมัครทำประกันพร้อมแถลงสุขภาพให้เรียบร้อยก่อน เพื่อรอให้ทางฝ่ายพิจารณาร้องขอประวัติการรักษามา ตัวแทนจึงจะสามารถดำเนินการขอประวัติแทนให้ได้
- วิธีนี้จะต้องรับในรูปแบบเอกสารเท่านั้น และ จะไม่สามารถทำสำเนาได้ โดยตัวแทนต้องส่งตรงเข้าบริษัทแบบปิดผนึก ด้วยเพราะ พรบ.ข้อมูลส่วนบุคคล
- ทำให้ผู้สมัครทำประกันไม่มีสำเนาประวัติในการยืนยันข้อเสนอยกเว้นความคุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนทำประกันที่ได้รับ
- เวลาคุยกับแพทย์เพื่อจะขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อทบทวนผลการพิจารณาจะค่อนข้างยุ่งยากเพราะไม่มีประวัติส่วนที่เป็นปัญหาอยู่มือ และสุดท้ายอาจต้องขอประวัติการรักษาด้วยตนเองใหม่อยู่ดี
วิธีการขอประวัติการรักษาด้วยตนเอง
ท่านสามารถดำเนินการขอประวัติรักษาด้วยตนเองได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ท่านอยู่ต่างจังหวัด หรือ ท่านต้องการประวัติการรักษาในรูปแบบไฟล์ pdf หรือ ท่านต้องการทำสำเนาประวัติการรักษา เพื่อใช้ในการตรวจสอบข้อเสนอยกเว้นความคุ้มครองในอาการหรือโรคหรือความเสี่ยงที่เป็นมาก่อนทำประกันที่ถูกระบุไว้ในประวัตการรักษา ตามที่ทางฝ่ายพิจารณาได้แจ้งมาได้
โดยขั้นตอนการขอประวัตินั้นไม่ยุ่งยาก โดยสามารถเลือกปฏิบัติได้ 3 วิธี คือ การติดต่อขอประวัติที่โรงพยาบาลโดยตรง การขอประวัติทางไปรษณีย์ (เฉพาะบาง รพ.) และ การขอประวัติทางอีเมล (เฉพาะบาง รพ.)
ซึ่งก่อนจะเลือกดำเนินการใน 3 วิธีนี้ ท่านจะสามารถโทรสอบถามกับทาง รพ. ก่อนได้ว่า รพ. จะสามารถให้ทำวิธีใดได้บ้าง และสามารถเลือกวิธีที่สะดวกกับท่านมากที่สุดได้ต่อไป
1. การติดต่อขอประวัติโดยเดินทางไปที่โรงพยาบาล (มักเกิดขึ้นกับ รพ.รัฐ)
- การขอประวัติโดยการ
- ขอด้วยตนเอง เตรียมบัตรประชาชนตัวจริง และสำเนาบัตรประชาชนพร้อมรับรองสำเนา
- สามี-ภรรยา-บุตรธิดา ขอให้กัน สำเนาบัตรประชาชนพร้อมรับรองสำเนาของผู้ขอและผู้ขอให้ และสำเนาทะเบียนบ้านยืนยันความสัมพันธ์ (หากอยู่คนละบ้าน อาจจำเป็นต้องใช้หนังสือมอบอำนาจแทน)
- เดินทางไปโรงพยาบาลที่มีประวัติ
- แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า มาขอสำเนาประวัติการรักษา/การเจ็บป่วย ทั้งหมด เพื่อยื่นทำประกัน
- ชำระค่าขอประวัติ 300 บาท หรือตามที่โรงพยาบาลเรียกเก็บ
- รอทางเจ้าหน้าที่แจ้งนัดหมายวันที่จะได้รับประวัติ เนื่องจากบาง รพ. การเปิดเผยประวัติจะต้องได้รับการเซ็นยินยอมจากผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย (รพ.เอกชน ใช้เวลาประมาณ 3-7 วัน ส่วน รพ.รัฐ ประมาณ 15-30 วัน)
- หากไม่ต้องการเข้ามารับประวัติด้วยตนเองอีก จะสามารถแจ้งทาง รพ. ให้จัดส่งประวัติให้ทางเราได้ เพื่อที่ทางเราจะจัดส่งเข้าบริษัทโดยตรงและมีเลขติดตามเอกสารภายในบริษัท รวมถึงให้ทาง รพ. แนบใบเสร็จค่าขอประวัติลงในซองประวัติได้ (แต่ละ รพ. จะมีรอบการส่งประวัติผ่านไปรษณีย์ที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่มักจะมีรอบการส่งสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น)
- หากมารับประวัติการรักษาเอง สามารถแจ้งทาง รพ. ให้ทำสำเนาก่อนทำการปิดผนึกซองเอกสารประวัติได้ (ต้องปิดผนึกซองเอกสารและประทับตรา รพ. ก่อนจัดส่งให้ทางตัวแทนดำเนินงานต่อหรือส่งให้ทางบริษัทโดยตรง)
ตัวอย่างใบคำร้องขอเอกสารประวัติการรักษา ( รพ.รัฐ )
หมายเหตุ : แบบฟอร์มการขอประวัติจะแตกต่างกันไปตามแต่ละโรงพยาบาล
2. การติดต่อขอประวัติทางไปรษณีย์ (เฉพาะบาง รพ.)
โทรติดต่อโรงพยาบาลที่มีประวัติก่อนว่า สามารถขอประวัติทางไปรษณีย์ได้หรือไม่? พร้อมกับสอบถามขั้นตอนดำเนินการอีกครั้ง ทั้งนี้ การขอประวัติทางไปรษณีย์ปกติ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ (พร้อมเซ็นกำกับ)
- จดหมายเรียนถึง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ 1 ฉบับ (เขียนคำพูดได้เอง) พร้อมระบุ "ที่อยู่" ให้โรงพยาบาลส่งสำเนาประวัติถึงท่าน หรือ ถึงทางตัวแทน
- เงินสดจำนวน 300 บาทใส่ในซองเอกสาร หรือตามขั้นตอนชำระค่าธรรมเนียมที่ได้สอบถามทางโทรศัพท์ (ทาง รพ.จะแนบใบเสร็จตัวจริงมาในซองเอกสารพร้อมกับสำเนาประวัติ เพื่อนำไปเบิกกับบริษัทฯ)
เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อย จ่าหน้าซองถึง ผู้อำนวยการโรงพยาบาล... (แผนกเวชระเบียน) พร้อมระบุที่อยู่ รพ. และนำไปจัดส่งไปรษณีย์ EMS หรือบริษัทขนส่งเอกชนที่สามารถติดตามเอกสารได้ และโทรติดตามเอกสารหลังวันที่ รพ. ได้รับประมาณ 1 วัน เนื่องจากเมื่อ รพ. ได้รับจดหมายแล้ว จำเป็นต้องใช้เวลาในการกระจายจดหมาย หรือ แต่ละฝ่ายเข้าไปรับจดหมายเอง
3. การติดต่อขอประวัติทาง E-mail (ส่วนใหญ่จะเป็น รพ.เอกชน)
โทรติดต่อโรงพยาบาลที่มีประวัติก่อนว่า สามารถขอประวัติทาง E-mail ได้หรือไม่? พร้อมกับสอบถาม E-mail address และ ขั้นตอนดำเนินการอีกครั้ง ทั้งนี้การขอประวัติทาง E-mail ปกติ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- แจ้งความประสงค์เรื่องการขอประวัติทาง E-mail ตามที่เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลวิธีการขอประวัติ ซึ่งอาจมีแบบฟอร์มให้ระบุ ชื่อ-นามสกุลของเจ้าของประวัติ และสิ่งที่ต้องการร้องขอ หรือ ประวัติการรักษาทั้งหมด
- แนบไฟล์สำเนาบัตรประชาชนของผู้ป่วย พร้อมลายเซ็นรับรองเพื่อขอประวัติ จากนั้นส่ง E-Mail เอกสารทั้งหมดให้ทาง รพ.
- รอทางโรงพยาบาลตรวจสอบความถูกต้องหลังจากได้รับ E-mail (บาง รพ. จะตรวจอีเมลเฉพาะวันและเวลาทำการเท่านั้น)
- จากนั้นทาง รพ. จะแจ้งวิธีการชำระค่าธรรมเนียมการขอประวัติ (บาง รพ. หากขอประวัติ จะไม่มีค่าธรรมการขอ)
- เมื่อชำระค่าธรรมเนียมขอประวัติเรียบร้อย ทาง รพ. จะส่งประวัติตามช่องทางที่แจ้งไว้ โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 7 วันทำการ
วิธีการขอประวัติการรักษาโดยมอบอำนาจให้ทางเราดำเนินการแทน (เมื่อสมัครทำประกันกับทางเรา และทางบริษัทประกันได้ร้องขอประวัติเรียบร้อย)
ท่านสามารถมอบอำนาจให้ทาง Release Your Risk เป็นผู้ดำเนินการแทนในการขอประวัติการรักษากับทางโรงพยาบาลได้ ภายหลังจากที่ยื่นขอทำประกัน และทางฝ่ายพิจารณามีจดหมายร้องขอประวัติการรักษาเพิ่มเติม โดยจะมีเอกสารที่ต้องใช้ในการมอบอำนาจดังต่อไปนี้
- หนังสือมอบอำนาจ (Download) 1 ฉบับต่อ 1 รพ. (เซ็นมอบอำนาจ)
- หนังสือยินยอมให้เปิดเผยประวัติการรักษา (Download) 1 ฉบับต่อ 1 รพ. (เซ็นเปิดเผย)
- สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ พร้อมเซ็นกำกับ 1 ฉบับต่อ 1 รพ. (สำหรับขอประวัติการรักษาเท่านั้น)
- หากเป็น รพ.รัฐ อาจต้องมีอากรแสตมป์จำนวน 10 บาทต่อ 1 รพ. แนบมา (ทางตัวแทนจะจัดหามาภายหลัง)
เมื่อท่านพิมพ์หนังสือมอบอำนาจ และ หนังสือยิมยอมให้เปิดเผยประวัติการรักษา พร้อมกรอกรายละเอียดเรียบร้อย รบกวนท่านส่งเอกสารทั้งหมดมาให้ทางเราตามที่อยู่ดังต่อไปนี้
ส่งถึง
รุจิรา ต๊ะบุญเรือง
ตัวแทนกรุงเทพประกันชีวิต
389/281 ซ.สวนพลู8 ถ.สาทร แขวงทุ่งมหาเมฆ
เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120
หลังจากที่ทางเราได้รับเอกสารเรียบร้อย ทางเราจะดำเนินการขอประวัติให้กับท่านในทันที โดยหากเป็น รพ. ภายนอก กรุงเทพ ทางเราจะพยายามใช้ไปรษณีย์เป็นหลัก แต่หากเป็น รพ.รัฐ ที่บังคับให้ต้องเดินทางไปขอที่ รพ. และ ผู้ขอทำประกันอยู่ในจังหวัดเดียวกัน ทางเราอาจต้องรบกวนให้ผู้ขอทำประกันช่วยดำเนินการขอประวัติแทนต่อไป
การวางแผนเก็บเงินและเกษียณอย่างจริงจัง เริ่มขึ้น เมื่อเข้าใจ..
วิธีใช้ธรรมชาติของเครื่องมือการเงินที่จำเป็นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
"ตน (ในปัจจุบัน) จักเป็นที่พึ่งของตน (ในอนาคต)"