เลือกอะไรดีระหว่าง BLA Happy Health หรือ BLA Happy Health Premier

ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. 67 เป็นต้นไป BLA Happy Health จะเหลือเฉพาะแผน 'มี Deductible'  โดยได้เพิ่ม BLA Happy Health Premier ที่มีทั้งแผน 'มี/ไม่มี Deductible' มาให้เลือกทดแทน 


เลือกหัวข้อที่สนใจ


BLA Happy Health (HH) แผนที่ยังเปิดรับสมัคร

Happy Health แผนที่เหลือ

▍สรุป :  BLA Happy Health ปิดแผน 5 แสนทุกแผน รวมถึงปิดแผนที่ไม่มี Deductible กับแผนที่มี Deductible 50,000 บ. ทุกแผน ทำให้จะเหลือเฉพาะแผน 1 ล้าน แผน 5 ล้าน แผน 10 ล้าน แบบที่มี Deductible 30,000 บ. และ Deductible 100,000 บ. เท่านั้น (Deductible จะคิดเฉพาะความคุ้มครองหมวดที่ 1-5)

▍ข้อสังเกตุ : ทำให้แบบ BLA Happy Health ในแผนที่เหลือ จะเป็นแบบประกันสุขภาพที่มีความชัดเจนในเรื่องราคาเบี้ยที่ไม่สูงร่วมกับต้องมี Deductible เสมอ จึงทำให้แบบประกันสุขภาพนี้กลายเป็นแบบประกันสุขภาพที่มีไว้เสริมเงินสำรองฉุกเฉินที่มี หรือ ไว้เสริมแบบประกันสุขภาพตัวเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว แต่ค่าห้องอาจไม่เพียงพอ หรือมีวงเงินค่ารักษาผู้ป่วยในที่น้อยไปไม่สามารถรองรับกับอนาคตได้

BLA Happy Health Premier (HHP)

สรุปความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้น

Happy Health Premier 2
Happy Health Premier 5

▍ความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นของ BLA Happy Health Premier จะประกอบไปด้วย 4 ด้านสำคัญ ที่เคยเป็นปัญหาและเป็นข้อโต้แย้งที่ทำให้ BLA Happy Health เหมาะที่จะเป็นประกันสุขภาพตัวเสริมสวัสดิการที่มีอยู่มากกว่าเป็นประกันสุขภาพตัวหลัก แต่เมื่อเสริม 4 ด้านนี้แล้ว จึงทำให้ BLA Happy Health Premier สามารถเป็นแบบประกันตัวหลักตัวเดียวได้มากขึ้น

โดยพร้อมรองรับความเสี่ยงด้านค่ารักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงอย่าง ค่ารักษามะเร็งและไตผู้ป่วยนอกได้มากกว่าเดิม รวมถึงหากมีวิธีการรักษาสมัยใหม่เกิดขึ้นยังสามารถอาศัยเงินชดเชยภาวะวิกฤต 300,000 บ. เพื่อช่วยจ่ายวิธีการรักษาสมัยใหม่นี้ได้

ตารางความคุ้มครองจุดที่แตกต่างกับ Happy Health

Happy Health Premier 3
Happy Health Premier 4

▍จากตารางความคุ้มครองของ BLA Happy Health Premier จะเห็นได้ว่า นอกจากความคุ้มครองที่เพิ่มขั้นมา 4 อย่างในกรอบสี่เหลี่ยมแล้ว นอกนั้นจะยังคงเหมือนกับ BLA Happy Health ทุกอย่าง

โดยเฉพาะในหมวดข้อ 6 ที่ยังให้วงเงิน OPD ที่เกี่ยวเนื่องกับ IPD มาสำหรับเพียงการ follow up opd เพื่อล้างแผลผ่าตัด หรือช่วยค่ายาเพิ่มเติมหลังจากวันแอดมิตเท่านั้น ในขณะที่แผน 10 ล้าน จะให้วงเงินหมวดนี้มาเพิ่ม เพื่อให้พอกับค่าตรวจวินิจฉัย X-Ray หรือ อัลตราซาวด์ก่อนวันแอดมิต หรือช่วยค่าฉายภาพขั้นสูงอย่าง CT-Scan กับ MRI ก่อนวันแอดมิตด้วยได้ 

รวมถึงจะยังไม่มีความคุ้มครองหมวดข้อ 8 ที่เกี่ยวข้องกับ OPD กายบำบัดเวชศาสตร์ฟื้นฟูหลังแอดมิต (ค่าใช้จ่ายประมาณหลักพันต่อครั้ง) 

และยังไม่มีความคุ้มครองหมวดข้อ 7 ด้านค่ารักษาอุบัติเหตุผู้ป่วยนอกภายใน 24 ชม. เช่นเดิม เว้นแต่แผน 10 ล้านที่มีวงเงินให้ 10,000 บ. ต่ออุบัติเหตุ (แต่จะไม่ครอบคลุมถึงการ follow up old วันต่อ ๆ มา)

จึงทำให้แบบประกันทั้ง BLA Happy Health และ BLA Happy Health Premier ยังควรจะต้องมีสัญญาเพิ่มเติมด้านค่ารักษาอุบัติเหตุผู้ป่วยนอก หรือ ประกันอุบัติเหตุ PA ที่ให้ค่ารักษาอุบัติเหตุอย่างน้อย 50,000 บ. ต่ออุบัติเหตุ เพื่อให้สามารถครอบคลุมการทำ CT-Scan หรือ MRI โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับกระดูก หรือกระทบกระเทือนที่ศรีษะได้

สิทธิ์ Convertible สำหรับ Deductible

Happy Health Premier 9
convertible2

▍BLA Happy Health Premier ยังคงมีฟีเจอร์การปรับลดหรือยกเลิก Deductible ตอนวันเกษียณอายุ 55-65 ปี ที่ไม่มีสวัสดิการประกันกลุ่มของบริษัทมาช่วยจ่าย Deductible แล้วได้เหมือนกันกับ BLA Happy Health

ในขณะที่ BLA Happy Health เดิม หากเริ่มทำประกันตั้งแต่ 2 ก.ย. 67 เป็นต้นไป จะไม่สามารถปรับจาก มี Deductible เป็น ไม่มี Deductible ได้แล้ว เนื่องจากแผนที่ ไม่มี Deductible ได้ปิดตัวไปทั้งหมดตั้งแต่ 2 ก.ย. 67 (แต่ผู้ที่ทำประกัน BLA Happy Health ก่อนวันที่ 2 ก.ย. 67 ยังคงสามารถเปลี่ยนจาก มี เป็น ไม่มี Deductible ได้ตามปกติ)

สรุป : BLA Happy Health Premier ที่ได้เสริมความคุ้มครอง 4 ด้านสำคัญ ทำให้เสมือนได้มาเสริมตลาดตรงกลางที่ได้วางลงไปของแบบประกันสุขภาพ BLA ตั้งแต่การปิดตัวลงของแบบประกันสุขภาพ Prestige Health ตัวเก่า ที่ได้ปิดตัวลงไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และทำได้เติมเต็มช่องว่างระหว่าง BLA Happy Health กับ Prestige Health ปลดล็อค นี้

ข้อสังเกตุ : แม้จะไม่มี BLA Happy Health Premier (HHP) แต่โดยปกติแล้วจะสามารถเสริมความคุ้มครอง BLA Happy Health (HH) เดิม ให้มีความคุ้มครองทั้ง 4 ด้านนี้ได้เหมือนกัน ด้วยสัญญาเพิ่มเติมประกันโรคร้ายแรงอื่น ๆ ที่มีในตลาด จึงทำให้เกิดคำถามสำคัญใหม่ขึ้นมาว่า ระหว่าง [HH เดิม + สัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง] กับ [HHP] แบบใดจะน่าสนใจกว่ากัน ซึ่งจะได้ขยายความเพิ่มเติมใน Section ถัดไป

HH VS. HHP
แง่มุมความคุ้มครอง

HHP เพิ่มให้เลือก ค่าห้องเดี่ยวขั้นต่ำของประกัน 
หรือ ค่าห้องเดี่ยวราคาเริ่มต้นของ รพ. แบบ HH ได้ 

▍ปัญหาของ BLA Happy Health คือ หากเป็น รพ. ต่างจังหวัด (โรงพยาบาล B จากในรูปด้านล่าง) ห้องเดี่ยวราคาเริ่มต้นนั้นมักจะมีราคาห้องไม่สูงมาก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกจะเริ่มดีขึ้นหากเป็นห้องเดี่ยวพิเศษ อย่างไรก็ตาม BLA Happy Health บังคับให้ใช้ได้เฉพาะห้องเดี่ยวราคาเริ่มต้นเท่านั้น ทำให้เป็นปัญหากับผู้ทำประกัน BLA Happy Health ที่อยู่ต่างจังหวัดโดยตรง 

BLA Happy Health Premier จึงได้ออกมาแก้ไขปัญหานี้ ผ่านการกำหนดค่าห้องขั้นต่ำขึ้นมาในแต่ละแผน เพื่อช่วยให้ผู้ทำประกันในต่างจังหวัดมีโอกาสได้ห้องที่ดีกว่าได้ หากห้องขั้นต่ำของ BLA Happy Health Premier ได้ห้องที่ดีกว่า ห้องเดี่ยวราคาเริ่มต้นของ รพ.

HHP ค่าห้อง

HHP ให้ค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดและวิสัญญีแพทย์จ่ายตามจริง HH เน้นตามคู่มือแพทย์แต่ทำ Pre-Claim ช่วยได้

▍ปัญหาของ BLA Happy Health คือ จะมีการกำหนดให้ค่าธรรมแพทย์ผ่าตัด (ค่าตัวแพทย์) ต้องไม่เกินเปอร์เซ็นไทล์ 90 ของการผ่าตัดชนิดนั้น ๆ ในคู่มือค่าธรรมแพทย์ล่าสุดที่มีในการผ่าตัด (ซึ่งล่าสุดจะเป็นปี 63) ทำให้การผ่าตัดในแต่ละครั้ง มักจะต้องทำ Pre-Claim ก่อน เพื่อมีโอกาสป้องกันไม่ให้ค่าธรรมเนียมแพทย์สูงเกินคู่มือ โดยเฉพาะกับ รพ.เอกชนขนาดใหญ่ ที่มักมีอาจารย์แพทย์ค่าตัวสูง หรือ มีเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ทันสมัยที่ทำให้แพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ได้มีค่าตัวสูงกว่าในคู่มือ

โดยเมื่อ รพ. มีการทำ Pre-Claim กับทางสินไหมของ BLA ก่อนวันผ่าตัด ทาง รพ. ก็จะทราบว่า ได้ค่าธรรมเนียมแพทย์ที่เท่าใด จึงสามารถปรับหรือให้ส่วนลดส่วนนี้ (ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้ผ่าตัดว่าจะยินยอมหรือไม่) และทำให้ไม่มีส่วนต่างที่ผู้ทำประกัน BLA Happy Health ต้องจ่ายเพิ่มได้

อย่างไรก็ตามปัญหานี้มักไม่เกิดขึ้นกับผู้ทำประกัน BLA Happy Health แบบมี Deductible มากนัก เพราะส่วนต่างค่าธรรมแพทย์ที่สูงกว่าในคู่มือ (หากต้องรีบผ่าตัดเร่งด่วนไม่สามารถรอทำ Pre-Claim ได้) มักจะถูกรวมเป็นค่า Deductible ที่ต้องออกเอง หรือ ใช้สวัสดิการของบริษัทจ่ายก่อนอยู่แล้ว  

HH ค่าธรรมเนียม

เงื่อนไขค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดของ BLA HAPPY HEALTH

ตัวอย่างค่าธรรมแพทย์ผ่าตัด

ตัวอย่างค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดในคู่มือแพทย์ปี 63 

▍ในขณะที่ BLA Happy Health Premier ได้เปลี่ยนมาจ่ายค่าธรรมแพทย์ตามจริง ตามที่ รพ. เรียกร้อง โดยไม่ถูกจำกัดไว้ในคู่มือค่าธรรมแพทย์ล่าสุดเท่านั้น  ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาค่าธรรมเนียมแพทย์ที่ รพ. เอกชนขนาดใหญ่เรียกร้อง กับ ค่าธรรมแพทย์ในคู่มือที่แตกต่างกันได้ โดยเฉพาะในกรณีเร่งด่วนไม่สามารถทำ Pre-Claim ก่อนผ่าตัดได้ หรือ คู่มือค่าธรรมแพทย์เล่มล่าสุดขาดการอัพเดทมาเป็นเวลานาน

HHP ค่าธรรมเนียม

เงื่อนไขค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดของ BLA HAPPY HEALTH PREMIER

ตัวอย่างใบแจ้งค่าใช้จ่าย

ตัวอย่างค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดในใบแจ้งค่าใช้จ่ายจากทาง รพ.

HHP เพิ่มค่ารักษาโรคมะเร็งและไตแบบ
ผู้ป่วยนอก ในขณะที่ HH ทำเพิ่มภายนอกได้

▍ปัญหาของ BLA Happy Health ในส่วนค่ารักษามะเร็งและไตแบบผู้ป่วยนอก คือ ให้วงเงินส่วนนี้มาค่อนข้างจำกัดอย่างมาก คือ 1 แสนต่อปี (แผน 1 ล้าน) 1 แสนต่อปี (แผน 5 ล้าน) และ 2 แสนต่อปี (แผน 10 ล้าน) และของ BLA เองก็ไม่มีสัญญาเพิ่มเติมที่สามารถซื้อความคุ้มครองค่ารักษามะเร็งและไตแบบผู้ป่วยนอกเพิ่มได้ จึงทำให้หากต้องการความคุ้มครองส่วนนี้เพิ่ม จำเป็นต้องพิจารณา MTL Care plus เข้าช่วย

ซึ่ง MTL Care plus มีข้อดีตรงที่จะครอบคลุมการรักษาสมัยใหม่ในปัจจุบันที่นอกเหนือจากที่ระบุสัญญาประกันสุขภาพ ตามมาตรฐานประกันสุขภาพล่าสุด หรือ NEW HEALTH STANDARD ได้ รวมถึงคุ้มครองค่าฉายภาพขั้นสูงแบบผู้ป่วยนอก CT-Scan MRI PET-Scan สำหรับการตรวจวินิจฉัยมะเร็งกับไตร่วมด้วย

อย่างไรก็ตาม MTL Care plus ยังถูกจัดอยู่ในประเภทของประกันโรคร้ายแรง ดังนั้นจึงมีข้อจำกัดที่ปกติแล้วประกันโรคร้ายแรงจะไม่สามารถทำ Fax-Claim หรือทำ OPD Cashless ได้ เพราะปัจจุบันการเคลม 2 รูปแบบนี้ ยังเป็นการทำสัญญาเคลมกับ รพ. เฉพาะสัญญาประกันสุขภาพกับประกันอุบัติเหตุอยู่

FAXClaim
OPDCashless
DirectClaim e1727345807642

ทำให้การใช้ MTL Care plus จะต้องสำรองจ่ายและมาทำเคลมตรงภายหลัง รวมถึงประกันโรคร้ายแรงจะไม่ได้จัดอยู๋ใน NEW HEALTH STANDARD การต่ออายุสัญญาจึงอยู่ในดุลยพินิจของบริษัท (แต่ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพราะโอกาสการใช้ประกันเกินความจำเป็นค่อนข้างยากเพราะเป็นโรคมะเร็งกับไต โดยเฉพาะการที่ต้องสำรองจ่ายก่อนเสมอ)

ส่งผลให้ผู้ทำประกัน BLA Happy Health ที่เน้นใช้ MTL Care plus เสริม จะจำเป็นต้องมีเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับการสำรองจ่ายค่ารักษาผู้ป่วยนอกของมะเร็งและไต หรือ จำเป็นต้องทำประกันโรคร้ายแรงเพิ่ม เพื่อให้ได้เงินก้อนมาใช้สำหรับการหมุนจ่ายระหว่างการรักษาระยะยาวของมะเร็งและไตนี้ได้

ในขณะที่ BLA Happy Health Premier จะถือว่าเป็นประกันสุขภาพและมีวงเงินค่ารักษามะเร็งและไตแบบผู้ป่วยนอกที่สูงเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านต่อปี (แผน 1 ล้าน) 3 ล้านต่อปี (แผน 5 ล้าน) และ 5 ล้านต่อปี (แผน 10 ล้าน) ซึ่งถ้าหากผ่านการสืบประวัติเรียบร้อย การรักษาระยะยาวจะสามารถ Fax-Claim ได้ ไม่จำเป็นต้องสำรองจ่ายทุกครั้ง ซึ่งเป็นข้อดีที่สำคัญอย่างมาก อย่างไรก็ตามจะยังมีข้อจำกัดในส่วนของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่หากจำเป็นต้องใช้จริง ๆ เพราะได้ผลดีกว่า หรือ ใช้วิธีอื่นรักษาไม่ได้แล้ว จะจำเป็นต้องทำเรื่องขอความอนุเคราะห์กับทางสินไหมเพื่อขอใช้วิธีการรักษาสมัยใหม่นี้ และส่วนขอความอนุเคราะห์นี้จะจำเป็นต้องสำรองจ่ายก่อนเสมอ

ประกันโรคร้ายแรงมะเร็งและไต เจอจ่ายค่ารักษา
 MTL CARE PLUS

Careplus คุ้มครอง

ค่าบริการทางการแพทย์เพื่อการบำบัดรักษาจะจ่ายสำหรับวิธีการบำบัดรักษามะเร็ง ดังต่อไปนี้

  • 1. รังสีรักษา (Radiotherapy) - OPD ที่มีใน NEW HEALTH STANDARD
  • 2. รังสีร่วมรักษา(Interventional Radiological Treatment)  - OPD ที่มีใน NEW HEALTH STANDARD
  • 3. เวชศาสตร์นิวเคลียร์รักษา (Nuclear Medicine)  - OPD ที่มีใน NEW HEALTH STANDARD
  • 4. เคมีบำบัด (Cytotoxic Chemotherapy)  - OPD ที่มีใน NEW HEALTH STANDARD
  • 5. ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)  - OPD ที่ไม่มีใน NEW HEALTH STANDARD
  • 6. ฮอร์โมนบำบัด (Hormonal Therapy)  - OPD ที่มีใน NEW HEALTH STANDARD (ค่ายากลับบ้าน และค่ารักษาติดตามอาการ 30 วันหลังแอดมิต)
  • 7. การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell Transplantation)  - IPD ที่มีใน NEW HEALTH STANDARD
  • 8.  การรักษาแบบออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted Therapy)  - OPD ที่มีใน NEW HEALTH STANDARD
  • 9. ศัลยกรรมถอนรากถอนโคน (Radical Surgery)  - IPD ที่มีใน NEW HEALTH STANDARD
  • 10. รังสีศัลยกรรม (Radiosurgery)   - IPD ที่มีใน NEW HEALTH STANDARD

ค่าบริการทางการแพทย์เพื่อการบำบัดรักษาจะจ่ายสำหรับวิธีการบำบัดรักษาไต ดังต่อไปนี้

  • 1. การล้างไตผ่านทางเส้นเลือด (Regular Hemodialysis) - OPD ที่มีใน NEW HEALTH STANDARD
  • 2. การล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis)  - IPD ที่มีใน NEW HEALTH STANDARD
  • 3. การล้างไตแบบประสิทธิภาพสูง (Online Hemodiafiltration) - OPD ที่ไม่มีใน NEW HEALTH STANDARD
  • 4. การปลูกถ่ายไต (Kidney (renal) Transplantation)  - IPD ที่มีใน NEW HEALTH STANDARD
  • 5. การผ่าตัดเส้นฟอกไต (Vascular Access)  - IPD ที่มีใน NEW HEALTH STANDARD

HHP มีเงินชดเชยกรณีในภาวะวิกฤตหรือเป็นโรคร้ายแรง ในขณะที่ HH ทำประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่เพิ่มได้

▍เนื่องจากปัญหาของ BLA Happy Health ที่ขาดความคุ้มครองผู้ป่วยนอกของโรคมะเร็งและไต ทำให้การหาประกันโรคร้ายแรงแบบเจอจ่ายจบมาเสริมจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ถึงแม้จะมีการทำประกันค่ารักษาโรคร้ายแรงเพิ่มแล้วก็ตาม (เพื่อมีเงินหมุนในการสำรองจ่ายก่อนเคลมตรง)

ซึ่งของ BLA จะมีประกันโรคร้ายแรงเสี่ยงสูงแบบเบี้ยคงที่ชื่อว่า BLA Happy CI ที่ให้ความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี โดยเลือกจ่ายเบี้ยคงที่ 20 ปี หรือ จ่ายจนถึงอายุ 99 ปี ก็ได้ ซึ่งประกันรูปแบบนี้จะมีข้อดีกว่าประกันชีวิตควบโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่ของบริษัทอื่นๆ ตรงที่จะให้ความคุ้มครองต่อเบี้ยที่มากกว่า

รวมถึงมีประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่ จะมีเบี้ยรวมที่น้อยกว่าเบี้ยรวมของประกันโรคร้ายแรงแบบเบี้ยเพิ่มตามอายุอย่างมาก (แต่แบบเบี้ยคงที่ตอนอายุยังน้อย เบี้ยต่อปีจะสูงกว่าเบี้ยต่อปีของประกันโรคร้ายแรงแบบเบี้ยเพิ่มตามอายุ แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลังอายุ 60 ปี แบบเบี้ยคงที่จะมีเบี้ยต่อปีที่น้อยกว่าเบี้ยต่อปีของแบบเบี้ยเพิ่มตามอายุอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ)

ในขณะที่ BLA Happy Health Premier จะเสมือนมีประกันโรคร้ายติดมาในตัว แต่เปลี่ยนจากโรคร้ายเป็นเงินชดเชยสภาวะวิกฤตแทน เพื่อให้มีโอกาสเคลมได้ง่ายกว่าประกันโรคร้ายแรงทั่วไปที่ต้องเป็นโรคร้ายแรงถึงระยะที่ตรงกับเงื่อนไขคำนิยามของโรคร้ายแรงแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถเคลมได้ โดยความคุ้มครองนี้จะสำคัญอย่างมากในการเป็นเงินหมุนสำรองจ่ายก่อนในเวลาที่ต้องทำเรื่องขอความอนุเคราะห์เคลมตามความจำเป็นทางการแพทย์ของค่ารักษาผู้ป่วยนอกมะเร็งและไตในวิธีการรักษาใหม่ที่ไม่อยู่ใน NEW HEALTH STANDARD ได้ หรือ สามารถใช้ในกรณีฉายภาพขั้นสูงแบบผู้ป่วยนอก OPD เพื่อติดตามอาการของมะเร็งได้ 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเงินชดเชยภาวะวิกฤตนั้นเคลมได้ง่ายกว่าประกันโรคร้ายแรง แต่เบี้ยประกันที่เรียกเก็บไม่สูงมากในตอนอายุยังน้อย จึงสันนิษฐานได้ว่าไส้ในค่าประกันภัยเป็นลักษณะคล้ายกับประกันโรคร้ายแรงแบบเบี้ยเพิ่มตามอายุ คือ เบี้ยจะน้อยมากตอนอายุยังน้อย แต่เบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดภายหลังอายุ 60 ปี ซึ่งจะไปสอดคล้องกับเบี้ยประกันของ BLA Happy Health Premier ที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดตอนสูงอายุเช่นกันเมื่อเทียบกับ BLA Happy Health ทำให้ส่วนความคุ้มครองสภาวะวิกฤตนี้นี้มีความแตกต่างกับ BLA Happy CI ที่เป็นประกันโรคร้ายแรงแบบเบี้ยคงที่ ที่จะคงที่ตลอดสัญญาและไม่สร้างภาระในตอนสูงอายุมากนัก

ประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่เจอจ่ายจบ
 BLA HAPPY CI

HappyCI คุ้มครอง

สรุป : จะเห็นได้ว่าเมื่อ BLA Happy Health เน้นใช้กับ รพ. ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ในกรุงเทพ หรือ  รพ.เอกชนขนาดใหญ่ในต่างจังหวัด จะไม่ค่อยได้รับประโยชน์จากค่าห้องขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นมาของ BLA Happy Health Premier มากนัก 

รวมถึงในเรื่องค่าธรรมแพทย์ผ่าตัดของ BLA Happy Health หากเน้นสื่อสารกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายประกันของ รพ. ให้ชัดเจนตั้งแต่แรกว่า วงเงินค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดจะให้สูงสุดตามคู่มือค่าธรรมแพทย์ ปัญหาส่วนต่างที่ต่างจ่ายเองของค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดก็จะน้อยลงอย่างมาก

จึงทำให้จุดเด่นของ BLA Happy Health Premier จึงอยู่ที่การสามารถ Fax-Claim ค่ารักษาผู้ป่วยนอกของมะเร็งและไตได้ ซึ่งดีกว่า BLA Happy Health ที่ต้องซื้อประกันค่ารักษามะเร็งกับไต MTL Care plus เสริม แต่ต้องสำรองจ่ายก่อนเสมอ

รวมถึง BLA Happy Health Premier ยังมีเงินชดเชยภาวะวิกฤต 3 แสนบาทมาให้ด้วย ที่สามารถเป็นประโยชน์ในส่วนค่าตรวจวินิจฉัยฉาพภาพขั้นสูงได้ และยังสามารถเป็นเงินสำรองจ่ายค่ารักษาก่อน หากจำเป็นต้องขอความอนุเคราะห์ใช้วิธีการรักษาสมัยใหม่ที่ไม่อยู่ใน NEW HEALTH STANDRAD

อย่างไรก็ตามค่าประกันภัยของเงินชดเชยภาวะวิกฤตนี้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เบี้ยตอนสูงอายุของ BLA Happy Health Premier สูงมากกว่า BLA Happy Health แม้ BLA Happy Health จะมีการเพิ่มความคุ้มครองด้วย MTL Care plus และ BLA Happy CI แล้วก็ตาม

ข้อสังเกตุ : จะเห็นได้ว่า BLA Happy Health ที่ซื้อเพิ่มความคุ้มครองต่าง ๆ กับ BLA Happy Health Premier จะค่อนข้างสูสีกัน คือ มีข้อดีข้อจำกัดในคนละด้าน อย่างไรก็ตามจุดที่ช่วยชี้ขาดในการเลือก คือ จะอยู่ที่แบบ BLA Happy Health นั้นตั้งแต่ 2 ก.ย. 67 จะเหลือเฉพาะแบบที่มี Deductible เท่านั้น ซึ่งทำให้ผู้ที่ต้องการแบบ ไม่มี Deductible หรือ ต้องการเปลี่ยนเป็นแบบ ไม่มี Deductible ในภายหลังตอนเกษียน จะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป ซึ่งกลายเป็นจุดพิจารณาสำคัญตั้งแต่ 2 ก.ย. 67 ในตัดสินใจเลือกระหว่าง BLA Happy Health กับ BLA Happy Health Premier ในท้ายที่สุด

HH VS. HHP
แง่มุมเบี้ยประกัน

สรุปเบี้ยประกันตามอายุของ HH เทียบกับ HHP

Happy Health Premier 6
Happy Health Premier 7 e1726427975205
Happy Health Premier 8
HHP HH ส่วนต่างเบี้ยรวม 1

▍จากตารางเปรียบเทียบเบี้ยประกันจะเห็นได้ว่า เบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้นมาของ BLA Happy Health Premier จาก BLA Happy Health นั้น ในช่วงอายุยังน้อยเบี้ยจะเพิ่มขึ้นมายังไม่มากนัก ซึ่งจำนวนเบี้ยที่เพิ่มขึ้นหากไม่ได้มองในรูปแบบ % โดยมองในรูปแบบจำนวนเงินนั้น จะเท่ากันหาก HH เปลี่ยนเป็น HHP ในแผน X ล้านเดียวกัน 

เนื่องจากไม่ว่าจะมี Deductible เท่าใด แต่ความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นของแผน X ล้านนั้น ๆ คือเหมือนกัน เบี้ยจึงเพิ่มเท่ากันตามไปด้วย

อย่างไรก็ตามแม้ส่วนต่างเบี้ยรวมระหว่าง HH กับ HHP ในแผนเดียวกันดูจะค่อนข้างมาก แต่หากมองในมุมเบี้ยรายปีแล้วช่วงอายุยังน้อยเบี้ยจะต่างกันไม่มาก แต่จะเริ่มต่างกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงอายุหลัง 60 ปีเป็นต้นไป (ดังรูปด้านล่าง) ด้วยเพราะความเสี่ยงในภาวะวิกฤต และความเสี่ยงด้านโรคร้ายมะเร็งกับไต ที่สูงขึ้นตามอายุนั่นเอง

สรุปเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจาก HH เป็น HHP เมื่อเทียบกับเบี้ยของ Care plus

ผู้ชาย

ส่วนต่างเบี้ยHHกับHHPช รวมอายุ

คลิกดูเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจาก HH เป็น HHP ในแต่ละอายุ เทียบกับเบี้ย Care plus

ส่วนต่างเบี้ยHHกับHHPช

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et nam dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco nam laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aute irure dolor in reprehenderit in adec voluptate velit esse cillum dolore eu fugiat nulla pariatur.

▍เมื่อนำเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจาก 4 ความคุ้มครองใหม่ของ HHP มาเปรียบเทียบกับเบี้ย MTL Care plus ซึ่งเป็นประกันค่ารักษาโรคร้ายมะเร็งกับไต ที่ให้วงเงินความคุ้มครองสูงกว่า HHP  ( Care plus แผน X ล้าน จะให้วงเงิน X ล้านของมะเร็งกับไตแยกจากกัน )

จะเห็นได้ชัดว่าส่วนต่างของ HH กับ HHP ตอนอายุ 11-60 ปี จะใกล้เคียงกับเบี้ย Care plus อยู่บ้าง แต่ HHP จะได้เงินชดเชยสภาวะวิกฤต กับปลดล็อคค่าธรรมเนียมแพทย์ร่วมด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุหลัง 60 ปีเป็นต้น ด้วยความเสี่ยงของสุขภาพที่สูงมากขึ้น ทำให้ทั้งเงินชดเชยภาวะวิกฤตและการปลดล็อคค่าธรรมเนียมส่งผลให้ ส่วนต่าง HH กับ HHP เริ่มสูงเกือบเป็น 2 เท่าของเบี้ย Care plus ได้  

ผู้หญิง

ส่วนต่างเบี้ยHHกับHHPญ รวมอายุ

คลิกดูเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจาก HH เป็น HHP ในแต่ละอายุ เทียบกับเบี้ย Care plus

ส่วนต่างเบี้ยHHกับHHPญ

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et nam dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco nam laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aute irure dolor in reprehenderit in adec voluptate velit esse cillum dolore eu fugiat nulla pariatur.

▍ในฝั่งผู้หญิงนั้น ความเสี่ยงด้านโรคมะเร็งกับไต จะสูงกว่าผู้ชายเฉพาะก่อนอายุ 60 ปี แต่ภายหลังอายุ 60 ปีจะไม่ได้สูงมากเหมือนกับของผู้ชาย จึงทำให้เบี้ย Care plus ในช่วงสูงอายุไม่ได้พุ่งสูงขึ้นมากแบบเบี้ยของผู้ชาย โดยจะสะท้อนออกมาในเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อเปลี่ยนจาก HH เป็น HHP เช่นกัน

อย่างไรก็ตามผู้หญิงยังคงมีความเสี่ยงสภาวะวิกฤตและโรคอื่น ๆ ที่ยังสูงตามอายุอยู่ (ส่งผลต่อการปลดล็อคค่าธรรมเนียมแพทย์โดยตรง) จึงทำให้ในช่วงสูงอายุ ส่วนต่างของ HH >> HHP กับ เบี้ย Care plus จะค่อนข้างมากตามไปด้วย  

เปรียบเทียบเบี้ยรวมระหว่าง 
[จาก HH เป็น HHP] vs. 
[HH + Careplus + HappyCI-99/99]

ผู้ชาย

HH1ล้าน >> HHP1ล้าน vs. HH1ล้าน + Careplus1ล้าน + HappyCI-99/99 3แสน

HHP1vsHH1ช careplus1

HH1ล้าน >> HHP1ล้าน vs. HH1ล้าน + Careplus5ล้าน + HappyCI-99/99 3แสน

HHP1vsHH1ช

HH5ล้าน >> HHP5ล้าน vs. HH5ล้าน + Careplus5ล้าน + HappyCI-99/99 3แสน

HHP5vsHH5ช

HH10ล้าน >> HHP10ล้าน vs. HH10ล้าน + Careplus5ล้าน + HappyCI-99/99 3แสน

HHP10vsHH10ช

▍จากตารางจะเห็นภาพที่ชัดขึ้นว่า ระหว่างแบบที่เปลี่ยนจาก HH เป็น HHP กับ แบบที่เพิ่มความคุ้มครองให้ HH ด้วยเบี้ยรวม Care plus + HappyCI-99/99 ในอายุเริ่มทำประกันต่าง ๆ นั้น จะมีเบี้ยรวมของทั้ง 2 แบบแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าฝั่งของ HH >> HHP เบี้ยรวมจะต้องสูงกว่าแน่นอน ด้วยเพราะภาวะวิกฤตมีความเสี่ยงในการเคลมสูงกว่า Happy CI รวมถึงการปลดล็อคค่าธรรมเนียมแพทย์ย่อมส่งผลต่อทุกโรค ไม่ใช่เพียงโรคมะเร็งกับไตอย่างของ Care plus  แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าส่วนต่างเบี้ยรวมทั้ง 2 แบบนั้น น้ำหนักส่วนใหญ่ที่ทำให้แตกต่างกันมากจะมาจากหลังอายุ 60 ปีเป็นต้นไป 

ผู้หญิง

HH1ล้าน >> HHP1ล้าน vs. HH1ล้าน + Careplus1ล้าน + HappyCI-99/99 3แสน

HHP1vsHH1ญ careplus1

HH1ล้าน >> HHP1ล้าน vs. HH1ล้าน + Careplus5ล้าน + HappyCI-99/99 3แสน

HHP1vsHH1ญ

HH5ล้าน >> HHP5ล้าน vs. HH5ล้าน + Careplus5ล้าน + HappyCI-99/99 3แสน

HHP5vsHH5ญ

HH10ล้าน >> HHP10ล้าน vs. HH10ล้าน + Careplus5ล้าน + HappyCI-99/99 3แสน

HHP10vsHH10ญ

▍ในฝั่งของผู้หญิงนั้น ส่วนต่างเบี้ยรวม ระหว่างแบบที่เปลี่ยนจาก HH เป็น HHP กับ เบี้ยรวม Care plus + HappyCI-99/99 ในอายุเริ่มทำประกันต่าง ๆ นั้น จะแตกต่างกันมากกว่าของผู้ชายอย่างเห็นได้ชัด เนื่องด้วยเบี้ยรวมของ Care plus ผู้หญิงที่น้อยกว่าผู้ชายอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามผู้หญิงยังมีความเสี่ยงของโรคอื่น ๆ ที่สูงกว่าผู้ชายได้อีกหลายโรค

▍สรุป :  ในมุมมองเบี้ยประกัน แบบที่ HH เปลี่ยนเป็น HHP นั้น ย่อมมีเบี้ยที่สูงกว่า แบบที่เพิ่มเบี้ยให้ HH เพื่อซื้อความคุ้มครอง Care plus + Happy CI ในระยะยาว ทั้งด้วยความเสี่ยงด้านโรคมะเร็งกับไตที่ HHP สามารถ Fax-Claim ได้ แต่ Care plus ยังไม่ได้ และความเสี่ยงเงินชดเชยภาวะวิกฤตที่เสี่ยงมากกว่า Happy CI รวมถึงการปลดล็อคค่าธรรมเนียมแพทย์ที่สามารถใช้ได้กับทุกโรค

ดังนั้นหากมองว่าเบี้ยที่เพิ่มขึ้นของแบบที่เปลี่ยน HH เป็น HHP นั้นยอมรับได้ เพื่อแลกกับความคุ้มครองที่กล่าวมา HHP จะเป็นแบบประกันที่น่าสนใจได้มากกว่า

แต่ถ้ามองว่าส่วนต่างที่อาจเกิดขึ้นของ HH ในเรื่องค่าธรรมเนียมแพทย์ และการหมุนเงินเพื่อสำรองจ่าย Care plus ไปก่อนด้วย Happy CI เป็นเรื่องที่สามารถจัดการได้ และต้องการที่จะประหยัดเบี้ยตอนสูงอายุให้ได้มากขึ้น 

รวมถึงมีการวางแผนเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับค่ารักษาไว้ด้วย การถือ HH ต่อไปแล้วค่อยเพิ่มความคุ้มครองด้วยสัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองอื่น ๆ จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจ

แม้แต่การสมัครทำ HH ปัจจุบันที่มีเฉพาะแบบมี Deductible และไม่สามารถเปลี่ยนเป็นแบบไม่มี Deductible ได้ก็ตาม (หากต้องการเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินไว้จ่ายค่า Deductible เองด้วยในตอนเกษียณ)

▍ข้อสังเกตุ : การเพิ่มความคุ้มครองโรคร้ายแรงให้ HH ด้วย BLA Happy CI นั้น เนื่องจากเป็นแบบเบี้ยคงที่จึงทำให้เบี้ยช่วงก่อนเกษียณจะดูค่อนข้างสูงกว่า HHP แต่เพราะเบี้ยคงที่ไปเรื่อย ๆ จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่แม้จะสูงอายุขึ้นไปแล้ว Happy CI ก็จะไม่ส่งผลให้เบี้ยโดยรวมสูงขึ้นมาก ซึ่งแตกต่างกับสภาวะวิกฤตของ HHP

นอกจากนี้ Happy CI ยังมีมูลค่าเวนคืนหากยกเลิกสัญญา และหากกำลังในการจ่ายเบี้ยมากขึ้นการเลือกชำระเบี้ยแบบ 20 ปีคุ้มครองยาวถึงอายุ 99 ปี ก็จะมีเบี้ยรวมที่น้อยกว่า รวมถึงมีมูลค่าเวนคืนที่สูงกว่าด้วย ในขณะที่ Care plus เองสามารถยกเลิกสัญญาได้เช่นกันแต่จะไม่มีมูลค่าเวนคืนใด ๆ

วิธีการเปลี่ยน
จาก HH เป็น HHP

สำหรับผู้ทำประกัน HH ตัวเดิม แต่พิจารณาเรียบร้อยว่าต้องการเปลี่ยนเป็น HHP นั้น จะสามารถทำได้ เพียงแต่การเปลี่ยนแบบประกันสุขภาพจากที่รับความเสี่ยงน้อยกว่า (เบี้ยน้อยกว่า) มาเป็นแบบประกันสุขภาพที่รับความเสี่ยงมากกว่า (เบี้ยมากกว่า) นั้น จำเป็นจะต้องการมีการพิจารณาใหม่ และ นับระยะรอคอยใหม่เสมอ

รวมถึงทุกแบบประกันสุขภาพของ BLA จะมีการรับความเสี่ยงร่วมกับบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศ จึงทำให้การที่จะขอให้เปลี่ยนเป็นแบบประกันสุขภาพที่รับความเสี่ยงมากกว่า โดยไม่ต้องมีการพิจารณาหรือนับระยะรอคอยใหม่เป็นกรณืพิเศษให้กับผู้ที่ถือ HH เดิมได้นั้น จะเป็นเรื่องค่อนข้างยาก

อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศ เห็นว่าหากผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแบบประกันจาก HH เป็น HHP นั้น ไม่มีประวัติการรักษาใด ๆ ตลอด 5 ปี ก่อนวันที่ยื่นเรื่องเปลี่ยนแบบประกัน (หมายความว่านับรวมไปถึงตอนที่ทำประกัน HH เดิมด้วย เพราะ HH เดิมยังมีอายุไม่ครบ 5 ปี)

ซึ่งถ้าเข้าตามเงื่อนไขนี้ได้จะเป็นเคสที่สะอาดจากประวัติการรักษาจริง ๆ จึงเห็นชอบให้สามารถให้เปลี่ยนจาก HH เป็น HHP ได้ โดยที่ไม่ต้องมีการพิจารณาใหม่ หรือ นับบระยะรอคอยใหม่ใด ๆ แต่อย่างไรก็ตามถ้าผู้ถือ HH ไม่ปลอดภัยจากประวัติการรักษาจะจำเป็นต้องพิจารณาและนับระยะรอคอยใหม่เสมอหากต้องการเปลี่ยนเป็น HHP

ทั้งนี้จะสามารถพิจารณาขั้นตอนการเปลี่ยนแบบประกันสุขภาพจาก HH เป็น HHP ได้ดังต่อไปนี้ 

1. ผู้ถือประกัน HH ที่ 'เข้า' เงื่อนไขการเปลี่ยนแบบประกันได้โดยไม่ต้องพิจารณาใหม่ 

สิ่งที่จะได้หากเป็นผู้ถือประกัน HH ที่เข้าเงื่อนไข

  • ได้รับพิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องพิจารณาใหม่
  • ได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องไม่ต้องนับระยะรอคอยใหม่ ยกเว้นวงเงินคุ้มครองเฉพาะในส่วนที่เพิ่มขึ้นของหมวด 9-11 และความคุ้มครองผู้ป่วยอาการวิกฤตที่ต้องนับระยะรอคอยใหม่ทั้งแบบ 30 วัน และ 120 วัน
  • นับระยะเวลาที่สัญญาเพิ่มเติมมีผลบังคับต่อเนื่องจากสัญญาเพิ่มเติม บีแอลเอ แฮปปี้ เฮลธ์ ในการใช้สิทธิปรับลดจำนวนความรับผิดส่วนแรก เมื่อสัญญาเพิ่มเติมมีผลบังคับอย่างต่อเนื่องครบอย่างน้อย 5 ปี และมีอายุอยู่ในช่วง 55-65 ปี

คุณสมบัติของผู้ถือประกัน HH ที่เข้าเงื่อนไข

  1. ชำระเบี้ยประกันภัยในอัตราปกติ ไม่มีเบี้ยเพิ่มพิเศษ และ ไม่มีข้อเสนอขอข้อยกเว้นความคุ้มครองใด ๆ
  2. ไม่มีประวัติการเรียกร้องสินไหมจากสัญญาเพิ่มเติม บีแอลเอ แฮปปี้ เฮลธ์ ตั้งแต่วันเริ่มคุ้มครองจนถึงวันที่แจ้งใช้สิทธิ์
  3. ไม่มีประวัติการเรียกร้องสินไหมค่ารักษาพยาบาลจากโรคเรื้อรังหรือรุนแรง หรือ ไม่มีการเรียกร้องสินไหมที่ผิดปกติ จากแบบประกันสุขภาพอื่น ๆ ของบริษัท
  4. ไม่มีประวัติสุขภาพ ที่เคยบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือ เคยได้รับการตรวจสุขภาพ หรือ การตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค หรือ รับการผ่าตัด หรือ การแนะนำจากแพทย์แผนปัจจุบัน หรือ แพทย์ทางเลือก เพื่อรับการรักษาใด ๆ ภายในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา 
  5. ไม่มีประวัติสุขภาพ การมองเห็นผิดปกติ กล้ามเนื้ออ่อนแรง การเคลื่อนไหวของร่างกายผิดปกติ ร่างกายสูญเสีย ประสาทรับความรู้สึก ปวดศีรษะรุนแรงเรื้อรัง ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด เหนื่อยง่ายผิดปกติ เจ็บหรือแน่นหน้าอก ใจสั่น ปวดท้องเรื้อรัง อาเจียนหรือ ถ่ายเป็นเลือด ท้องมาน ท้องเสียเรื้อรัง มีเลือดปนในปัสสาวะ คลำพบก้อนเนื้อ น้ำหนักลด ไข้เรื้อรัง โรคผิวหนังเรื้อรัง ท้องผูกเรื้อรัง การพูดผิดปกติ ตัวเหลือง ตาเหลือง ภาวะการมีโปรตีนปนในปัสสาวะ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือมีน้ำตาลในปัสสาวะ เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ประจำเดือนมามากผิดปกติ พิการทางร่างกาย
  6. ต้องเปลี่ยนแบบเป็นสัญญาเพิ่มเติมบีแอลเอ แฮปปี้ เฮลธ์ พรีเมียร์ ภายใน 15 ก.ย. - 31 ธ.ค. 2567
  7. หากข้อ 4-5 ไม่ได้แถลงตามจริง และเมื่อเกิดการเคลมขึ้น ซึ่งมีการสืบประวัติแล้วพบว่าขัดแย้งกับที่แถลง บริษัทขอสงวนสิทธิพิจารณาเงื่อนไขการให้ความคุ้มครอง หรือ สิทธิบอกล้างสัญญา HHP ต่อไป

แผนที่สามารถเปลี่ยนไปได้

Happy Health Premier 10

ขั้นตอนดำเนินการ

Happy Health Premier 11 1

เบื้องต้นหากท่านที่ทำประกัน HH กับทางเรา และต้องการเปลี่ยนเป็น HHP พร้อมพิจารณาแล้วว่าเข้าเงื่อนไขทั้งหมดในการเปลี่ยนเป็น HHP ได้โดยไม่ต้องมีการพิจารณาใหม่หรือนับระยะรอคอยใหม่

จะสามารถแจ้งทาง Line OA ของทางเราว่า "ต้องการเปลี่ยนเป็นแบบ HHP กรณีพิเศษ"

เพื่อให้ทางเราจัดเตรียมเอกสารการ ใบคำขอเปลี่ยนแปลงกรณีพิเศษเข้าเงื่อนไข และใบคำขอทำประกันแถลงสุขภาพแบบย่อ ให้กับท่าน เพื่อให้ท่านสามารถเซ็นยืนยันและส่งเอกสารพร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชน ให้กับทางเรายื่นเรื่องเข้าบริษัทได้

โดยเมื่อบริษัทอนุมัติการเปลี่ยนแบบเรียบร้อย จะมีการแจ้งให้ท่านชำระเบี้ยเพิ่มเติมภายใน 3 วัน โดยเมื่อชำระเบี้ยเรียบร้อยจะรออีกประมาณ 3 วันทำการ เพื่อให้ขบวนการยกเลิก HH และเพิ่ม HHP เข้ามาในระบบของท่านเสร็จสิ้น และ เพื่อทางฝ่ายบริการแก้ไขกรมธรรม์ได้ส่งสลักหลังความคุ้มครอง HHP ให้ท่านต่อไป 

2. ผู้ถือประกัน HH ที่ 'ไม่เข้า' เงื่อนไขการเปลี่ยนแบบประกันโดยไม่ต้องพิจารณาใหม่ 

จากเงื่อนไขที่บริษัทรับประกันภัยต่อกำหนดมานั้น ทำให้เห็นว่ายากอย่างมากที่จะมีผู้ถือ HH สามารถเข้าเงื่อนไขได้ เว้นแต่จะต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงและดวงแข็งแรงจริง ๆ จนไม่เคยเข้ารับการรักษาด้วยโรคภัยหรืออาการบาดเจ็บใดเลย ๆ หรือแม้แต่การตรวจสุขภาพผลก็ต้องออกมาดีและปกติทุกอย่างตลอดระยะเวลา 5 ปี เพื่อที่จะสามารถ bypass การพิจารณารับประกันได้

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะไม่เข้าเงื่อนไขเปลี่ยนแบบเป็น HHP ได้โดยไม่ต้องพิจารณาใหม่ แต่ก็ยังสามารถเปลี่ยนแบบเป็น HHP ได้โดยขั้นตอนปกติ ซึ่งจะมีวิธีการเปลี่ยนให้เลือกด้วยกัน 2 แบบต่อไปนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับระยะรอคอยที่ต้องนับใหม่

(อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแบบนี้ จะต้องระวังว่าการพิจารณาใหม่ที่อาจไปเพิ่มข้อยกเว้นความคุ้มครองของโรคหรืออาการที่มีประวัติการรักษาเพิ่มขึ้นมาหลังจากตอนทำ HH และยังไม่หายขาด แต่ถ้าไม่มีประวัติเพิ่มทุกอย่างจะยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่นับระยะรอคอยใหม่เท่านั้น)

A. เปลี่ยน HHP มาแทน HH โดยพิจารณาและนับระยะรอคอยใหม่ทันที (เหมาะกับผู้ที่สุขภาพแข็งแรงและเหลือเวลาก่อนครบปีกรมธรรม์น้อยกว่า 30 วัน หรือ 120 วัน)

เบื้องต้นหากท่านที่ทำประกัน HH กับทางเรา และต้องการเปลี่ยนเป็น HHP มาแทนที่ HH ทันที 

จะสามารถแจ้งทาง Line OA ของทางเราว่า "ต้องการเปลี่ยนเป็น HHP กรณีแบบ A"

เพื่อให้ทางเราจัดเตรียมเอกสารการ ใบคำขอเปลี่ยนแปลงแบบ HH เป็น HHP กับ ใบคำขอทำประกันแบบแถลงสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อให้ท่านสามารถเซ็นยืนยันและส่งเอกสารพร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนให้กับทางเรายื่นเรื่องเข้าบริษัทได้

ทั้งนี้จะใช้เวลาประมาณ 5-7 วันทำการ ที่ฝ่ายพิจารณาใช้ในตรวจสอบเอกสาร คำแถลงสุขภาพ และอาจมีการขอประวัติการรักษาเพิ่มเติมได้

โดยหากมีการขอประวัติการักษาเพิ่มเติมจะมีเวลาให้ดำเนินการประมาณ 7 วัน โดยเมื่อฝ่ายพิจารณาได้รับประวัติ จะดำเนินการพิจารณาอีกประมาณ 5-7 วัน จากนั้นจะแจ้งผลว่ามีการขอยกเว้นความคุ้มครองใดเพิ่มหรือไม่

ซึ่งท่านสามารถพิจารณาข้อเสนอ หากตกลงรับข้อเสนอจะสามารถชำระเบี้ยเพิ่มเติมพร้อมเซ็นเอกสารตอบรับข้อเสนอ เพื่อให้ทางเราส่งต่อถึงฝ่ายพิจารณาได้ต่อไป (แต่หากไม่ตอบรับจะถือว่าเป็นการยกเลิกการเปลี่ยนแปลงโดยอัตโนมัติ)

และรออีกประมาณ 3 วันทำการ เพื่อให้ขบวนการยกเลิก HH และเพิ่ม HHP เข้ามาในระบบกรมธรรม์ของท่านเสร็จสิ้น และฝ่ายบริการแก้ไขกรมธรรม์ได้ส่งสลักหลังความคุ้มครอง HHP ให้ท่านต่อไป 

B. เพิ่ม HHP เข้ามาและรอจนกระทั่ง HHP ครบระยะรอคอยจึงยกเลิก HH (เหมาะกับผู้ที่เหลือเวลาก่อนครบปีกรมธรรม์นานกว่า 120 วัน)

เบื้องต้นหากท่านที่ทำประกัน HH กับทางเรา และต้องการเปลี่ยนเป็น HHP แต่ยังต้องการเก็บ HH ตัวเดิมไว้ก่อน เพื่อรอจนกระทั่ง HHP ครบระยะรอคอยแล้วจึงค่อยยกเลิก HH

จะสามารถแจ้งทาง Line OA ของทางเราว่า "ต้องการเปลี่ยนเป็น HHP กรณีแบบ B"

เพื่อให้ทางเราจัดเตรียมเอกสารการ ใบคำขอเปลี่ยนแปลงเพิ่ม HHP , ใบคำขอทำประกันแบบแถลงสุขภาพอย่างละเอียด , และ ใบคำขอเปลี่ยนแปลงยกเลิกแบบประกัน HH เพื่อให้ท่านสามารถเซ็นยืนยันและส่งเอกสารพร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนให้กับทางเรายื่นเรื่องเข้าบริษัทได้

ทั้งนี้จะใช้เวลาประมาณ 5-7 วันทำการ ที่ฝ่ายพิจารณาใช้ในตรวจสอบเอกสาร คำแถลงสุขภาพ และอาจมีการขอประวัติการรักษาเพิ่มเติมได้

โดยหากมีการขอประวัติการักษาเพิ่มเติมจะมีเวลาให้ดำเนินการประมาณ 7 วัน โดยเมื่อฝ่ายพิจารณาได้รับประวัติ จะดำเนินการพิจารณาอีกประมาณ 5-7 วัน จากนั้นจะแจ้งผลว่ามีการขอยกเว้นความคุ้มครองใดเพิ่มหรือไม่

ซึ่งท่านสามารถพิจารณาข้อเสนอ หากตกลงรับข้อเสนอจะสามารถชำระเบี้ยเพิ่มเติมพร้อมเซ็นเอกสารตอบรับข้อเสนอ เพื่อให้ทางเราส่งต่อถึงฝ่ายพิจารณาได้ต่อไป

และรออีกประมาณ 3 วันทำการ เพื่อให้ขบวนการเพิ่ม HHP เข้ามาในระบบกรมธรรม์ของท่านเสร็จสิ้น และฝ่ายบริการแก้ไขกรมธรรม์ได้ส่งสลักหลังความคุ้มครอง HHP ให้ท่านต่อไป

จากนั้นเมื่อใกล้ครบระยะเวลารอคอยของ HHP ทางเราจะทำการยื่นเใบคำขอเปลี่ยนแปลงยกเลิกแบบประกัน HH ในกรมธรรม์ของท่านต่อไป ซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 5-7 วันทำการ

▍สรุป :  การเปลี่ยนแบบประกันของ BLA ในปัจจุบันนั้น ยังต้องทำผ่านแบบฟอร์มกระดาษอยู่ จึงทำให้ต้องมีการจัดเตรียมเอกสาร และ Process เกี่ยวกับเอกสารต่าง ๆ เพิ่มเติม จึงทำให้ขบวนการจะใช้เวลามากกว่าตอนทำประกันใหม่ ที่สามารถทำผ่านระบบออนไลน์ได้ทันที

▍ข้อสังเกตุ : ในกรณีต้องการเปลี่ยนแบบ B จะยังสามารถสมัครเป็นกรมธรรม์อีกหนึ่งกรมธรรม์ได้อีกทาง ซึ่งจะสามารถทำผ่านระบบออนไลน์ได้ เพียงแต่วิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการทำประกันชีวิตในเล่มกรมธรรม์ใหม่เพิ่มขึ้นจากทุนประกันในกรมธรรม์เดิมเท่านั้น

บทสรุป BLA Happy Health VS.
 BLA Happy Health Premier

การมาของ BLA Happy Health Premier ช่วยทำให้แบบประกันตระกูล Happy Health มีความสมบูรณ์มากขึ้นและใช้เป็นประกันสุขภาพตัวหลักตัวเดียวในเบี้ยที่ย่อมเยาได้ โดยเฉพาะกับผู้ที่เพิ่งมีประกันสุขภาพฉบับแรก 

เนื่องจาก BLA Happy Health Premier มีการเพิ่มวงเงินความคุ้มครองของค่ารักษาผู้ป่วยนอกมะเร็งกับไตที่สามารถ Fax-Claim ได้ และยังมีเงินชดเชยในภาวะวิกฤตให้สำหรับวิธีการรักษาแบบใหม่ที่ประกันสุขภาพแบบ NEW HEALTH STANDARD ในปัจจุบันที่ยังไม่ครอบคลุม รวมถึงการปลดล็อคค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดให้เป็นจ่ายตามจริงได้ 

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ถือ BLA Happy Health เดิม จะไม่สามารถใช้เป็นประกันสุขภาพตัวหลักได้ เพียงแต่อาจต้องมีการเพิ่มเติมความคุ้มครองเข้ามาให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งเบี้ยประกันที่ใช้เพิ่มจะสามารถน้อยกว่าเบี้ยการเปลี่ยนเป็น BLA Happy Health Premier ในระยะยาวได้อีกด้วย (แต่ถ้าในระยะสั้นตอนอายุยังไม่มากเบี้ยต่อปี อาจสูงกว่า)

โดยการเพิ่มความคุ้มครองประกันค่ารักษามะเร็งกับไต (Fax-Claim ไม่ได้) และการเพิ่มประกันโรคร้ายแรงเจอจ่ายจบแบบเบี้ยคงที่เข้ามา ซึ่งประกันโรคร้ายแรงนี้จะมาช่วยในเรื่องการหมุนเงินสำรองจ่ายค่ารักษามะเร็งกับไต ในเวลาที่รอการเคลมตรงกับประกันค่ารักษามะเร็งกับไตได้ (หากไม่เป็นมะเร็งหรือไต สามารถยกเลิกประกันโรคร้ายแรงนี้และยังมีมูลค่าเวนคืนกลับมาให้อีกด้วย)

รวมถึงก่อนตัดสินใจผ่าตัดด้วย HH หากย้ำทางเจ้าหน้าที่ รพ. หรือ มีการทำ Pre-Claim ก่อนผ่าตัดว่า ค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดจะยึดตามคู่มือค่าธรรมแพทย์เล่มล่าสุด ก็จะทำให้โอกาสที่จะมีส่วนต่างเรื่องค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดลดลงอย่างมาก (โดยเฉพาะกับ รพ. เอกชนขนาดกลางลงมา)

ทั้งหมดนี้เองจึงสามารภทำให้ BLA Happy Health เป็นประกันสุขภาพตัวหลักด้วยเบี้ยรวมที่น้อยกว่า BLA Happy Health Premier ได้

นอกจากนี้การจะตัดสินใจเลือกระหว่าง  BLA Happy Health กับ BLA Happy Health Premier ได้นั้น จะต้องพิจารณาด้วยว่าเป็นประกันสุขภาพส่วนบุคคลเล่มแรกหรือไม่ เพราะหากเป็นเล่มแรกรวมถึงมีประกันกลุ่มจากบริษัทร่วมด้วยอยู่แล้ว การพิจารณา BLA Happy Health Premier แบบมี Deductible จะน่าสนใจกว่า BLA Happy Health แบบเดิม

เพราะ BLA Happy Health แบบเดิม หากเริ่มทำประกันแบบ มี Deductible 30,000 บ. ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. 67 เป็นต้นไป จะไม่สามารถเปลี่ยนไปเป็นแบบ ไม่มี Deductible ตอนเกษียณอายุ 55-65 ปี โดยไม่ต้องพิจารณาใหม่ได้อีกแล้ว ในขณะที่ BLA Happy Health Premier ยังคงเปลี่ยนจาก มี Deductible 30,000 บ. เป็น มี Deductible 0 บ. หรือ ไม่มี Deductible ในตอนอายุ 55-65 ปี ได้โดยไม่ต้องพิจารณาใหม่ใด ๆ

แต่ถ้าหากมองหาประกันสุขภาพตัวที่สอง ที่จะมาเสริมเรื่องค่าห้อง และเพิ่มวงเงินความคุ้มครองผู้ป่วยในให้มากขึ้น เนื่องจากประกันสุขภาพที่มีอยู่ครอบคลุมค่ารักษาผู้ป่วยนอกมะเร็งกับไตเพียงพอแล้ว ก็จะทำให้ BLA Happy Health แบบมี Deductible จะน่าสนใจกว่า BLA Happy Health Premier อย่างมาก

ดังนั้นการตัดสินใจเลือกระหว่าง BLA Happy Health กับ BLA Happy Health Premier จึงจะต้องพิจารณาปัจจัยแวดล้อมควบคู่ด้วย เนื่องจากแบบประกันทั้ง 2 แบบ จะมีดีในตนเองในสถานการณ์ที่เหมาะสมตามที่ได้กล่าวมา

บทส่งท้าย
Happy Health Premier หรือ
 Prestige Health Unlock

กราฟเบี้ย PHUL 20ล. กับ HHP 10ล 0

เบี้ยประกันอายุ 11-60 ปี

กราฟเบี้ย PHUL 20ล. กับ HHP 10ล 1

เบี้ยประกันอายุ 61-98 ปี

▍จากกราฟเปรียบเทียบเบี้ยประกัน จะเห็นได้ชัดเจนว่า PHUL20ล จะมีเบี้ยที่สูงกว่า HHP10ล ในทุกช่วงอายุของทั้งชายและหญิง (PHUL เบี้ยชายหญิงจะเท่ากัน) ในขณะที่ PHUL20ล. มีรับผิด 50,000 บ. จะมีช่วงอายุที่เบี้ยน้อยกว่า HHP10ล. อยู่ เพียงแต่หลังอายุ 80 ปีขึ้นไป HHP10ล. เบี้ยจะน้อยกว่าอย่างชัดเจน แม้ว่าช่วงอายุ 61-80 เบี้ยประกันทั้ง 4 แผนจะมีความใกล้เคียงกันมากก็ตาม

▍สรุป :  ในมุมมองเบี้ยประกันต้องยอมรับว่า HHP10ล  PHUL20ล-รับผิด50000 และ PHUL20ล มีความใกล้เคียงกันในระดับหนึ่ง กล่าวคือไม่ได้แตกต่างกันมากอย่างก้าวกระโดดนัก แต่ในแง่มุมของความคุ้มครองแล้ว ต้องยอมรับว่าตระกูล Happy Health จะให้ความคุ้มครองน้อยกว่าตระกูล Prestige Health อย่างมาก (เป็นอีกหนึ่งสาเหตุว่าทำไมตระกูล Prestige Health จึงรับทำประกันยากกว่า ตระกูล Happy Health เช่น เพียงเป็นโรค Office Syndrome ตระกูล Prestige Health ก็จะไม่รับทำประกันแล้ว)

ซึ่งโดยปกติ ขบวนการการรักษาจะประกอบไปด้วยทั้งผู้ป่วยนอก OPD และผู้ป่วยใน IPD ซึ่งตระกูล Happy Health จะชัดเจนตรงที่ จะเน้นคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาที่เป็นผู้ป่วยในเท่านั้น

ถึงแม้จะมีการเพิ่มแผน Happy Health Premier เข้ามา ก็เพียงเพื่อจะให้ความคุ้มครองผู้ป่วยในสมบูรณ์แบบมากขึ้น โดยเฉพาะส่วนค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัด กับ ยอมรับว่าการรักษามะเร็งจำเป็นต้องเป็นแบบ OPD ร่วมด้วย แต่ก็ได้ความคุ้มครองเฉพาะ OPD มะเร็งที่สูงสุด 5 ล้านต่อปีเท่านั้น (ที่ปัจจุบันมีโอกาสที่จะเพียงพอได้ แต่ในอนาคตอีกสักสิบปีจะยังเป็นคำถามว่า 5 ล้านบาทต่อปีจะเพียงพอหรือไม่)

ในขณะที่ตระกูล Prestige Health จะเน้นให้ความคุ้มครองครอบคลุมขบวนการรักษาทั้ง OPD และ IPD รวมถึงอุดช่องโหว่ต่าง ๆ ของประกันสุขภาพมาตรฐานใหม่ปี 64 ที่ยังไม่ครอบคลุมค่ารักษาโรคล้มละลายอย่างมะเร็งให้ได้มากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าวงเงินค่ารักษามะเร็ง OPD ที่เริ่มต้นให้สูงถึง 20 ล้านบาทนั้น สามารถที่จะเพียงพอกับในอนาคตอีกหลายสิบปีได้

ดังนั้นหากต้องการโอนความเสี่ยงของโรคมะเร็งอย่างจริงจัง และด้วยเบี้ยที่มีความใกล้เคียงกันอยู่นี้ (ในช่วงอายุไม่เกิน 80 ปี) Prestige Health Unlock 20ล จะน่าสนใจ แต่ถ้าหากกังวลว่าโอกาสที่จะเป็นโรคมะเร็งน่าจะน้อยแต่ก็อยากครอบคลุมขบวนการรักษาทั้ง IPD/OPD  แผน Prestige Health Unlock 20ล รับผิด 50,000 จะมีความน่าสนใจกว่า ทั้งนี้การจ่ายรับผิดจะจ่ายเฉพาะความคุ้มครองหมวดผู้ป่วยในเท่านั้น (ยกเว้นหมวดที่ 6 - ตรวจวินิจฉัย OPD ทั่วไปก่อน/หลัง แอดมิต 30 วัน และรักษา OPD หลังแอดมิต 30 วัน )

อย่างไรก็ตามหากมองว่าไม่กังวลค่าตรวจวินิจฉัยและรักษาแบบ OPD ที่เกี่ยวเนื่องกับ IPD รวมถึงมองว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งที่น้อยมาก และขอเพียงให้มี OPD ค่ารักษามะเร็งให้ได้อุ่นใจไว้บ้าง แผน Happy Health Premier 10ล ก็จะเป็นคำตอบที่น่าสนใจกว่าได้

▍ข้อสังเกตุ : ค่าตรวจวินิจฉัยฉายภาพขั้นสูงแบบ OPD ทั้ง MRI/ CT-Scan/ PET-Scan ที่ต้องใช้ในการตรวจวินิจฉัยว่าต้องผ่าตัดหรือไม่ และการติดตามอาการหลังการผ่าตัดใหญ่ รวมไปถึงการใช้ในการติดตามอาการของการรักษามะเร็ง ซึ่งค่าใช้จ่ายต่อครั้งในปัจจุบันจะอยู่ที่ 20,000 - 70,000 บ. ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องสแกน ซึ่งจำเป็นต้องมีการตรวจติดตามอาการอย่างน้อย 1-3 เดือนต่อครั้ง ในระหว่างการรักษา หรือแม้แต่ในช่วงที่มะเร็งสงบ 

แน่นอนว่าแผน Happy Health Premier จะไม่สามารถให้ความคุ้มครอง OPD ส่วนนี้ได้ ในขณะที่ Prestige Health Unlock 20ล แบบมีรับผิด จะให้ความคุ้มครองส่วนนี้แบบไม่ต้องจ่ายรับผิดได้เพราะเป็น OPD ส่วนฉาพภาพขั้นสูง ซึ่งการให้ความคุ้มครองขบวนการรักษาส่วน OPD นี้ด้วย อย่างน้อยก็ยังรู้ว่าหากต้องจ่ายรับผิดจะอยู่ที่ปีละ 50,000 บ. อย่างแน่นอน ถ้าปีนั้นมีการรักษาเป็นผู้ป่วยในร่วมด้วย (แต่หากเจ็บป่วยโดยโรคทั่วไปที่ไม่ต้องผ่าตัด การจ่ายรับผิด 50,000 บ. จึงเหมือนกับการรับความเสี่ยงโรคทั่วไปเหล่านี้ไว้เอง)

ในขณะที่ Happy Health Premier จะต้องลุ้นว่าให้การเจ็บปวดหรือบาดเจ็บจะไม่รุนแรง ไม่ต้องผ่าตัด และไม่จำเป็นต้องมีขบวนการตรวจรักษาแบบ OPD ที่ราคาสูงมากเท่าใดนัก เพราะถ้าเกิดรุนแรงขึ้นมา หรือ โชคร้ายเป็นมะเร็ง โอกาสที่ต้องจ่ายส่วนต่างค่าตรวจวินิจฉัย OPD จะมีโอกาสที่มากกว่า 50,000 บ. ได้สูง ทั้งยังไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายนี้จะจบลงที่เท่าใด

การวางแผนเก็บเงินและเกษียณอย่างจริงจัง เริ่มขึ้น เมื่อเข้าใจ..

วิธีใช้ธรรมชาติของเครื่องมือการเงินที่จำเป็นให้เกิดประโยชน์สูงสุด

"ตน (ในปัจจุบัน) จักเป็นที่พึ่งของตน (ในอนาคต)"

เกี่ยวกับผู้เขียน

  • แอนนี่ค่ะ2

    จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตการทำงานทั้งหมดของแอนนี่ในสายงาน CRM ได้พบว่า ความไม่รู้ เป็นศัตรูที่แพงอย่างมากในโลกของการเงิน ซึ่งในหลายครั้งกว่าจะรู้และเข้าใจก็อาจจะสายไปแล้ว และนี้คือสาเหตุใหญ่ที่ทางเรา จะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ โดยให้ความรู้ทางการเงินที่ดีและเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงการป้องกันไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากความไม่รู้นี้ ผ่านเว็บไซต์ Release your Risk ที่ต้องการให้ทุกคนได้ปล่อยความเสี่ยงที่ตนเองถือไว้อยู่ ผ่านเครื่องมือทางการเงินด้วยความเข้าใจ และมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

>
Scroll to Top

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ตกลงทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก