ประกันสุขภาพที่ไหนดี สำหรับลดหย่อนภาษี 2567

หากดำเนินการ ออมเงิน และ กำหนดหน้าที่ของเงินออม ให้เป็นดังต่อไปนี้ 

  • เงินค่ารักษาโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องได้การรักษาที่ดีและโดยเร็วที่สุด
  • เงินค่ารักษาที่ไม่สามารถทราบจำนวนเงินที่ควรมีล่วงหน้าได้
  • เงินเพื่อป้องกันการล้มละลายจากค่ารักษาของ รพ. ที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกปี
  • เงินที่ช่วยให้ตอนเกษียณไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา
  • เงินที่ช่วยให้ทราบว่าควรจะออมแต่ละปีเท่าใดจึงจะเพียงพอ

จะทำให้เครื่องมือการออมที่เหมาะสมที่สุด คือ..

ประกันสุขภาพ

ทำไมการทำประกันสุขภาพ จึงเป็นการออม และการวางแผนเหษียณ

คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าการทำประกันสุขภาพนั้น ม่ใช่การออมแต่เป็นลักษณะจ่ายเบี้ยทิ้ง ที่มีโอกาสขาดทุน หากไม่ได้ป่วย..(แม้ทุกคนต้อง เจ็บป่วย แก่ชรา และจากไป) 

ดังนั้นในความเป็นจริงแล้ว เกือบทุกบริษัทประกันจึงเสี่ยงขาดทุนกับประกันสุขภาพสูงมาก โดยเฉพาะกับแบบประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่ครอบคลุมไปถึงตอนเกษียณหรือในอนาคตได้ (ทำให้แบบประกันสุขภาพลักษณะนี้ จะมีความเข้มงวดในการรับทำประกันที่สูงอย่างมากเพื่อลดความเสี่ยงการขาดทุนนี้ลง)


เลือกหัวข้อที่สนใจ


ทำไมถึงต้องทำประกันสุขภาพ

อย่างที่ทราบว่าการออมสำหรับจุดประสงค์ให้เป็นค่าใช้จ่ายทางด้าน เกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้น เป็นการออมที่สามารถใช้เงินผู้อื่นมาช่วยได้ผ่านเครื่องมือทางการเงิน โดยเฉพาะในกรณีที่เงินออมไม่พอจ่าย

ทั้งนี้การเกิด แก่ และตาย ยังพอที่จะคาดการณ์ค่าใช้จ่ายได้ จะมีก็แต่เพียงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการ "เจ็บ" เท่านั้น ที่คาดการณ์ได้ยากว่าจะเป็นเท่าไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเพิ่งเริ่มเก็บออมมาไม่นาน และต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายจาก การเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง

ดังนั้นการที่สามารถเข้าถึงเงินผู้อื่นเพื่อมาช่วยจ่ายค่ารักษาเหล่านี้ได้ผ่านประกันสุขภาพ จึงเป็นแนวทางที่ปลอดภัยและสมเหตุสมผลมากที่สุดในปัจจุบัน

ซึ่งจะดีกว่าการรอให้เงินออมไม่เพียงพอ แล้วต้องกู้ธนาคารมาจ่ายหนี้ค่ารักษาอย่างแน่นอน ดังบทความที่จะฉายให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า ทำไมถึงควรต้องรีบออมล่วงหน้าให้กับหนี้ค่ารักษาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนี้ และเข้าใจถึงความสำคัญของประกันสุขภาพนี้ 

แต่พอเข้าใจ..ก็เข้าสู่ยุคที่
แบบประกันสุขภาพที่ดี
ทยอยปิดตัว

มีเงินใช้ตอนเกษียณ release your risk

เนื่องจากในปัจจุบันเป็นยุค ประกันสุขภาพเหมาจ่าย และ การเติบโต(อย่างต่อเนื่อง) ของ รพ.เอกชน ที่เสมือนเป็นตัวเร่งให้ ค่ารักษาพยาบาลสูงเพิ่มมากขึ้นทุกปี

เช่น ค่าผ่าตัดไส้ติ่งที่เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน รพ.เอกชน จะอยู่ที่ประมาณ 60,000 บ. แต่ในปัจจุบันได้ไต่ระดับขึ้นมาสูงถึง 200,000 บ. เป็นต้น (รวมไปถึงค่ารักษามะเร็งด้วยยาและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ค่ารักษาพุ่งไปถึงระดับ 10 ล้านบาทได้ไม่ยาก)

เพราะ รพ.เอกชน เองก็อาจมีการทำยอดจากผู้ทำประกันสุขภาพด้วย จึงทำให้ปัจจุบันบริษัทประกันฯ ต้องเริ่มมีมาตรการป้องกันและขอความร่วมมือกับทาง รพ.เอกชน ในรูปแบบของ การไม่อนุมัติให้เคลมการแอดมิต หากผู้ทำประกันป่วยเพียง Simple Disease ที่ไม่เข้าเงื่อนไขที่กำหนดโดย คปภ. หรือ มีการเพิ่มส่วนร่วมจ่ายหรือ Copayment เข้ามา

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่สามารถต้านทานค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นได้ จึงทำให้หลายบริษัทประกันจำเป็นต้องปิดรับผู้ทำประกันใหม่ในบางแผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายลง และเปิดแผนใหม่ที่เบี้ยปรับสูงขึ้นมากมาแทน เพื่อลดความเสี่ยงของการขาดทุนของบริษัทลงได้บ้างในกลุ่มผู้ทำประกันใหม่

หรือบางบริษัทจะมีการออกข้อกำหนดมาชัดเจนว่า หมวดความคุ้มครองใดจะต้องสำรองจ่ายในทุกกรณี เช่น หมวดที่เกี่ยวข้องกับ OPD ต่าง ๆ เพื่อที่ทำให้ผู้ทำประกันได้ช่วยเตือนให้ รพ. อย่าคิดราคาแรงมาก เพราะตนเองไม่สามารถสำรองจ่ายได้สูงมากได้

(ปัจจุบันจึงกลายเป็นหนึ่งในคำถามสำคัญในการเลือกแบบประกันสุขภาพว่า หมวดความคุ้มครองใดบ้างที่บริษัทให้สำรองจ่ายเท่านั้น นอกจากการเปรียบเทียบเพียงหมวดความคุ้มครอง)

การจัดการเบี้ยสุขภาพหลังเกษียณ release your risk

ดังนั้นหากใครก็ตามที่สามารถทำประกันสุขภาพได้เร็วพอ ก็จะมีโอกาสทันแผนประกันสุขภาพที่ประหยัดคุ้มที่สุดได้ แต่ถ้าหากไม่ทันก็จำเป็นต้องยอมรับแผนใหม่ที่มีเบี้ยประกันที่ปรับตัวสูงขึ้นไปแล้วแทน

สาเหตุให้ต้องรีบออมผ่านประกันสุขภาพ

การทำประกันสุขภาพในยุคนี้ จะต้องรีบค้นหาแบบประกันสุขภาพที่ดี และรีบทำให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เพียงเพราะต้องเร็วให้ทันก่อนเผลอไปตรวจสุขภาพแล้วเจอโรคบางอย่างก่อน จึงทำให้ถูกยกเว้นความคุ้มครองในโรคนั้น ๆ เท่านั้น 

แต่เป็นเพราะต้องเร็วให้ทัน ก่อนที่แผนประกันสุขภาพจะโดนปิดหรือถูกปรับเพิ่มเบี้ยขึ้น ด้วย

เนื่องด้วยค่ารักษาพยาบาลที่แพงสูงมากขึ้นนี้ จึงทำให้ประกันสุขภาพกลายเป็นเครื่องมือการออมที่สำคัญ ที่จะช่วยแบกค่าใช้จ่ายของวิธีการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เจออย่างแน่นอนต่อไปนี้ได้ (ซึ่งล้วนมีค่าใช้จ่ายเข้าสู่หลักแสนได้ไม่ยากในปัจจุบัน และยังไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะสูงขึ้นอีกเพียงใด)

การฉายภาพขั้นสูง MRI /CT Scan

การผ่าตัด

การส่องกล้อง

การรักษาด้วยเทคโนโลยีใหม่

ยังไม่นับรวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่พร้อมบานปลายอย่าง ค่าตรวจวินิจฉัยก่อนผ่าตัดหรือรักษามะเร็ง ค่าห้อง ค่าฟื้นฟูหลังการผ่าตัด ค่าตรวจวินิจฉัยรักษาติดตามอาการ ค่ายามะเร็งผู้ป่วยนอกรักษา 3-5 ปีหรือตลอดชีวิต ค่าตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยนอกติดตามมะเร็ง ซึ่งอย่างไรแล้วมีราคาเกินเบี้ยประกันสุขภาพที่ออมไปหลายปีแล้วอย่างแน่นอน

โดยค่าตรวจรักษาที่ไม่ทราบวงเงินที่ชัดเจนและพร้อมบานปลายเหล่านี้นี่เอง ได้กลายเป็นผลประโยชน์ที่ทรงพลังที่สุดของการออมผ่านเครื่องมืออย่างประกันสุขภาพ ที่อย่างน้อยทำให้คาดการณ์ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ผ่านทางเบี้ยประกัน

อย่างไรก็ตามประกันสุขภาพจะบังคับให้ออมผ่านเบี้ยประกันทุกปี และให้ออมมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น

ไฟสำรองทางการเงิน release your risk

จึงกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่มากที่ควรมีการวางแผนเกษียณส่วนเบี้ยประกันสุขภาพนี้ด้วย

โดยหากมีการวางแผนการเงินเพื่อดูแลเบี้ยประกันสุขภาพหลังเกษียณอายุ 60-99 ที่ดีพอ ก็จะสามารถลดค่าเบี้ยประกันสุขภาพช่วงเกษียณทั้งหมดหลัก 10 ล้านบาท ให้เหลือประมาณ 2-3 ล้านบาท (เมื่อเริ่มวางแผนที่อายุประมาณ 30-35 ปี)

ซึ่งมูลค่าเงิน 2-3 ล้านบาท ในอีกประมาณ 20-30 ปีข้างหน้า อาจจะเป็นเพียงค่าผ่าตัดครั้งใดครั้งหนึ่งเท่านั้นก็เป็นได้

การออมผ่านประกันสุขภาพจึงเป็นสิ่งที่หากมีโอกาสและสุขภาพยังทำได้แล้ว ไม่ควรหลีกเลี่ยงที่จะออม เพราะผลตอบแทนที่ได้จากการรักษาใน รพ. เอกชน โดยเฉพาะในแง่ของสภาพจิตใจยามป่วยไข้นั้นสูงมาก

คุณสมบัติของผู้ที่
ควรทำประกันสุขภาพ

คุณสมบัติการทำประกันชีวิต 3 release your risl

ต้องการรักษาตัวที่ รพ.เอกชน

ต้องการรับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็วที่สุด (ไม่อยากรอคิวนานกว่า 6-8 เดือน)

ต้องการรักษาโรคต่าง ๆ โดยที่ลดความกังวลเรื่องค่ารักษาให้ได้มากที่สุด

ต้องการเลือกวิธีการรักษาที่ดีที่สุดที่ได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยในแพทยสภาได้

ต้องการให้ค่ารักษาแต่ละครั้งอยู่ในงบประมาณที่ควบคุมได้ ทั้งของตนเองและสมาชิกในครอบครัว

ต้องการใช้ลดหย่อนภาษี 25,000 บ. (รวมในสิทธิลดหย่อน 100,000 บ. ของประกันชีวิต)

เบื้องต้นผู้ที่สนใจทำประกันสุขภาพ โดยส่วนใหญ่มักมีประสบการณ์ทางตรงจากสมาชิกในครอบครัว หรือ ทางอ้อมจากคนรู้จัก ที่ได้เห็นบริการเทียบระหว่างสิทธิสวัสดิการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สิทธิ 30 บ. สิทธิประกันสังคม หรือ สิทธิข้าราชการใน รพ.รัฐทั้งในและนอกเวลาทำการ และ รพ.เอกชน

รวมไปถึงได้ทราบถึงค่าตรวจรักษาในปัจจุบันนั้นมีราคาแพงสูงขึ้นอย่างมาก ไม่ต่างกับการปล้นกัน (OPDผู้ป่วยนอก-หลักหมื่น, IPDผู้ป่วยใน-หลักแสน, IPD+OPD โรคร้าย-หลักล้าน)

สิ่งที่ควรเข้าใจ
ก่อนทำประกันสุขภาพ

การแนะนำ/การขาย ประกันสุขภาพอย่างถูกต้องและไม่ให้เกิดระเบิดเวลาจากความไม่รู้ไม่เข้าใจในเงื่อนไขของสัญญานั้น จำเป็นจะต้องอธิบายอย่างน้อย 10 ประเด็นสำคัญด้านล่างนี้ให้เข้าใจก่อน ไม่ใช่เพียงการแสดงรายละเอียดของแบบประกันสุขภาพโดยเน้นที่ค่าห้องกับเบี้ยประกันเท่านั้น

เพราะถ้าอธิบายเพียงเท่านั้น การขายประกันสุขภาพก็จะไม่จำเป็นต้องมีตัวแทนช่วยอธิบายหรือทำสื่อชี้แจ้งข้อควรระวังกับเงื่อนไขของสัญญาใด ๆ เลย แต่ประกันสุขภาพไม่ได้ง่ายอย่างนั้น โดยเป็นหนึ่งในเครื่องมือการเงินที่ ห้ามซื้อ ห้ามสมัครใช้งาน หากยังไม่เข้าใจสัญญา ถ้าไม่อยากได้ระเบิดเวลาที่พร้อมระเบิดทันทีตอนที่จะใช้งาน

1. ประกันสุขภาพ เป็นเพียงหนึ่งในสัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองให้กับสัญญาหลักประกันชีวิต

สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจ คือ หากสมัครทำประกันสุขภาพกับ "บริษัทประกันชีวิต" นั้น จะต้องเลือกสัญญาหลักที่เป็นประกันชีวิตเพื่อใช้กำหนดอายุของสัญญาขึ้นมาก่อน จากนั้นจึงค่อยเลือกสัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองให้กับประกันชีวิตที่จะนำมาแนบกับสัญญาหลักประกันชีวิตนี้

โดยประกันสุขภาพเองจะถือเป็นหนึ่งในรูปแบบของสัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองนี้ ที่เน้นเพิ่มความคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาที่ตรงตามเงื่อนไขของแบบประกันเท่านั้น ทั้งนี้เบี้ยประกันสุขภาพจะปรับเพิ่มตามอายุซึ่งสามารถต่ออายุได้ทุกปีแต่ไม่เกินอายุของสัญญาหลักประกันชีวิต (ทำให้ต้องเลือกประกันชีวิตที่คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี มาให้ประกันสุขภาพแนบเสมอ)

ซึ่งสัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองอื่น ๆ ก็จะมีลักษณะแบบเดียวกันขึ้นอยู่กับว่าจะเน้นเพิ่มความคุ้มครองด้านใด เพราะประกันสุขภาพเองไม่สามารถคุ้มครองได้ทุกอย่าง ซึ่งตารางด้านล่างจะได้เรียงลำดับตามความสำคัญของสัญญาเพิ่มเติมที่ควรทำความเข้าใจในด้านการรักษาไว้เรียบร้อยแล้ว ดังต่อไปนี้

สัญญาหลักประกันชีวิต

กำหนดอายุสัญญาหรืออายุกรมธรรม์ อยู่สัญญาเดียว ๆ ได้ โดยมีเบี้ยประกันคงที่ตามอายุที่เริ่มทำประกัน

สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครอง

อยู่สัญญาแยกเดียว ๆ ไม่ได้ ต้องแนบกับสัญญาหลัก โดยต่ออายุ ปีต่อปี ไม่เกินอายุของสัญญาหลัก เบี้ยประกันมีทั้งคงที่และเพิ่มตามอายุ

ทำหน้าที่กลั่นกรองความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อันตรายถึงชีวิตออก และเพื่อใช้ทดแทนรายได้หรือภาระที่ทิ้งไว้ให้คนข้างหลัง โดยแบ่งออกเป็น

  • ประกันชีวิตชั่วระยะเวลา อายุสัญญา 10-20 ปี
  • ประกันชีวิตตลอดชีพ อายุสัญญา ผู้ทำประกันถึงอายุครบ 99 ปี
  • ประกันมรดก ทุนชีวิตขั้นต่ำ 5 ล้าน อายุสัญญา ผู้ทำประกันถึงอายุครบ 99 ปี อัตราเบี้ยจะน้อยกว่าประกันชีวิตตลอดชีพทั่วไป
  • ประกันชีวิตควบการลงทุน อายุสัญญา เน้นผู้ทำประกันถึงอายุ 60 ปี หรือ ก่อนเกษียณ
  • ประกันบำนาญ อายุสัญญา ผู้ทำประกันถึงอายุครบ 99 ปี
  • ประกันสะสมทรัพย์ อายุสัญญา 10-25 ปี

ทำหน้าที่กลั่นกรองความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ที่สามารถประเมินค่าความเสี่ยงและเฉลี่ยความเสี่ยงกับผู้คนจำนวนมากได้ โดยแบ่งออกเป็น

  • ประกันสุขภาพ เบี้ยเพิ่มตามอายุ ต่ออายุถึงอายุ 99 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก คุ้มครองเฉพาะค่ารักษาตามเงื่อนไข
  • ประกันค่ารักษาอุบัติเหตุ OPD เบี้ยคงที่ ต่ออายุได้ถึงอายุ 65 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก
  • ประกันโรคร้ายแรงเบี้ยเพิ่มตามอายุ ทดแทนรายได้ที่ขาดหายไป หากเป็นหนึ่งในโรคร้ายแรงจำนวนมาก ต่ออายุได้ถึงอายุ 80 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก
  • ประกันโรคร้ายแรงเบี้ยคงที่ โรคร้ายแรงที่เสี่ยงเป็นสูง ต่ออายุได้ถึงอายุ 99 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก
  • ประกันชดเชยนอน รพ. เบี้ยเพิ่มตามอายุ ต่ออายุถึงอายุ 65 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก
  • ประกันค่ารักษาผู้ป่วยนอกทั่วไป OPD เบี้ยเพิ่มตามอายุ ต่ออายุถึงอายุ 99 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก
  • ประกันชีวิตเฉพาะกาล เบี้ยคงที่ อายุสัญญา 10-18 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก ทุนประกันไม่เกิน 10 เท่าของทุนประกันสัญญาหลัก
  • ประกันทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร เบี้ยเพิ่มตามอายุ ต่ออายุถึงอายุ 75 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก ทุนประกันไม่เกิน 10 เท่าของทุนประกันสัญญาหลัก
  • ประกันอุบัติเหตุชีวิตและทุพพลภาพถาวร เบี้ยคงที่ ต่ออายุถึงอายุ 65 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก ทุนประกันไม่เกิน 10 เท่าของทุนประกันสัญญาหลัก
  • ประกันอุบัติเหตุชีวิตและทุพพลภาพชั่วคราว/ถาวร เบี้ยคงที่ ต่ออายุถึงอายุ 65 ปี หรือไม่เกินอายุสัญญาหลัก ทุนประกันไม่เกิน 10 เท่าของทุนประกันสัญญาหลัก

จากเงื่อนไขที่ต้องมีสัญญาหลักและสัญญาเพิ่มเติมนี้เอง ทำให้ผู้ที่สนใจเฉพาะประกันสุขภาพ และยังไม่ได้คำนึงถึงความคุ้มครองที่จำเป็นต้องโอนความเสี่ยงอื่น ๆ จึงมักจะเลือกประกันชีวิตให้มีทุนประกันต่ำที่สุดเสมอ (แม้จะยังไม่มีประกันชีวิตเลยก็ตาม) เพียงเพื่อให้มาเป็นสัญญาหลักให้เฉพาะประกันสุขภาพแนบเท่านั้น

ด้วยเพราะกลัวถูกตัวแทนหลอกหรืออัพเซลขายทุนชีวิตสูง หรือ ขายสัญญาเพิ่มเติมอื่น ๆ เพิ่ม ซึ่งจริง ๆ แล้ว ในแง่มุมของการโอนความเสี่ยงนั้น ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกอัพเซล มีแต่จะต้องกังวลว่าจะเลือกโอนความเสี่ยงอะไร และอะไรที่จะสามารถเก็บความเสี่ยงเพื่อรับไว้เองได้ไหว

ดังนั้นหากขยายการทำความเข้าใจเพิ่มมาที่ประกันชีวิตและประกันสัญญาเพิ่มเติมอื่น ๆ ด้วย ก็อาจจะสามารถช่วยลดค่ารักษาหรือค่าชดเชยบางอย่างที่ประกันสุขภาพไม่สามารถครอบคลุมให้ได้ก็เป็นได้

**หมายเหตุ :

  • ระวัง!! ประกันชีวิตทุนต่ำสุด 50,000 บ. แต่ต้องจ่ายเบี้ยถึงอายุ 99 ปี แม้เบี้ยปีแรกจะน้อยกว่า แต่สามารถมีเบี้ยประกันรวมทั้งสัญญาที่สูงกว่า ประกันชีวิตทุน 100,000 บ. ที่จ่ายเบี้ย 20 ปีได้ (ปัจจุบันค่าจัดงานฌาปนกิจรวมทุกขบวนการมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่หลักแสนบาทขึ้นไป)
  • สัญญาเพิ่มเติมที่ทุนประกันต้องขึ้นอยู่กับทุนประกันชีวิตสัญญาหลัก สามารถแยกทำออกมาอีก 1 กรมธรรม์ได้ เพื่อเน้นความคุ้มครองให้สูง โดยเกี่ยวช้องกับชีวิตและทุพพลภาพในช่วงวัยทำงานก่อนเกษียณเป็นหลักเท่านั้น ทำให้เบี้ยประกันประหยัดลงได้มากกว่าการคุ้มครองตลอดชีพอย่างมาก
  • ค่ารักษาอุบัติเหตุผู้ป่วยนอก เพียงบาดเจ็บเล็กน้อยค่ารักษาผู้ป่วยนอก รพ.เอกชน ทั่วไปก็เกือบหมื่นได้ไม่ยาก ไม่นับรวมที่เกี่ยวข้องกับกระดูกร้าวหรือหัก หรือการบาดเจ็บที่ต้องล้างแผล Follow up มากกว่า 1 เดือนขึ้นไป ซึ่งประกันสุขภาพส่วนใหญ่ไม่สามารถคุ้มครอง OPD ที่ค่าใช้จ่ายสูงและ Follow up นานแบบนี้ได้
  • ค่าชดเชยรายได้เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ระหว่างการรักษา หรือ ต้องเปลี่ยนงาน หรือ ไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากโรคร้ายแรง การพิจารณาประกันโรคร้ายแรงจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงส่วนนี้ได้อย่างมาก โดยเฉพาะกับโรคมะเร็งที่ต้องใช้เวลารักษาได้นานถึง 2-5 ปีขึ้นไป

2. ประกันสุขภาพ คือ ระเบิดเวลาที่อันตรายอย่างมาก

ประกันสุขภาพ หนึ่งในแบบประกันที่สามารถก่อให้เกิดความขัดแย้งและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้มากที่สุด เนื่องจากผู้ขายก็ไม่อยากบอกข้อจำกัดเพื่อให้ขายได้ง่าย และผู้ซื้อเองก็ไม่เน้นทำความเข้าใจก่อนซื้อ แต่เน้นเชื่อใจแล้วยกให้เป็นหน้าที่ของผู้ขายที่มีชื่อเสียงหรือที่คนรู้จักแนะนำมาอย่างเดียว

ซึ่งได้กลายเป็นระเบิดเวลาที่น่ากลัวอย่างมาก และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ใครหลายคนโดนระเบิดลูกนี้แล้วเกลียดประกันหรือเกลียดตัวแทนอย่างมาก

เพราะ "ความเชื่อใจ" ไม่เท่ากับ (≠) "ความเข้าใจ" และไม่มีผู้ขายหรือผู้ซื้อคนใดเลยที่จะมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในประวัติการรักษา และลายลักษณ์อักษรเงื่อนไขความคุ้มครองในกรมธรรม์

โดยเนื่องจากเป็นตัวอักษร หากใครเข้าใจเงื่อนไขในสัญญาได้ครบถ้วนมากกว่า ก็มีทางที่จะตีความเงื่อนไขให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองได้มากขึ้น หรือ สามารถโต้แย้งในบางประเด็นที่มีการตีความแตกต่างกันไปได้ ดังนั้นการอธิบายถึงเงื่อนไขของสัญญาจึงเป็นหน้าที่สำคัญอย่างมากของตัวแทนประกัน

3. หน้าที่ของตัวแทนประกัน ถอดสลักระเบิดเวลา

เรื่องเงินห้ามไว้ใจแต่.ต้องเข้าใจ release your risk

โดยที่ก่อนจะสมัครทำประกันสุขภาพ ทางตัวแทนจะต้องอธิบายทุกเรื่องที่จำเป็นทั้งหมดให้กับผู้ทำประกันได้เข้าใจก่อนการตัดสินใจ เพื่อลดปัญหาระเบิดเวลาแห่งความขัดแย้ง ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในภายหลัง

นอกจากนี้ตัวแทนยังมีหน้าที่อื่น ๆ เพิ่มเติมร่วมด้วย ซึ่งจะสามารถสรุปหน้าที่ของตัวแทนได้ดังต่อไปนี้

4. ความเสี่ยง และ ค่ารักษาของโรคต่าง ๆ

ในปัจจุบันค่ารักษาโรคร้ายแรงนั้นมีราคาในหลักล้านบาทขึ้นไป เพราะมักเป็นการรักษาแบบต่อเนื่อง ไม่ใช่การรักษาครั้งเดียวจบ จึงทำให้ค่ารักษาบานปลาย (ควบคุมไม่ได้เลย) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรคมะเร็ง

ดังนั้นหากไม่ทราบค่ารักษาเหล่านี้ก่อนทำประกันสุขภาพ ก็อาจจะได้ประกันสุขภาพที่ไม่ครอบคลุมค่ารักษาโรคร้ายแรงได้

5. หมวดความคุ้มครองประกันสุขภาพ

ประกอบไปด้วย 13 หมวดมาตรฐาน และหมวดเสริมอื่น ๆ ตามแต่ที่แบบประกันสุขภาพนั้น ๆ จะเสริมขึ้นมาเพื่ออุดช่องโหว่ของ 13 หมวดมาตรฐาน

โดยหากไม่ทำความเข้าใจหมวดความคุ้มครองเหล่านี้เพื่อมาเปรียบเทียบกับขั้นตอนค่าตรวจวินิจฉัย ค่ารักษาโรคร้าย ให้ดีแล้ว ก็ย่อมจะมีส่วนต่างของค่ารักษาพยาบาลที่ต้องรับความเสี่ยงเองเพิ่มขึ้นมาก หรือถ้าหากเลือกให้มีหมวดความคุ้มครองมากจนเกินไป ก็ย่อมจะส่งผลต่อเบี้ยประกันที่สูงอย่างมากได้เช่นกัน

ที่สำคัญการเลือกหมวดความคุ้มครอง ต้องพยายามเลือกหมวดที่เฉพาะเจาะจงหน้าที่ชัดเจน มากกว่าหมวดที่คุ้มครองกว้าง เพราะหมวดคุ้มครองกว้างจะทำให้ค่าเบี้ยประกันสูงขึ้นมาก แต่ความคุ้มครองที่ได้รับกับลดลงอย่างชัดเจน

ตัวอย่างเช่น ความคุ้มครองแบบ OPD หรือผู้ป่วยนอก ที่มีทั้งแบบเจาะจงและไม่เจาะจงดังนี้

  • OPD แบบเฉพาะเจาะจง ได้แบบจ่ายตามจริง (ค่าใช้จ่ายเกิน 15,000 บ. ได้ทุกหมวด) 
    • OPD ตรวจฉายภาพขั้นสูง MRI CT PET-Scan (Fax-Claim)
    • OPD Follow up อุบัติเหตุ 15 วัน จ่ายตามจริง (Fax-Claim)
    • OPD Follow up ไม่จำกัดจำนวนครั้งใน 30 วันหลังแอดมิต IPD (Fax-Claim)
    • OPD ตรวจยีนส์มะเร็ง (สำรองจ่ายแล้วเคลมตรง)
    • OPD ค่ารักษามะเร็งนวัตกรรมใหม่ในอนาคต (สำรองจ่ายแล้วเคลมตรง)
  • OPD แบบไม่เจาะจง ได้วงเงินที่ 15,000 บ. ต่อปี
    • OPD ค่ารักษาทั่วไป (Fax-Claim) รวมถึง OPD ตามหมวดเจาะจงด้านบนแต่ดูแลไม่เกินวงเงิน
    • OPD ค่าฉีดวัคซีน ตรวจสุขภาพ (สำรองจ่ายแล้วเคลมตรง)

ทั้ง 2 แบบ OPD นี้ จะอยู่ในประกันสุขภาพคนละแบบ ที่มีเบี้ยใกล้เคียงกัน โดยแบบหนึ่งให้ OPD แบบเฉพาะเจาะจงที่จ่ายตามจริง แต่แบบหนึ่งให้ OPD ไม่เจาะจงกับวงเงิน 15,000 บ. ต่อปี เท่านั้น

ดังนั้นการเลือกว่าจะเอา OPD แบบใดนั้น จะจำเป็นต้องมองว่า แบบใดที่ตนเองจะสามารถรับความเสี่ยงเองได้ราคาไม่แพงมาก แบบใดที่ตนเองอยากที่จะโอนความเสี่ยงมากกว่าด้วยราคาสูงเกินไป 

โดยต้องไม่ลืมว่า หน้าที่ของประกันสุขภาพ คือ เพื่อโอนความเสี่ยงที่รับเองไม่ไหวหรือไม่ทราบค่าใช้จ่ายออกไปเป็นหลัก

6. ขบวนการพิจารณารับทำประกัน

การทำประกันสุขภาพ เป็นหนึ่งในแบบประกันที่มีการคัดกรองที่ละเอียดมากที่สุดก่อนรับทำประกัน ซึ่งจะไม่ได้คัดกรองเฉพาะก่อนรับทำประกันเท่านั้น โดยหลังรับทำประกันไปแล้ว หากพบว่ามีการปกปิดประวัติ/ไม่แถลงสุขภาพบางอย่าง ก็อาจส่งผลให้ถูกยกเลิกสัญญาหรือไม่ต่ออายุได้

และที่สำคัญ บันทึกที่แพทย์บอกกว่าปกติ(ไม่ต้องรักษา) อาจจะไม่ปกติในสายตาของแพทย์ที่พิจารณารับประกัน(ความเสี่ยง) ดังนั้น ไม่ต้องรักษา จึงไม่เท่ากับ (≠) ไม่มีความเสี่ยง

การทำความเข้าใจขบวนการพิจารณาให้ดีจึงสำคัญอย่างมาก และจะทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า แพ็คเกจโปรโมชันการตรวจสุขภาพของ รพ.เอกชน นั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง

7. แบบประกันสุขภาพที่ครอบคลุมความเสี่ยงค่าใช้จ่ายสูง

คนส่วนใหญ่มักจะข้ามการทำความเข้าใจข้อ 1-3 มาที่แบบประกันสุขภาพกับเบี้ยประกันในงบประมาณที่คาดไว้แทน ทำให้การเลือกแบบประกันสุขภาพมีโอกาสสูงที่จะไม่ครอบคลุมความเสี่ยงที่จำเป็นต้องโอนออกไปจริง ๆ อย่างค่ารักษามะเร็งโรคร้ายแรงที่ค่าใช้จ่ายสามารถสูงถึงหลักสิบล้านได้ และหมวดคุ้มครองที่ต้องใช้อาจเป็นผู้ป่วยนอกเป็นหลักไม่ใช่ผู้ป่วยใน

ทำให้มักเกิดความเสียดายในภายหลังที่ทราบว่าวงเงินค่ารักษาอาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะกับอีก 10-30 ปีข้างหน้าตอนเกษียณ แต่ไม่สามารถทำประกันสุขภาพใหม่ได้อีกแล้วเนื่องจากปัญหาสุขภาพ

ดังนั้นข้อ 1-3 จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจก่อนอย่างมาก เพราะจะช่วยให้การพิจารณาเปรียบเทียบ แบบประกันสุขภาพแต่ละแบบได้ตอบโจทย์และครอบคลุมความเสี่ยงที่จำเป็นได้

ซึ่งในปัจจุบันบริษัทประกันได้นำค่ารับผิดส่วนแรก (Deductible) มาใช้ในแบบประกันสุขภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อที่จะสามารถลดเบี้ยประกันลงได้ แต่ยังคงให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมและวงเงินสูงได้เหมือนเดิม

และยังทำให้ผู้ทำประกันสุขภาพได้ทราบชัดเจนว่าต้องจ่ายเอง (หรือใช้ประกันกลุ่ม) ในค่ารับผิดส่วนแรกนี้เท่าไรเท่านั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีส่วนต่างที่เกินวงเงินที่สูงของประกันสุขภาพแบบมี Deductible อีก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการจ่ายเบี้ยน้อยลงแต่ต้องลุ้นจ่ายส่วนที่เกินวงเงินให้กับแบบประกันสุขภาพที่ให้วงเงินลดลงหรือหมวดความคุ้มครองลดลงเพราะไม่มี Deductible

8. การพิจารณาทุนชีวิต และ สัญญาเพิ่มเติม

ต้องยอมรับว่าประกันสุขภาพนั้นจะเน้นเพียงค่ารักษาเฉพาะที่แพทยสภารับรองอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่ได้คุ้มครองไปถึงนวัตกรรมการรักษาแบบใหม่ในทันที ต่อให้แบบประกันสุขภาพนั้น ๆ จะมีการระบุว่ารองรับนวัตกรรมการรักษาแบบใหม่ก็ตาม (แต่ก็ต้องรอให้แพทยสภารับรองก่อน)

รวมถึงประกันสุขภาพไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ต่อไปนี้ 

  • ค่าเดินทาง
  • ค่าชดเชยที่ต้องนอน รพ.
  • ค่าชดเชยการขาดรายได้ระหว่างการรักษา โดยเฉพาะการรักษาโรคร้ายแรงที่ทำให้ต้องหยุดการทำงานมากกว่า 1 ปีขึ้นไป
  • ค่าใช้จ่ายระหว่างการปรับตัวหลังการรักษาโรคร้าย ที่ร่างกายไม่สามารถกลับมาทำงานหนักเหมือนเดิมได้อีก
  • ค่ารักษาอุบัติเหตุผู้ป่วยนอกที่ต้องติดอาการนานหลายเดือน

ทำให้การพิจารณาสัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองอื่น ๆ ที่จะใช้แนบเพิ่มความคุ้มครองให้กับสัญญาหลักประกันชีวิต (ทุนชีวิตขั้นต่ำควรเน้นเพียงพอกับค่าฌาปนกิจ) นั้นมีความจำเป็นอย่างมาก เพื่อสามารถโอนความเสี่ยงอื่น ๆ ที่สัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองประกันสุขภาพไม่ได้ครอบคลุม

9. ขบวนการเคลมประกันสุขภาพ

การเข้าใจขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่เข้า/ออกจาก รพ. เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ได้เตรียมความพร้อมไว้ก่อน เช่น การตรวจสอบ รพ.คู่สัญญาว่า Fax-Claim ในเรื่องใดได้บ้าง จะมีโอกาสต้องสำรองจ่ายในเรื่องใดได้บ้าง ขบวนการเคลมเป็นอย่างไร ต้องระวังเรื่องใดบ้างในตอนพบแพทย์ เป็นต้น ซึ่งแม้ขั้นตอนในปัจจุบันโดยเฉพาะในรพ.เอกชน จะอำนวยความสะดวกอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามก็จำเป็นต้องเข้าใจขบวนการเคลมก่อนเคลมจริงเสมอ

10. วิธีจัดการเบี้ยประกันสุขภาพหลังเกษียณ

เมื่อมีประกันสุขภาพเรียบร้อย สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้ยังคงสามารถมีประกันสุขภาพ หรือจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพได้ไหวในช่วงอายุเกษียณ เพราะช่วงอายุเกษียณเป็นช่วงที่มีโอกาสใช้ประกันสุขภาพมากที่สุด แต่ก็มักเป็นช่วงที่ขาดรายได้เข้ามา

ดังนั้นการวางแผนการเงินผ่านเครื่องมือการเงินอย่าง ประกันบำนาญและกองทุนรวม จึงเป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้เงินก้อนน้อยได้เติบโตมาเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับทยอยจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพได้ตลอดชีพ

และนี้คือเรื่องสำคัญทั้งหมดที่ควรทำความเข้าใจก่อนซื้อประกันสุขภาพ เพราะหากเข้าใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบริษัทประกัน หรือตัวแทนที่ไม่ดีแบบใด ๆ ก็ยากที่จะใช้โฆษณาชวนเชื่อเพื่อหลอกให้ซื้อประกันสุขภาพแบบมีระเบิดเวลาได้อีก รวมถึงหากเข้าใจเรื่องสำคัญเหล่านี้ยังสามารถช่วยให้รรักษาผลประโยชน์ของตนเองได้มากที่สุดด้วย

สรุปเลือกประกันสุขภาพแบบใดดี

การเลืกแบบประกันสุขภาพที่ดีนั้น จะไม่ได้มองหาประกันสุขภาพเฉพาะให้เต็มสิทธิลดหย่อนภาษี 25,000 บ. เท่านั้น แต่จะมองลึกมากขึ้นถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ร่วมด้วย

เบี้ยเท่าทุน release your risk

เป็นแบบประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาโรคที่แพงที่สุดได้

"มะเร็ง" ยังคงเป็นโรคที่มีค่ารักษาสูงที่สุดในปัจจุบัน ดังนั้นในเมื่อต้องจ่ายเบี้ยไปแล้ว ก็ต้องมั่นใจว่าจะได้รับความสบายใจเรื่องค่ารักษาแลกมาจริงๆ ไม่ใช่จ่ายเบี้ยแล้วยังต้องเก็บความกังวลใจในบางโรคไว้อยู่ ซึ่งแบบนี้จะไม่ค่อยมีใครอยากได้

โดยต้องให้ความคุ้มครองการรักษามะเร็งตั้งแต่ การตรวจวินิจฉัยOPD การผ่าตัดIPD การฟื้นฟูร่างกายIPD/OPD การให้ยาOPD การตรวจติดตามผลOPD เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนใดก็ตาม ค่าใช้จ่ายการรักษาโรคมะเร็งใน รพ.เอกชน มักจะสูงถึงหลักแสนขึ้นไปเสมอ (ยังไม่นับรวมไปถึงว่ามะเร็งเป็นโรคที่ต้องรักษาต่อเนื่องกว่า 5 ปีขึ้นไปจนถึงตลอดชีวิต)

เป็นแบบประกันสุขภาพที่สามารถคุ้มครองได้ตลอดชีวิต

คือให้ความคุ้มครองที่รวมไปถึงวิทยาการสมัยใหม่ในอนาคตด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องคอยเปลี่ยนแบบประกันสุขภาพให้ทันสมัยตามวิทยาการการรักษา (เช่น ยาภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งผู้ป่วยนอก)

เพราะหากมีการเคลมบางโรคไปแล้ว การเปลี่ยนแบบประกันสุขภาพเป็นตัวใหม่อาจจะทำได้ยาก และโดนยกเว้นความคุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนแน่นอน

อย่างไรก็ตามด้วยความคุ้มครองที่ครอบคลุมและวงเงินที่สูง แบบประกันสุขภาพลักษณะนี้ จึงมีเบี้ยประกันตอนสูงอายุที่สูงอย่างมาก ทำให้การศึกษาและเตรียมการจัดการเบี้ยประกันหลังเกษียณตั้งแต่ยังอยู่ในวัยทำงาน จะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

เพราะจะสามารถช่วยประหยัดเบี้ยประกันได้สูงถึง 50%-90%  และเครื่องมือการเงินที่ใช้ในการจัดการก็ยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

ทั้งนี้หากมีประกันสุขภาพตัวหลักที่ดูแลค่ารักษามะเร็งแบบผู้ป่วยนอก 5 ล้านบาทขึ้นไปต่อปีเรียบร้อย (ค่ารักษาในปัจจุบัน) แต่ประกันสุขภาพตัวหลักให้ค่าห้องที่ค่อนข้างน้อย การเสริมด้วยประกันสุขภาพที่เน้นเรื่องค่าห้อง ให้เป็นตัวเสริมอย่างเช่น "สัญญา Happy Health แบบมีรับผิดส่วนแรก 100,000 บ." จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

เนื่องจากแบบประกันสุขภาพลักษณะนี้จะจ่ายตามจริงของห้องเดี่ยวราคาเริ่มต้นของ รพ. นั้น ๆ จึงเป็นประกันสุขภาพตัวเสริมที่ดีที่สุดตัวหนึ่งในตลาดปัจจจุบัน

แบบประกันสุขภาพ BLA

ครอบครัววางแผนการเงินและภาษี 1 release your risk

ประกันสุขภาพเป็นรูปแบบประกันที่ควรให้เวลาศึกษาทำความเข้าใจให้ดีที่สุดก่อนตัดสินใจ โดยอย่างน้อยควรเข้าใจหมวดความคุ้มครองตามมาตรฐานประกันสุขภาพให้ได้ และควรมีโอกาสได้ศึกษาตัวอย่างกรมธรรม์จริงๆ ของแบบประกันสุขภาพที่สนใจ

การศึกษาแบบประกันสุขภาพตอนแรกอาจมองเป็นเรื่องยุ่งยากแต่ก็คุ้มค่า เพราะเสียเวลาทำความเข้าใจเพียงครั้งเดียวก็สามารถใช้ได้ไปตลอดชีวิต โดยเฉพาะกับแบบประกันสุขภาพที่เน้นตลอดชีวิต หรือ สำหรับวางแผนเกษียณในอนาคตจริง ๆ

ทั้งนี้จะสามารถศึกษารายละเอียดเจาะลึกเกี่ยวกับแบบประกันสุขภาพเพิ่มเติมของทาง BLA ได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้

การวางแผนเกษียณอย่างจริงจัง

เริ่มขึ้น..เมื่อ

เข้าใจธรรมชาติของเครื่องมือทางการเงิน

เกี่ยวกับผู้เขียน

  • Ruchira Taboonruang

    จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตการทำงานทั้งหมดของแอนนี่ในสายงาน CRM ได้พบว่า ความไม่รู้ เป็นศัตรูที่แพงอย่างมากในโลกของการเงิน ซึ่งในหลายครั้งกว่าจะรู้และเข้าใจก็อาจจะสายไปแล้ว และนี้คือสาเหตุใหญ่ที่ทางเรา จะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ โดยให้ความรู้ทางการเงินที่ดีและเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงการป้องกันไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากความไม่รู้นี้ ผ่านเว็บไซต์ Release your Risk ที่ต้องการให้ทุกคนได้ปล่อยความเสี่ยงที่ตนเองถือไว้อยู่ ผ่านเครื่องมือทางการเงินด้วยความเข้าใจ และมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

>
Scroll to Top

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ตกลงทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก