ประกันสุขภาพที่ไหนดี สำหรับลดหย่อนภาษี 2568

หากดำเนินการ ออมเงิน และ กำหนดหน้าที่ของเงินออม ให้เป็นดังต่อไปนี้ 

  • เงินค่ารักษาโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องได้การรักษาที่ดีและโดยเร็วที่สุด
  • เงินค่ารักษาที่ไม่สามารถทราบจำนวนเงินที่ควรมีล่วงหน้าได้
  • เงินเพื่อป้องกันการล้มละลายจากค่ารักษาของ รพ. ที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกปี
  • เงินที่ช่วยให้ตอนเกษียณอีกหลาย 10 ปีข้างหน้าไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา
  • เงินที่ช่วยให้ทราบว่าควรจะออมแต่ละปีเท่าใด จึงจะเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายด้านค่ารักษา โดยเฉพาะตอนเกษียณ

ถ้าหน้าที่ของเงินออม คือ ดังที่กล่าวมา จะทำให้เครื่องมือการออมที่เหมาะสมที่สุด ที่จะทำหน้าที่นี้คือ..

ประกันสุขภาพ


เลือกหัวข้อที่สนใจ


หมายเหตุ : การอ่านบทความนี้อย่างครบถ้วนรวมถึงบทความย่อยที่เกี่ยวข้องนั้น

  • จะช่วยให้ ท่านรักษาผลประโยชน์ของท่านเอง และได้ประกันสุขภาพที่ "ปราศจากระเบิดเวลา" ได้จริง ๆ
  • เพราะ "ประกันสุขภาพ" เป็นประกันที่มีเงื่อนไขข้อตกลงที่ต้องทำความเข้าใจมากที่สุดในทุกรูปแบบประกัน ทั้งก่อนทำประกัน ระหว่างทำประกัน และหลังทำประกัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหน้าที่ของตัวแทนที่ต้องอธิบายข้อมูลทั้งหมดนี้ 
  • จึงเป็นสาเหตุให้ทางเราได้เขียนบทความนี้ขึ้นมา เพื่ออธิบายทุกอย่างที่จำเป็นต้องเข้าใจก่อนสมัครทำประกันสุขภาพ โดยที่ยังไม่ต้องนัดพูดคุย แล้วถูกอัดข้อมูลจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้นที่แทบไม่มีเวลาให้ได้ย่อยข้อมูล จนเหมือนเป็นขบวนการสร้างความเชื่อใจกันมากกว่าการสร้างความเข้าใจ
  • บทความนี้จึงได้กลายเป็นข้อกำหนดว่า เมื่อต้องการสมัครทำประกันสุขภาพกับทาง Release your Risk จะจำเป็นต้องอ่านบทความนี้ให้เรียบร้อยก่อนเสมอ ด้วยเพราะทางเราไม่ต้องการให้ท่านสมัครทำประกันสุขภาพกับทางเราด้วยเพียงความเชื่อใจ แต่ต้องการให้สมัครด้วยความเข้าใจและถูกใจในเงื่อนไขความคุ้มครองของแบบประกันสุขภาพจริง ๆ 
  • ถ้าอ่านไม่ไหว ข้อมูลเยอะมาก อยากทำประกันสุขภาพง่าย ๆ ได้หรือไม่ ?  ประกันสุขภาพเป็นสัญญาระยะยาวตลอดชีพ หรืออย่างน้อยระดับ 20 ปีขึ้นไป ที่มีมูลค่าตลอดสัญญาหลักล้านจนถึงหลักสิบล้านบาท และ ทางเราเองต้องการอยู่ในอาชีพนี้ไปตลอดชีวิต หรือก็คือ ทางเราต้องการทำธุรกิจระยะยาว จึงเลือกที่จะ ลงทุนลงแรง เขียนบทความจำนวนมากในการให้ข้อมูลของสัญญาอย่างครบถ้วนที่สุด เพื่อที่จะได้ผู้ทำสัญญาที่เห็นความสำคัญของการทำสัญญาระยะยาว ที่พร้อมทำความเข้าใจ และตกลงยอมรับเงื่อนไขของสัญญาได้จริง ๆ มากกว่าที่จะเน้นขายง่าย โดยไม่บอกบางอย่าง แล้วนำพาปัญหามากมายเข้ามาในการทำธุรกิจระยะยาวนี้
  • อย่างไรก็ตามตัวแทนประกันในรูปแบบเรา อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกท่าน เพราะทางเรามีความเชื่อจากประสบการณ์ว่า โลกของการเงินนั้นน่ากลัวอย่างมาก ไม่ควรประมาท ไม่ควรเชื่อชื่อเสียง หรือ เชื่อใจใคร ยกเว้นได้ยอมให้เวลาเพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่กำลังจะใช้งานด้วยตนเองแล้วจริง ๆ (ซึ่งอาจใช้เวลาเพียงหลักชั่วโมงเท่านั้น เมื่อเทียบกับสัญญาที่ยาวนานระดับหลักสิบปี)

ทำไมการทำประกันสุขภาพ จึงเป็นการออม ที่สำคัญ และจำเป็นในการวางแผนเกษียณ

คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าการทำประกันสุขภาพนั้น ไม่ใช่การออมแต่เป็นลักษณะจ่ายเบี้ยทิ้ง ที่มีโอกาสขาดทุน หากไม่ได้ป่วย..เพราะมองแต่ในปัจจุบันตอนก่อนอายุ 60 ปีที่มักไม่ค่อยได้ใช้ประกันสุขภาพ แต่ลืมมองไปว่าในตอนเกษียณอีก 10-30 ปี ข้างหน้า ค่าผ่าตัดตอนนั้นอาจเริ่มต้นที่ 1,000,000 บ.  ไม่ใช่ที่ 100,000 บ. อย่างในปัจจุบัน และค่าผ่าตัดเพียงครั้งเดียวจะสามารถมากกว่าเบี้ยประกันทั้งหมดที่จ่ายไปอย่างแน่นอน

ซึ่งยืนยันด้วยความจริงที่ว่า เกือบทุกบริษัทประกันได้ขาดทุนกับประกันสุขภาพสูงอย่างมาก โดยเฉพาะกับแบบประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่ครอบคลุมไปถึงตอนเกษียณหรือในอนาคตได้

จึงทำให้แบบประกันสุขภาพลักษณะนี้ในปัจจุบัน จะมีความเข้มงวดในการรับทำประกันที่สูงอย่างมาก เพื่อลดความเสี่ยงของการขาดทุนนี้ลง ทำให้การรีบทำประกันสุขภาพตั้งแต่ยังไม่มีประวัติการรักษาหรือผลตรวจสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็น

เพื่อที่ในตอนเกษียณจะได้รับความคุ้มครองครบถ้วนทุกอย่างไม่มีการยกเว้นความคุ้มครองใด ๆ จากประวัติการรักษาที่เป็นมาก่อนทำประกัน รวมถึงควรวางแผนการเงินสำหรับเบี้ยประกันสุขภาพตอนเกษียณไว้ให้เรียบร้อยด้วย ซึ่งจะช่วยให้คงสิทธิการใช้งานประกันสุขภาพที่ทำมานานนี้อยู่ต่อไปได้จนถึงเวลาที่ต้องมีค่ารักษาหลักหลายล้านในอีก 10-30 ปีข้างหน้าได้

ดังนั้นถึงแม้บริษัทประกันจะเข้มงวดมากขึ้น แต่ก็จำเป็นต้องยอมรับเงื่อนไข เพราะการออมสำหรับจุดประสงค์ให้เป็นค่าใช้จ่ายทางด้าน เกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้น เป็นการออมที่สามารถใช้เงินผู้อื่นมาช่วยจ่ายได้ผ่านทางเครื่องมือการเงินต่าง ๆ ได้ (เป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมจ่ายเบี้ยน้อยกว่าค่ารักษาเสมอ แต่บริษัทยังอยู่ได้ เพราะบริษัททำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรวมเฉลี่ยความเสี่ยงร่วมกันของคนจำนวนมากเท่านั้น)

ทั้งนี้การเกิด แก่ และ ตาย ยังพอที่จะใช้เครื่องมือการเงินที่คาดการณ์ค่าใช้จ่ายได้ จะมีก็แต่เพียงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการ "เจ็บป่วย" เท่านั้น ที่คาดการณ์ได้ยากว่าจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับค่าใช้จ่ายจากการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง

เพราะฉะนั้นการที่สามารถเข้าถึงเงินผู้อื่น เพื่อมาช่วยจ่ายค่ารักษาโรคร้ายแรงเหล่านี้ได้ผ่านเครื่องมือประกันสุขภาพ จึงเป็นแนวทางที่ปลอดภัยและสมเหตุสมผลมากที่สุดในปัจจุบัน

ซึ่งจะดีกว่าการเก็บเงินเอง หรือ การไปกู้เงินมาจ่ายหนี้ค่ารักษาอย่างแน่นอน ดังบทความที่จะฉายให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า ทำไมถึงควรต้องรีบออมล่วงหน้าให้กับหนี้ค่ารักษาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนี้ และเข้าใจถึงความสำคัญของประกันสุขภาพนี้ 

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันผู้ที่สนใจทำประกันสุขภาพนั้น จะไม่ใช่เพราะเข้าใจเรื่องหนี้ของค่ารักษา แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นเพราะมีประสบการณ์การเข้า รพ. จากคนในครอบครัว ทำให้ได้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนของการบริการระหว่าง

  • การใช้สิทธิสวัสดิการภาครัฐต่าง ๆ (สิทธิบัตรทอง ประกันสังคม ข้าราชการ) ใน รพ.รัฐ กับ
  • การออกค่ารักษาเองใน รพ.เอกชน หรือ ใช้สิทธิประกันกลุ่มของบริษัท หรือ ใช้ประกันสุขภาพส่วนบุคคล

แน่นอนว่าการบริการ รพ.เอกชน ย่อมดีกว่า รพ.รัฐ แต่ก็แลกมาด้วย ค่าใช้จ่ายที่มีราคาสูงอย่างมาก และเพิ่มขึ้นทุกปีของ รพ.เอกชน (OPDผู้ป่วยนอก-หลักหมื่น, IPDผู้ป่วยใน-หลักแสน, IPD+OPD โรคร้าย-หลักล้าน)

ซึ่งก็ต้องจำใจยอมจ่ายเสมือนยอมถูกปล้น เพราะด้วยการดูแลและบริการทั้งด้านจิตใจและร่างกาย รวมถึงความรวดเร็วในการรักษา รอคิวไม่นาน ของ รพ.เอกชน เมื่อเทียบกับ รพ.รัฐ (โดยเฉพาะ รพ.รัฐ ในเวลาราชการที่คนใช้บริการอย่างแออัด)

จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่หากมีกำลังพอและสามารถเลือกได้ คนส่วนใหญ่ย่อมที่จะเลือก รพ.เอกชน ในการรักษาตนเองหรือคนในครอบครัวมากกว่าเสมอ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ ผู้ที่เห็นความสำคัญของประกันสุขภาพ มักจะเป็นผู้ที่

ต้องการรักษาการรักษาที่มากกว่าทางร่างกายใน รพ.เอกชน โดยเฉพาะตอนเกษียณ

ต้องการรับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็วที่สุด (ไม่อยากรอคิวนานกว่า 6-8 เดือน โดยที่เมื่อถึงคิวแล้วยังต้องมาตั้งแต่ ตี4-ตี5 ในวันธรรมดา เพื่อให้ได้ตรวจในช่วงบ่าย)

ต้องการรักษาโรคต่าง ๆ โดยที่ลดความกังวลเรื่องค่ารักษาให้ได้มากที่สุด

ต้องการเลือกวิธีการรักษาที่ดีที่สุดที่ได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยในแพทยสภาได้

ต้องการให้ค่ารักษาแต่ละครั้งอยู่ในงบประมาณที่ควบคุมได้ ทั้งของตนเองและสมาชิกในครอบครัว

ต้องการใช้ลดหย่อนภาษี 25,000 บ. (รวมในสิทธิลดหย่อน 100,000 บ. ของประกันชีวิต)

กว่าที่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจถึงความสำคัญของประกันสุขภาพ บางครั้งก็อาจจะสายไปเสียแล้ว ด้วยการที่มีประวัติการรักษาหรือผลตรวจสุขภาพ ที่ส่งผลให้

  • บริษัทไม่สามารถรับทำประกันสุขภาพได้ หรือ
  • หากรับทำได้จะเป็นแบบประกันสุขภาพที่ลดความคุ้มครองลงมาในอีกระดับหนึ่ง หรือ
  • ต้องรับทำประกันแบบยกเว้นความคุ้มครองบางอาการบางอวัยวะที่เป็นมาก่อน และ/หรือ
  • อาจต้องเพิ่มเบี้ยรับความเสี่ยงขึ้นจากเบี้ยปกติ

นอกจากสายไปเพราะมีประวัติการรักษาผลตรวจสุขภาพที่ส่งผลต่อการสมัครทำประกันสุขภาพแล้ว จะยังมีอีกเหตุผลสำคัญที่หากไม่รีบทำก็จะสายไปอีกเช่นกัน คือ..

แบบประกันสุขภาพที่ดีกำลังทยอยปิดตัว

มีเงินใช้ตอนเกษียณ release your risk

เนื่องจากในปัจจุบันเป็นยุค ประกันสุขภาพเหมาจ่าย และ การเติบโต(อย่างต่อเนื่อง) ของ รพ.เอกชน ที่เสมือนเป็นตัวเร่งให้ ค่ารักษาพยาบาลสูงเพิ่มมากขึ้นทุกปี

เช่น ค่าผ่าตัดไส้ติ่งที่เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน รพ.เอกชน จะอยู่ที่ประมาณ 60,000 บ. แต่ในปัจจุบันได้ไต่ระดับขึ้นมาสูงถึง 200,000 บ. ด้วยวิธีการผ่าตัดส่องกล้อง เป็นต้น (รวมไปถึงค่ารักษามะเร็งด้วยยาและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ค่ารักษาพุ่งไปถึงระดับ 10 ล้านบาทได้ไม่ยาก)

การทำประกันสุขภาพในยุคนี้ จะต้องรีบค้นหาแบบประกันสุขภาพที่ดี และรีบทำให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เพียงเพราะต้องเร็วให้ทันก่อนเผลอไปตรวจสุขภาพแล้วเจอโรคบางอย่างก่อน จึงทำให้ถูกยกเว้นความคุ้มครองในโรคนั้น ๆ เท่านั้น 

แต่เป็นเพราะต้องเร็วให้ทัน ก่อนที่แผนประกันสุขภาพจะโดนปิดหรือถูกปรับเพิ่มเบี้ยขึ้น ด้วย

ดังนั้นหากสามารถทำประกันสุขภาพได้เร็วพอ ก็จะมีโอกาสทันแผนประกันสุขภาพที่ประหยัดคุ้มที่สุดได้ แต่ถ้าหากไม่ทันก็จำเป็นต้องยอมรับแผนใหม่ที่มีเบี้ยประกันที่ปรับตัวสูงขึ้นไปแล้วแทน

เพราะ รพ.เอกชน เองก็อาจมีการทำยอดจากผู้ทำประกันสุขภาพด้วย จึงทำให้ปัจจุบันบริษัทประกันฯ ต้องเริ่มมีมาตรการป้องกันและขอความร่วมมือกับทาง รพ.เอกชน ในรูปแบบของ การไม่อนุมัติให้เคลมการแอดมิต หากผู้ทำประกันป่วยเพียง Simple Disease ที่ไม่เข้าเงื่อนไขที่กำหนดโดย คปภ. หรือ มีการเพิ่มส่วนร่วมจ่าย Copayment หรือ เพิ่มรับผิดส่วนแรก Deductible เข้ามา

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่สามารถต้านทานค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นได้ จึงทำให้หลายบริษัทประกันจำเป็นต้องปิดรับผู้ทำประกันใหม่ในบางแผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายลง และเปิดแผนใหม่ที่เบี้ยปรับสูงขึ้นมากมาแทน เพื่อลดความเสี่ยงของการขาดทุนของบริษัทลงได้บ้างในกลุ่มผู้ทำประกันใหม่

หรือบางบริษัทจะมีการออกข้อกำหนดมาชัดเจนว่า หมวดความคุ้มครองใดจะต้องสำรองจ่ายในทุกกรณี เช่น หมวดที่เกี่ยวข้องกับ OPD ต่าง ๆ เพื่อที่ทำให้ผู้ทำประกันได้ช่วยเตือนให้ รพ. อย่าคิดราคาแรงมาก เพราะตนเองไม่สามารถสำรองจ่ายที่สูงมากได้

(ปัจจุบันจึงกลายเป็นหนึ่งในคำถามสำคัญในการเลือกแบบประกันสุขภาพว่า หมวดความคุ้มครองใดบ้างที่บริษัทให้สำรองจ่ายเท่านั้น นอกจากการเปรียบเทียบเพียงหมวดความคุ้มครอง)

และด้วยค่ารักษาพยาบาลที่แพงสูงมากขึ้นนี้ จึงทำให้ประกันสุขภาพกลายเป็นเครื่องมือการออมที่สำคัญ ที่จะช่วยแบกค่าใช้จ่ายของวิธีการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เจออย่างแน่นอนต่อไปนี้ได้ (ซึ่งล้วนมีค่าใช้จ่ายเข้าสู่หลักแสนได้ไม่ยากในปัจจุบัน และยังไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะสูงขึ้นอีกเพียงใด)

การฉายภาพขั้นสูง MRI /CT Scan

การผ่าตัด

การส่องกล้อง

การรักษาด้วยเทคโนโลยีใหม่

ยังไม่นับรวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่พร้อมบานปลายอย่าง ค่าตรวจวินิจฉัยก่อนผ่าตัดหรือรักษามะเร็ง ค่าห้อง ค่าฟื้นฟูหลังการผ่าตัด ค่าตรวจวินิจฉัยรักษาติดตามอาการ ค่ายามะเร็งผู้ป่วยนอกรักษา 3-5 ปีหรือตลอดชีวิต ค่าตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยนอกติดตามมะเร็ง ซึ่งอย่างไรแล้วมีราคาเกินเบี้ยประกันสุขภาพที่ออมไปหลายปีแล้วอย่างแน่นอน

โดยค่าตรวจรักษาที่ไม่ทราบวงเงินที่ชัดเจนและพร้อมบานปลายเหล่านี้นี่เอง ได้กลายเป็นผลประโยชน์ที่ทรงพลังที่สุดของการออมผ่านเครื่องมืออย่างประกันสุขภาพ ที่อย่างน้อยทำให้คาดการณ์ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ผ่านทางเบี้ยประกัน

อย่างไรก็ตามประกันสุขภาพจะบังคับให้ออมผ่านเบี้ยประกันทุกปี และให้ออมมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น

ไฟสำรองทางการเงิน release your risk

จึงกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่มากที่ควรมีการวางแผนเกษียณส่วนเบี้ยประกันสุขภาพนี้ด้วย

โดยหากมีการวางแผนการเงินเพื่อดูแลเบี้ยประกันสุขภาพหลังเกษียณอายุ 60-99 ที่ดีพอ ก็จะสามารถลดค่าเบี้ยประกันสุขภาพช่วงเกษียณทั้งหมดหลัก 10 ล้านบาท ให้เหลือประมาณ 2-3 ล้านบาท (เมื่อเริ่มวางแผนที่อายุประมาณ 30-35 ปี)

ซึ่งมูลค่าเงิน 2-3 ล้านบาท ในอีกประมาณ 20-30 ปีข้างหน้า อาจจะเป็นเพียงค่าผ่าตัดครั้งใดครั้งหนึ่งเท่านั้นก็เป็นได้

การออมผ่านประกันสุขภาพจึงเป็นสิ่งที่หากมีโอกาสและสุขภาพยังทำได้แล้ว ไม่ควรหลีกเลี่ยงที่จะออม เพราะผลตอบแทนที่ได้จากการรักษาใน รพ. เอกชน โดยเฉพาะในแง่ของสภาพจิตใจยามป่วยไข้นั้นสูงมาก

แต่..ประกันสุขภาพเสมือนเป็น "ระเบิดเวลา"

คุณสมบัติการทำประกันชีวิต 3 release your risl

แม้ประกันสุขภาพจะจำเป็นอย่างมากต่อแผนเกษียณ แต่ประกันสุขภาพเป็นแบบประกันที่ทางเราไม่กล้าที่จะยิงโฆษณา หรือทำการตลาดแบบที่เน้นการขายเลย ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีความนิยมในประกันสุขภาพสูงขึ้นอย่างมาก และตัวแทนประกันจำนวนมากเน้นขายประกันสุขภาพเป็นพิเศษ

แต่ยิ่งทางเรามีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับระเบิดเวลาของประกันสุขภาพมากเท่าไร จะยิ่งต้องหลีกเลี่ยงผู้อยากสมัครทำประกันสุขภาพที่ไม่ทำความเข้าใจในอันตรายของระเบิดเวลาลูกนี้เลยมากเท่านั้น 

โดยเฉพาะหากอยากทำประกันสุขภาพเพียงเพราะ คนในครอบครัวแนะนำ เพื่อนพี่น้องแนะนำ หรือคนรู้จักแนะนำ แล้วสมัครทำตามแบบที่ยังไม่อ่านทำความเข้าใจในเงื่อนไขใด ๆ โดยเชื่อมั่นว่า ตัวแทนประกันจะสามารถแก้ไขได้ในทุกเรื่อง

ซึ่งเป็นการสมัครทำประกันสุขภาพที่อันตรายที่สุด เพราะพร้อมที่จะระเบิดความขัดแย้งออกมาได้ทุกเมื่อ เมื่อเกิดการเคลมประกันขึ้น

ดังนั้นหากท่านกำลังมองหาประกันสุขภาพ ไม่ว่าอย่างไรก่อนที่จะเลือกแบบประกันสุขภาพใด ๆ ไม่ว่าทางเราจะเป็นตัวแทนของท่านหรือไม่

เราขอเพียงอย่างเดียว คือ อยากให้ท่านตั้งใจอ่านทุกอย่างด้านล่างนี้ ทำความเข้าใจในสิ่งที่ท่านกำลังต้องการทำสัญญาซึ่งเป็นสัญญาระยะยาวตลอดชีพมูลค่ารวมหลักล้านถึงหลักสิบล้านบาท เพราะนั่นคือหนทางเดียวที่ท่านจะสามารถถอดสลักระเบิดเวลาของประกันสุขภาพออกไปได้

สิ่งที่ควรเข้าใจก่อนทำประกันสุขภาพ เพื่อไม่ให้ถูก "ระเบิดเวลา 10 ลูก" เล่นงาน

การแนะนำ/การขาย ประกันสุขภาพอย่างถูกต้องและไม่ให้เกิดระเบิดเวลาจากความไม่รู้ไม่เข้าใจในเงื่อนไขของสัญญานั้น จำเป็นจะต้องอธิบายอย่างน้อย 10 ประเด็นสำคัญด้านล่างนี้ให้เข้าใจก่อน ไม่ใช่เพียงการแสดงรายละเอียดของแบบประกันสุขภาพโดยเน้นที่ค่าห้องกับเบี้ยประกันเท่านั้น

เพราะถ้าอธิบายเพียงเท่านั้น การขายประกันสุขภาพก็จะไม่จำเป็นต้องมีตัวแทนช่วยอธิบายหรือทำสื่อชี้แจ้งข้อควรระวังกับเงื่อนไขของสัญญาใด ๆ เลย

แต่ประกันสุขภาพไม่ได้ง่ายอย่างนั้น โดยเป็นหนึ่งในเครื่องมือการเงินที่ควรต้อง ห้ามซื้อ ห้ามสมัครใช้งาน หากยังไม่เข้าใจสัญญา ถ้าไม่อยากได้ระเบิดเวลาที่พร้อมระเบิดทันทีตอนที่จะใช้งาน ซึ่งระเบิดเวลาจะแบ่งออกเป็น 10 ลูกดังต่อไปนี้

ระเบิดเวลาลูกที่ 1 : ประกันสุขภาพ เป็นหนึ่งในสัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองให้กับสัญญาหลักประกันชีวิต

สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจ คือ หากสมัครทำประกันสุขภาพกับ "บริษัทประกันชีวิต" นั้น จะต้องเลือกสัญญาหลักที่เป็นประกันชีวิตเพื่อใช้กำหนดอายุของสัญญาขึ้นมาก่อน จากนั้นจึงค่อยเลือกสัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองให้กับประกันชีวิตที่จะนำมาแนบกับสัญญาหลักประกันชีวิตนี้

โดยประกันสุขภาพเองจะถือเป็นหนึ่งในรูปแบบของสัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองนี้ ที่เน้นเพิ่มความคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาที่ตรงตามเงื่อนไขของแบบประกันเท่านั้น ทั้งนี้เบี้ยประกันสุขภาพจะปรับเพิ่มตามอายุซึ่งสามารถต่ออายุได้ทุกปีแต่ไม่เกินอายุของสัญญาหลักประกันชีวิต (ทำให้ต้องเลือกประกันชีวิตที่คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี มาให้ประกันสุขภาพแนบเสมอ ไม่ใช่เลือกประกันสะสมทรัพย์ที่มีอายุกรมธรรม์ 10-25 ปี)

ซึ่งสัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองอื่น ๆ ก็จะมีลักษณะแบบเดียวกันขึ้นอยู่กับว่าจะเน้นเพิ่มความคุ้มครองด้านใด เพราะประกันสุขภาพเองไม่สามารถคุ้มครองได้ทุกอย่าง ซึ่งตารางด้านล่างจะได้เรียงลำดับตามความสำคัญของสัญญาเพิ่มเติมที่ควรทำความเข้าใจในด้านการรักษาไว้เรียบร้อยแล้ว ดังต่อไปนี้

สัญญาหลักประกันชีวิต

กำหนดอายุสัญญาหรืออายุกรมธรรม์ อยู่สัญญาเดียว ๆ ได้ โดยมีเบี้ยประกันคงที่ตามอายุที่เริ่มทำประกัน

สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครอง

อยู่สัญญาแยกเดียว ๆ ไม่ได้ ต้องแนบกับสัญญาหลัก โดยต่ออายุ ปีต่อปี ไม่เกินอายุของสัญญาหลัก เบี้ยประกันมีทั้งคงที่และเพิ่มตามอายุ

ทำหน้าที่กลั่นกรองความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อันตรายถึงชีวิตออก และเพื่อใช้ทดแทนรายได้หรือภาระที่ทิ้งไว้ให้คนข้างหลัง โดยแบ่งออกเป็น

  • ประกันชีวิตชั่วระยะเวลา อายุสัญญา 10-20 ปี
  • ประกันชีวิตตลอดชีพ อายุสัญญา ผู้ทำประกันถึงอายุครบ 99 ปี
  • ประกันมรดก ทุนชีวิตขั้นต่ำ 5 ล้าน อายุสัญญา ผู้ทำประกันถึงอายุครบ 99 ปี อัตราเบี้ยจะน้อยกว่าประกันชีวิตตลอดชีพทั่วไป
  • ประกันชีวิตควบการลงทุน อายุสัญญา เน้นผู้ทำประกันถึงอายุ 60 ปี หรือ ก่อนเกษียณ
  • ประกันบำนาญ อายุสัญญา ผู้ทำประกันถึงอายุครบ 99 ปี
  • ประกันสะสมทรัพย์ อายุสัญญา 10-25 ปี

ทำหน้าที่กลั่นกรองความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ที่สามารถประเมินค่าความเสี่ยงและเฉลี่ยความเสี่ยงกับผู้คนจำนวนมากได้ โดยแบ่งออกเป็น

  • ประกันสุขภาพ เบี้ยเพิ่มตามอายุ ต่ออายุถึงอายุ 99 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก คุ้มครองเฉพาะค่ารักษาตามเงื่อนไข
  • ประกันค่ารักษาอุบัติเหตุ OPD เบี้ยคงที่ ต่ออายุได้ถึงอายุ 65 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก
  • ประกันโรคร้ายแรงเบี้ยเพิ่มตามอายุ ทดแทนรายได้ที่ขาดหายไป หากเป็นหนึ่งในโรคร้ายแรงจำนวนมาก ต่ออายุได้ถึงอายุ 80 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก
  • ประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่ โรคร้ายแรงที่เสี่ยงเป็นสูง ต่ออายุได้ถึงอายุ 99 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก
  • ประกันชดเชยนอน รพ. เบี้ยเพิ่มตามอายุ ต่ออายุถึงอายุ 65 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก
  • ประกันค่ารักษาผู้ป่วยนอกทั่วไป OPD เบี้ยเพิ่มตามอายุ ต่ออายุถึงอายุ 99 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก
  • ประกันชีวิตเฉพาะกาล เบี้ยคงที่ อายุสัญญา 10-18 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก ทุนประกันไม่เกิน 10 เท่าของทุนประกันสัญญาหลัก
  • ประกันทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร เบี้ยเพิ่มตามอายุ ต่ออายุถึงอายุ 75 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก ทุนประกันไม่เกิน 10 เท่าของทุนประกันสัญญาหลัก
  • ประกันอุบัติเหตุชีวิตและทุพพลภาพถาวร เบี้ยคงที่ ต่ออายุถึงอายุ 65 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก ทุนประกันไม่เกิน 10 เท่าของทุนประกันสัญญาหลัก
  • ประกันอุบัติเหตุชีวิตและทุพพลภาพชั่วคราว/ถาวร เบี้ยคงที่ ต่ออายุถึงอายุ 65 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก ทุนประกันไม่เกิน 10 เท่าของทุนประกันสัญญาหลัก

จากเงื่อนไขที่ต้องมีสัญญาหลักและสัญญาเพิ่มเติมนี้เอง ทำให้ผู้ที่สนใจเฉพาะประกันสุขภาพ และยังไม่ได้คำนึงถึงความคุ้มครองที่จำเป็นต้องโอนความเสี่ยงอื่น ๆ จึงมักจะเลือกประกันชีวิตให้มีทุนประกันต่ำที่สุดเสมอ (แม้จะยังไม่มีประกันชีวิตเลยก็ตาม) เพียงเพื่อให้มาเป็นสัญญาหลักให้เฉพาะประกันสุขภาพแนบเท่านั้น

ด้วยเพราะกลัวถูกตัวแทนหลอกหรืออัพเซลขายทุนชีวิตสูง หรือ ขายสัญญาเพิ่มเติมอื่น ๆ เพิ่ม ซึ่งจริง ๆ แล้ว ในแง่มุมของการโอนความเสี่ยงนั้น ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกอัพเซล มีแต่จะต้องกังวลว่าจะเลือกโอนความเสี่ยงอะไร และอะไรที่จะสามารถเก็บความเสี่ยงเพื่อรับไว้เองได้ไหว

ดังนั้นหากขยายการทำความเข้าใจเพิ่มมาที่ประกันชีวิตและประกันสัญญาเพิ่มเติมอื่น ๆ ด้วย ก็อาจจะสามารถช่วยลดค่ารักษาหรือค่าชดเชยบางอย่างที่ประกันสุขภาพไม่สามารถครอบคลุมให้ได้ก็เป็นได้

**หมายเหตุ :

  • ระวัง!! ประกันชีวิตทุนต่ำสุด 50,000 บ. แต่ต้องจ่ายเบี้ยถึงอายุ 99 ปี แม้เบี้ยปีแรกจะน้อยกว่า แต่สามารถมีเบี้ยประกันรวมทั้งสัญญาที่สูงกว่า ประกันชีวิตทุน 100,000 บ. ที่จ่ายเบี้ย 20 ปีได้ (ปัจจุบันค่าจัดงานฌาปนกิจรวมทุกกระบวนการจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่หลักแสนบาทขึ้นไป)
  • สัญญาเพิ่มเติมที่ทุนประกันต้องขึ้นอยู่กับทุนประกันชีวิตสัญญาหลัก สามารถแยกทำออกมาอีก 1 กรมธรรม์ได้ เพื่อเน้นความคุ้มครองให้สูง โดยเกี่ยวช้องกับชีวิตและทุพพลภาพในช่วงวัยทำงานก่อนเกษียณเป็นหลักเท่านั้น ทำให้เบี้ยประกันประหยัดลงได้มากกว่าการคุ้มครองตลอดชีพอย่างมาก
  • ค่ารักษาอุบัติเหตุผู้ป่วยนอก เพียงบาดเจ็บเล็กน้อยค่ารักษาผู้ป่วยนอก รพ.เอกชน ทั่วไปก็เกือบหมื่นได้ไม่ยาก ไม่นับรวมที่เกี่ยวข้องกับกระดูกร้าวหรือหัก หรือการบาดเจ็บที่ต้องล้างแผล Follow up มากกว่า 1 เดือนขึ้นไป ซึ่งประกันสุขภาพส่วนใหญ่ไม่สามารถคุ้มครอง OPD ที่ค่าใช้จ่ายสูงและ Follow up นานแบบนี้ได้
  • ค่าชดเชยรายได้เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ระหว่างการรักษา หรือ ต้องเปลี่ยนงาน หรือ ไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากโรคร้ายแรง การพิจารณาประกันโรคร้ายแรงจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงส่วนนี้ได้อย่างมาก โดยเฉพาะกับโรคมะเร็งที่ต้องใช้เวลารักษาได้นานถึง 2-5 ปีขึ้นไป

ระเบิดเวลาลูกที่ 2 : "ความเชื่อใจ" ไม่เท่ากับ "ความเข้าใจ"

ประกันสุขภาพ หนึ่งในแบบประกันที่สามารถก่อให้เกิดความขัดแย้งและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้มากที่สุด เนื่องจากผู้ขายก็ไม่อยากบอกข้อจำกัดเพื่อให้ขายได้ง่าย และผู้ซื้อเองก็ไม่เน้นทำความเข้าใจก่อนซื้อ แต่เน้นเชื่อใจแล้วยกให้เป็นหน้าที่ของผู้ขายที่มีชื่อเสียงหรือที่คนรู้จักแนะนำมาอย่างเดียว

ซึ่งได้กลายเป็นระเบิดเวลาที่น่ากลัวอย่างมาก และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ใครหลายคนโดนระเบิดลูกนี้แล้วเกลียดประกันหรือเกลียดตัวแทนอย่างมาก

เพราะ "ความเชื่อใจ" ไม่เท่ากับ (≠) "ความเข้าใจ" และไม่มีผู้ขายหรือผู้ซื้อคนใดเลยที่จะมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในประวัติการรักษา และลายลักษณ์อักษรเงื่อนไขความคุ้มครองในกรมธรรม์

โดยเนื่องจากเป็นตัวอักษร หากใครเข้าใจเงื่อนไขในสัญญาได้ครบถ้วนมากกว่า ก็มีทางที่จะตีความเงื่อนไขให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองได้มากขึ้น หรือ สามารถโต้แย้งในบางประเด็นที่มีการตีความแตกต่างกันไปได้ ดังนั้นการอธิบายถึงเงื่อนไขของสัญญาจึงเป็นหน้าที่สำคัญอย่างมากของตัวแทนประกัน

ระเบิดเวลาลูกที่ 3 : หน้าที่ของของตัวแทนประกัน
ขอส่วนลด? ให้ของขวัญของเยี่ยม? คุยสนุก?

เรื่องเงินห้ามไว้ใจแต่.ต้องเข้าใจ release your risk

หน้าที่ของตัวแทนประกันนั้น สำคัญที่สุดคือตอนก่อนสมัครทำประกัน และ ระหว่างพิจารณารับทำประกัน เพราะนั่นจะนำไปสู่ การเคลมประกันสุขภาพแบบไร้ปัญหาไร้ความขัดแย้ง (ที่จะมาซ้ำเติมร่างกายที่เจ็บป่วย) ภายหลังการทำประกันสุขภาพ

โดยที่ก่อนจะสมัครทำประกันสุขภาพ ทางตัวแทนจะต้องอธิบายทุกเรื่องที่จำเป็นทั้งหมดให้กับผู้ทำประกันได้เข้าใจก่อนการตัดสินใจ เพื่อลดปัญหาระเบิดเวลาแห่งความขัดแย้ง ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในภายหลัง

นอกจากนี้ตัวแทนยังมีหน้าที่อื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งจะสามารถสรุปหน้าที่ของตัวแทนที่จำเป็นได้ดังต่อไปนี้ เพื่อช่วยลดมายาคติที่เกิดขึ้นจากบริการเสริมพิเศษที่ตัวแทนอาจเน้นกันมากขึ้น และอาจลืมหน้าที่ของตัวแทนบางอย่างไปได้

ระเบิดเวลาลูกที่ 4 : ความเสี่ยง และ ค่ารักษาของโรคต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป และคาดการณ์ได้ยาก

ในปัจจุบันค่ารักษาโรคร้ายแรงนั้นมีราคาในหลักล้านบาทขึ้นไป เพราะมักเป็นการรักษาแบบต่อเนื่อง ไม่ใช่การรักษาครั้งเดียวจบ จึงทำให้ค่ารักษาบานปลาย (ควบคุมไม่ได้เลย) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรคมะเร็ง

ดังนั้นหากไม่ทราบค่ารักษาเหล่านี้ก่อนทำประกันสุขภาพ ก็อาจจะได้ประกันสุขภาพที่ไม่ครอบคลุมค่ารักษาโรคร้ายแรงได้

ระเบิดเวลาลูกที่ 5 : หมวดความคุ้มครองและ
ข้อยกเว้นของประกันสุขภาพ (วิธีรักษาที่ใช้ต้องได้การรับรองจากแพทยสภาแล้วเท่านั้น)

คนส่วนใหญ่มักจะพิจารณาหมวดความคุ้มครองแบบคร่าว ๆ จากโบรชัวร์ หรือ จากโฆษณาของแบบประกันสุขภาพ รวมกับเบี้ยประกันในงบประมาณที่คาดไว้เท่านั้น ทำให้การเลือกแบบประกันสุขภาพ มักมีโอกาสสูงที่จะได้แบบประกันสุขภาพที่ไม่ครอบคลุมความเสี่ยงในหมวดคุ้มครองที่จำเป็นที่ต้องโอนความเสี่ยงออกไปจริง ๆ

อย่างหมวดคุ้มครองที่เกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็งโรคร้ายแรงที่ค่าใช้จ่ายสามารถสูงถึงหลักสิบล้านได้ และหมวดคุ้มครองที่ต้องใช้สามารถเป็นในส่วนผู้ป่วยนอกเป็นหลักไม่ใช่เพียงผู้ป่วยในอย่างที่เข้าใจ

ซึ่งกว่าจะได้เริ่มทำความเข้าใจหมวดคุ้มครองอย่างจริงจัง มักจะเป็นตอนที่จะเคลมประกันแล้ว และ เพิ่งมาทราบว่าแบบประกันสุขภาพที่เลือกนั้น ไม่มีหมวดความคุ้มครองที่ต้องใช้ หรือ มีแต่ไม่เพียงพอ (โดยเฉพาะกับอีก 10-30 ปีข้างหน้าตอนเกษียณ) หรือ เพิ่งมาทราบว่าประกันสุขภาพจะคุ้มครองเฉพาะวิธีการรักษาที่ได้รับการรับรองจากแพทยสภาแล้วเท่านั้น

ทำให้มักเกิดความเสียดายอย่างมากที่ไม่ได้ทำความเข้าใจในหมวดคุ้มครองตั้งแต่ก่อนสมัครทำประกันแล้วต้องมาเกิดความเสียหายตอนเคลมประกัน และ ในตอนนี้ไม่สามารถเปลี่ยนใจไปสมัครทำประกันสุขภาพแบบอื่นในภายหลังได้อีกแล้ว เนื่องด้วยประวัติการรักษาที่กำลังจะเคลมนี้

ดังนั้นการทำความเข้าใจหมวดคุ้มครอง จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจก่อนอย่างมาก เพราะจะช่วยให้การพิจารณาเปรียบเทียบ แบบประกันสุขภาพแต่ละแบบได้ตอบโจทย์และครอบคลุมความเสี่ยงที่จำเป็นได้

โดยหมวดคุ้มครองจะประกอบไปด้วย 13 หมวดมาตรฐาน และหมวดเสริมอื่น ๆ ตามแต่ที่แบบประกันสุขภาพนั้น ๆ จะเสริมขึ้นมาเพื่ออุดช่องโหว่ของ 13 หมวดมาตรฐาน

ซึ่งจะจำเป็นต้องทำความเข้าใจหมวดคุ้มครองเหล่านี้ว่าจะใช้งานในขั้นตอนขบวนการตรวจวินิจฉัยและรักษาใดบ้าง เพื่อที่จะสามารถเลือกเฉพาะหมวดคุ้มครองที่จำเป็นจริง ๆ ได้ และทำให้มีส่วนต่างของค่าตรวจรักษาพยาบาลที่ต้องรับความเสี่ยงไว้เองลดลงและไม่เป็นภาระหนักจนเกินไป

(แต่ถ้าเลือกแบบประกันสุขภาพที่มีหมวดคุ้มครองที่มากจนเกินไป เบี้ยประกันก็จะสูงขึ้นอย่างมาก และบางทีการเลือกออกค่าตรวจรักษาส่วนนี้เองจะประหยัดมากกว่าจ่ายเบี้ยประกันที่สูงขึ้นนี้เสียอีก)

ดังนั้นการเลือกหมวดความคุ้มครอง ต้องพยายามเลือกหมวดที่เฉพาะเจาะจงมีหน้าที่ชัดเจน มากกว่าหมวดที่คุ้มครองกว้างไม่เจาะจง เพราะหมวดคุ้มครองกว้างจะทำให้ค่าเบี้ยประกันสูงขึ้น แต่ความคุ้มครองที่ได้รับกลับลดลงอย่างชัดเจน

ตัวอย่างเช่น ความคุ้มครองแบบ OPD หรือผู้ป่วยนอก ที่มีทั้งแบบเจาะจงและไม่เจาะจงดังนี้

  • OPD แบบเฉพาะเจาะจง ได้แบบจ่ายตามจริง (ค่าใช้จ่ายเกิน 15,000 บ. ได้ทุกหมวด) 
    • OPD ตรวจฉายภาพขั้นสูง MRI CT PET-Scan (Fax-Claim)
    • OPD Follow up อุบัติเหตุ 15 วัน จ่ายตามจริง (Fax-Claim)
    • OPD Follow up ไม่จำกัดจำนวนครั้งใน 30 วันหลังแอดมิต IPD (Fax-Claim)
    • OPD ตรวจยีนส์มะเร็ง (สำรองจ่ายแล้วเคลมตรง)
    • OPD ค่ารักษามะเร็งนวัตกรรมใหม่ในอนาคต (สำรองจ่ายแล้วเคลมตรง)
  • OPD แบบไม่เจาะจง ได้วงเงินที่ 15,000 บ. ต่อปี
    • OPD ค่ารักษาทั่วไป (Fax-Claim) รวมถึง OPD ตามหมวดเจาะจงด้านบนแต่ดูแลไม่เกินวงเงิน
    • OPD ค่าฉีดวัคซีน ตรวจสุขภาพ (สำรองจ่ายแล้วเคลมตรง)

ทั้ง 2 แบบ OPD นี้ จะอยู่ในประกันสุขภาพคนละแบบ ที่มีเบี้ยใกล้เคียงกัน โดยแบบหนึ่งให้ OPD แบบเฉพาะเจาะจงที่จ่ายตามจริง แต่แบบหนึ่งให้ OPD ไม่เจาะจงกับวงเงิน 15,000 บ. ต่อปี เท่านั้น

ดังนั้นการเลือกว่าจะเอา OPD แบบใดนั้น จะจำเป็นต้องมองว่า แบบใดที่ตนเองจะสามารถรับความเสี่ยงเองได้ราคาไม่แพงมาก แบบใดที่ตนเองอยากที่จะโอนความเสี่ยงมากกว่าด้วยราคาสูงเกินไป 

โดยต้องไม่ลืมว่า หน้าที่ของประกันสุขภาพ คือ เพื่อโอนความเสี่ยงที่รับเองไม่ไหวหรือไม่ทราบค่าใช้จ่ายออกไปเป็นหลัก รวมถึงไม่ใช่ทุกความเสี่ยงที่ประกันสุขภาพจะรับไว้ให้ได้ เพราะประกันสุขภาพเองก็มีข้อยกเว้นความคุ้มครองบางอย่างด้วยเหมือนกันที่ควรต้องทำความเข้าใจให้เรียบร้อยก่อนสมัครทำประกัน

ระเบิดเวลาลูกที่ 6 : หน้าที่ของผู้สมัครทำประกัน เตรียมความพร้อมสำหรับขบวนการพิจารณารับทำประกัน

การทำประกันสุขภาพ เป็นหนึ่งในแบบประกันที่มีการคัดกรองที่ละเอียดมากที่สุดก่อนรับทำประกัน ซึ่งจะไม่ได้คัดกรองเฉพาะก่อนรับทำประกันเท่านั้น โดยหลังรับทำประกันไปแล้ว หากพบว่ามีการปกปิดประวัติ/ไม่แถลงสุขภาพบางอย่าง ก็อาจส่งผลให้ถูกยกเลิกสัญญาหรือไม่ต่ออายุได้

และที่สำคัญ บันทึกที่แพทย์บอกกว่าปกติ(ไม่ต้องรักษา) อาจจะไม่ปกติในสายตาของแพทย์ที่พิจารณารับประกัน(ความเสี่ยง) ดังนั้น ไม่ต้องรักษา จึงไม่เท่ากับ (≠) ไม่มีความเสี่ยง

การทำความเข้าใจขบวนการพิจารณาให้ดีจึงสำคัญอย่างมาก เพราะจะทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า แพ็คเกจโปรโมชันการตรวจสุขภาพของ รพ.เอกชน นั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง

รวมถึงความจำเป็นที่ต้องเตรียมประวัติการรักษาทั้งหมดเพื่อใช้ในการยื่นสมัครทำประกันสุขภาพหลาย ๆ บริษัทพร้อมกัน และสามารถเลือกบริษัทที่มีข้อเสนอยกเว้นความคุ้มครองตามความเสี่ยงที่อยู่ในประวัติการรักษาที่น้อยที่สุดได้

ระเบิดเวลาลูกที่ 7 : การพิจารณา มี/ไม่มี Deductible

ในปัจจุบันบริษัทประกันได้นำค่ารับผิดส่วนแรก (Deductible) มาใช้ในแบบประกันสุขภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อที่จะสามารถลดเบี้ยประกันลงได้ แต่ยังคงให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมและวงเงินสูงได้เหมือนเดิม

และ Deductible ยังมีข้อดีตรงที่ทำให้ผู้ทำประกันสุขภาพได้ทราบชัดเจนว่าต้องจ่ายเอง (หรือใช้ประกันกลุ่มจ่าย) ในค่ารับผิดส่วนแรกนี้เท่าใด 

ซึ่งจะแตกต่างกับการเลือกแบบประกันสุขภาพแบบ ไม่มี Deductible โดยหากจะให้เบี้ยแบบไม่มี Deductib;e เท่ากับแบบ มี Deductible ได้นั้น แบบมี Deductible จะต้องลดความคุ้มครองหรือวงเงินคุ้มครองลงมาพอสมควร

และส่งผลให้แบบไม่มี Deductible นี้ ต้องลุ้นว่าจะต้องจ่ายส่วนต่างค่าตรวจรักษาที่เกินวงเงินความคุ้มครองที่ลดลงนี้อีกไม่รู้เท่าใดในการเคลมแต่ละครั้ง ในขณะที่แบบมี Deductible จะทราบชัดเจนตั้งแต่แรกว่าต้องจ่ายรับผิดส่วนแรกเท่าไรแบบไม่ต้องลุ้น

อย่างไรก็ตามการเก็บเงินเพื่อจ่ายทั้งเบี้ยประกันและค่ารับผิดส่วนแรกนั้น จะจำเป็นต้องนำมาเปรียบเทียบกับแบบที่จ่ายเฉพาะเบี้ยประกันอย่างเดียว ว่าแบบใดจะใช้เงินได้น้อยกว่ากัน ดังในบทความต่อไปนี้

ระเบิดเวลาลูกที่ 8 : การพิจารณาทุนชีวิต และ สัญญาเพิ่มเติม

ต้องยอมรับว่าประกันสุขภาพนั้นจะเน้นเพียงค่ารักษาเฉพาะที่แพทยสภารับรองอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่ได้คุ้มครองไปถึงนวัตกรรมการรักษาแบบใหม่ในทันที ต่อให้แบบประกันสุขภาพนั้น ๆ จะมีการระบุว่ารองรับนวัตกรรมการรักษาแบบใหม่ก็ตาม (แต่ก็ต้องรอให้แพทยสภารับรองก่อน)

รวมถึงประกันสุขภาพไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ต่อไปนี้ 

  • ค่าเดินทาง
  • ค่าชดเชยที่ต้องนอน รพ.
  • ค่าชดเชยการขาดรายได้ระหว่างการรักษา โดยเฉพาะการรักษาโรคร้ายแรงที่ทำให้ต้องหยุดการทำงานมากกว่า 1 ปีขึ้นไป
  • ค่าใช้จ่ายระหว่างการปรับตัวหลังการรักษาโรคร้าย ที่ร่างกายไม่สามารถกลับมาทำงานหนักเหมือนเดิมได้อีก
  • ค่ารักษาอุบัติเหตุผู้ป่วยนอกที่ต้องติดอาการนานหลายเดือน

ทำให้การพิจารณาสัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองอื่น ๆ ที่จะใช้แนบเพิ่มความคุ้มครองให้กับสัญญาหลักประกันชีวิต (ทุนชีวิตขั้นต่ำควรเน้นเพียงพอกับค่าฌาปนกิจ) นั้นมีความจำเป็นอย่างมาก เพื่อสามารถโอนความเสี่ยงอื่น ๆ ที่สัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองประกันสุขภาพไม่ได้ครอบคลุม

ระเบิดเวลาลูกที่ 9 : ขบวนการเคลมประกันสุขภาพ

การเข้าใจขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่เข้า/ออกจาก รพ. เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ได้เตรียมความพร้อมไว้ก่อน เช่น การตรวจสอบ รพ.คู่สัญญาว่า Fax-Claim ในเรื่องใดได้บ้าง จะมีโอกาสต้องสำรองจ่ายในเรื่องใดได้บ้าง ขบวนการเคลมเป็นอย่างไร ต้องระวังเรื่องใดบ้างในตอนพบแพทย์ เป็นต้น ซึ่งแม้ขั้นตอนในปัจจุบันโดยเฉพาะในรพ.เอกชน จะอำนวยความสะดวกอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามก็จำเป็นต้องเข้าใจขบวนการเคลมก่อนเคลมจริงเสมอ

ระเบิดเวลาลูกที่ 10 : เบี้ยประกันสุขภาพหลังเกษียณ

เมื่อมีประกันสุขภาพเรียบร้อย สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้ยังคงสามารถมีประกันสุขภาพ หรือจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพได้ไหวในช่วงอายุเกษียณ เพราะช่วงอายุเกษียณเป็นช่วงที่มีโอกาสใช้ประกันสุขภาพมากที่สุด แต่ก็มักเป็นช่วงที่ขาดรายได้เข้ามา

ดังนั้นการวางแผนการเงินผ่านเครื่องมือการเงินอย่าง ประกันบำนาญและกองทุนรวม จึงเป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้เงินก้อนน้อยได้เติบโตมาเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับทยอยจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพได้ตลอดชีพ


และนี้คือระเบิดเวลาทั้งหมด 10 ลูก ที่ควรทำความเข้าใจก่อนสมัครทำประกันสุขภาพ เพราะถ้าหากเข้าใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบริษัทประกัน หรือตัวแทนที่ไม่ดีแบบใด ๆ ก็ยากที่จะใช้โฆษณาชวนเชื่อเพื่อหลอกให้สมัครทำประกันสุขภาพแบบมีระเบิดเวลาได้อีก รวมถึงหากเข้าใจระเบืดเวลาเหล่านี้แล้ว ยังสามารถช่วยให้ผู้สมัครทำประกันสุขภาพรักษาผลประโยชน์ของตนเองได้มากที่สุดอีกด้วย

สรุปควรเลือกประกันสุขภาพแบบใด

การเลืกแบบประกันสุขภาพที่ดีนั้น จะไม่ได้มองหาประกันสุขภาพเฉพาะให้เต็มสิทธิลดหย่อนภาษี 25,000 บ. เท่านั้น แต่จะมองลึกมากขึ้นถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ร่วมด้วย

เบี้ยเท่าทุน release your risk

เป็นแบบประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาโรคที่แพงที่สุดได้

"มะเร็ง" ยังคงเป็นโรคที่มีค่ารักษาสูงที่สุดในปัจจุบัน ดังนั้นในเมื่อต้องจ่ายเบี้ยไปแล้ว ก็ต้องมั่นใจว่าจะได้รับความสบายใจเรื่องค่ารักษาแลกมาจริงๆ ไม่ใช่จ่ายเบี้ยแล้วยังต้องเก็บความกังวลใจในบางโรคไว้อยู่ ซึ่งแบบนี้จะไม่ค่อยมีใครอยากได้

โดยต้องให้ความคุ้มครองการรักษามะเร็งตั้งแต่ การตรวจวินิจฉัยOPD การผ่าตัดIPD การฟื้นฟูร่างกายIPD/OPD การให้ยาOPD การตรวจติดตามผลOPD เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนใดก็ตาม ค่าใช้จ่ายการรักษาโรคมะเร็งใน รพ.เอกชน มักจะสูงถึงหลักแสนขึ้นไปเสมอ (ยังไม่นับรวมไปถึงว่ามะเร็งเป็นโรคที่ต้องรักษาต่อเนื่องกว่า 5 ปีขึ้นไปจนถึงตลอดชีวิต)

เป็นแบบประกันสุขภาพที่สามารถคุ้มครองได้ตลอดชีวิต

คือให้ความคุ้มครองที่รวมไปถึงวิทยาการสมัยใหม่ในอนาคตด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องคอยเปลี่ยนแบบประกันสุขภาพให้ทันสมัยตามวิทยาการการรักษา (เช่น ยาภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งผู้ป่วยนอก)

เพราะหากมีการเคลมบางโรคไปแล้ว การเปลี่ยนแบบประกันสุขภาพเป็นตัวใหม่อาจจะทำได้ยาก และโดนยกเว้นความคุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนแน่นอน

อย่างไรก็ตามด้วยความคุ้มครองที่ครอบคลุมและวงเงินที่สูง แบบประกันสุขภาพลักษณะนี้ จึงมีเบี้ยประกันตอนสูงอายุที่สูงอย่างมาก ทำให้การศึกษาและเตรียมการจัดการเบี้ยประกันหลังเกษียณตั้งแต่ยังอยู่ในวัยทำงาน จะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

เพราะจะสามารถช่วยประหยัดเบี้ยประกันได้สูงถึง 50%-90%  และเครื่องมือการเงินที่ใช้ในการจัดการก็ยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

ทั้งนี้หากมีประกันสุขภาพตัวหลักที่ดูแลค่ารักษามะเร็งแบบผู้ป่วยนอก 5 ล้านบาทขึ้นไปต่อปีเรียบร้อย (ค่ารักษาในปัจจุบัน) แต่ประกันสุขภาพตัวหลักให้ค่าห้องที่ค่อนข้างน้อย การเสริมด้วยประกันสุขภาพที่เน้นเรื่องค่าห้อง ให้เป็นตัวเสริมอย่างเช่น "สัญญา Happy Health แบบมีรับผิดส่วนแรก 100,000 บ." จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

เนื่องจากแบบประกันสุขภาพลักษณะนี้จะจ่ายตามจริงของห้องเดี่ยวราคาเริ่มต้นของ รพ. นั้น ๆ จึงเป็นประกันสุขภาพตัวเสริมที่ดีที่สุดตัวหนึ่งในตลาดปัจจจุบัน

แบบประกันสุขภาพ BLA

ครอบครัววางแผนการเงินและภาษี 1 release your risk

ประกันสุขภาพเป็นรูปแบบประกันที่ควรให้เวลาศึกษาทำความเข้าใจให้ดีที่สุดก่อนตัดสินใจ โดยอย่างน้อยควรเข้าใจหมวดความคุ้มครองตามมาตรฐานประกันสุขภาพให้ได้ และควรมีโอกาสได้ศึกษาตัวอย่างกรมธรรม์จริงๆ ของแบบประกันสุขภาพที่สนใจ

การศึกษาแบบประกันสุขภาพตอนแรกอาจมองเป็นเรื่องยุ่งยากแต่ก็คุ้มค่า เพราะเสียเวลาทำความเข้าใจเพียงครั้งเดียวก็สามารถใช้ได้ไปตลอดชีวิต โดยเฉพาะกับแบบประกันสุขภาพที่เน้นตลอดชีวิต หรือ สำหรับวางแผนเกษียณในอนาคตจริง ๆ

ทั้งนี้จะสามารถศึกษารายละเอียดเจาะลึกเกี่ยวกับแบบประกันสุขภาพเพิ่มเติมของทาง BLA ได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้

การวางแผนเก็บเงินและเกษียณอย่างจริงจัง เริ่มขึ้น เมื่อเข้าใจ..

วิธีใช้ธรรมชาติของเครื่องมือการเงินที่จำเป็นให้เกิดประโยชน์สูงสุด

"ตน (ในปัจจุบัน) จักเป็นที่พึ่งของตน (ในอนาคต)"

เกี่ยวกับผู้เขียน

  • แอนนี่ค่ะ2

    จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตการทำงานทั้งหมดของแอนนี่ในสายงาน CRM ได้พบว่า ความไม่รู้ เป็นศัตรูที่แพงอย่างมากในโลกของการเงิน ซึ่งในหลายครั้งกว่าจะรู้และเข้าใจก็อาจจะสายไปแล้ว และนี้คือสาเหตุใหญ่ที่ทางเรา จะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ โดยให้ความรู้ทางการเงินที่ดีและเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงการป้องกันไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากความไม่รู้นี้ ผ่านเว็บไซต์ Release your Risk ที่ต้องการให้ทุกคนได้ปล่อยความเสี่ยงที่ตนเองถือไว้อยู่ ผ่านเครื่องมือทางการเงินด้วยความเข้าใจ และมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

>
Scroll to Top

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ตกลงทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก