หากดำเนินการ ออมเงิน และ กำหนดหน้าที่ของเงินออม ให้เป็นดังต่อไปนี้
- เงินค่ารักษาโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องได้การรักษาที่ดีและโดยเร็วที่สุด
- เงินค่ารักษาที่ไม่สามารถทราบจำนวนเงินที่ควรมีล่วงหน้าได้
- เงินเพื่อป้องกันการล้มละลายจากค่ารักษาของ รพ. ที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกปี
- เงินที่ช่วยให้ตอนเกษียณไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา
- เงินที่ช่วยให้ทราบว่าควรจะออมแต่ละปีเท่าใดจึงจะเพียงพอ
จะทำให้เครื่องมือการออมที่เหมาะสมที่สุด คือ..
ประกันสุขภาพ
ทำไมการทำประกันสุขภาพ จึงเป็นการออม และการวางแผนเหษียณ
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าการทำประกันสุขภาพนั้น ไม่ใช่การออมแต่เป็นลักษณะจ่ายเบี้ยทิ้ง ที่มีโอกาสขาดทุน หากไม่ได้ป่วย..
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เกือบทุกบริษัทประกัน เสี่ยงขาดทุนสูงมากกับประกันสุขภาพ โดยเฉพาะกับแบบประกันสุขภาพที่ครอบคลุมไปถึงตอนเกษียณ หรือในอนาคตได้ (จึงเป็นสาเหตุให้แบบประกันสุขภาพลักษณะนี้ จะมีความเข้มงวดในการรับทำประกันที่สูงอย่างมาก)
เข้าสู่ยุคที่
แบบประกันสุขภาพที่ดี
ทยอยปิดตัว
![มีเงินใช้ตอนเกษียณ release your risk มีเงินใช้ตอนเกษียณ release your risk](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2024/01/มีเงินใช้ตอนเกษียณ-release-your-risk.webp)
เนื่องจากในปัจจุบันเป็นยุค ประกันสุขภาพเหมาจ่าย และ การเติบโต(อย่างต่อเนื่อง)ของ รพ.เอกชน ที่เสมือนเป็นตัวเร่งให้ ค่ารักษาพยาบาลสูงเพิ่มมากขึ้นทุกปี
เช่น ค่าผ่าตัดไส้ติ่งที่เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน รพ.เอกชน จะอยู่ที่ประมาณ 60,000 บ. แต่ในปัจจุบันได้ไต่ระดับขึ้นมาสูงถึง 200,000 บ. เป็นต้น (รวมไปถึงค่ารักษามะเร็งด้วยยาและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ค่ารักษาพุ่งไปถึงระดับ 10 ล้านบาทได้ไม่ยาก)
เพราะ รพ.เอกชน เองก็มีการทำยอดจากผู้ทำประกันสุขภาพด้วย จึงทำให้ปัจจุบันบริษัทประกันฯ ต้องเริ่มมีมาตรการป้องกันและขอความร่วมมือกับทาง รพ.เอกชน ในรูปแบบของ การไม่อนุมัติให้เคลมการแอดมิต หากผู้ทำประกันป่วยเพียง Simple Disease ที่ไม่เข้าเงื่อนไขที่กำหนดโดย คปภ. หรือ มีการเพิ่มส่วนร่วมจ่ายหรือ Copayment เข้ามา
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่สามารถต้านทานค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นได้ จึงทำให้หลายบริษัทประกันจำเป็นต้องปิดรับผู้ทำประกันใหม่ในบางแผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายลง และเปิดแผนใหม่ที่เบี้ยปรับสูงขึ้นมากมาแทน เพื่อลดความเสี่ยงของการขาดทุนของบริษัทลงได้บ้างในกลุ่มผู้ทำประกันใหม่
หรือบางบริษัทจะมีการออกข้อกำหนดมาชัดเจนว่า หมวดความคุ้มครองใดจะต้องสำรองจ่ายในทุกกรณี เช่น หมวดที่เกี่ยวข้องกับ OPD ต่าง ๆ เพื่อที่ทำให้ผู้ทำประกันได้ช่วยเตือนให้ รพ. อย่าคิดราคาแรงมาก เพราะตนเองไม่สามารถสำรองจ่ายได้สูงมากได้
(ปัจจุบันจึงกลายเป็นหนึ่งในคำถามสำคัญในการเลือกแบบประกันสุขภาพว่า หมวดความคุ้มครองใดบ้างที่บริษัทให้สำรองจ่ายเท่านั้น นอกจากการเปรียบเทียบเพียงหมวดความคุ้มครอง)
![การจัดการเบี้ยสุขภาพหลังเกษียณ release your risk การจัดการเบี้ยสุขภาพหลังเกษียณ release your risk](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2024/01/การจัดการเบี้ยสุขภาพหลังเกษียณ-release-your-risk.webp)
ดังนั้นหากใครก็ตามที่สามารถทำประกันสุขภาพได้เร็วพอ ก็จะมีโอกาสทันแผนประกันสุขภาพที่ประหยัดคุ้มที่สุดได้ แต่ถ้าหากไม่ทันก็จำเป็นต้องยอมรับแผนใหม่ที่มีเบี้ยประกันที่ปรับตัวสูงขึ้นไปแล้วแทน
ทำไมต้องออมผ่าน
ประกันสุขภาพ
การทำประกันสุขภาพในยุคนี้ จะต้องรีบค้นหาแบบประกันสุขภาพที่ดี และรีบทำให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เพียงเพราะต้องเร็วให้ทันก่อนเผลอไปตรวจสุขภาพแล้วเจอโรคบางอย่างก่อน จึงทำให้ถูกยกเว้นความคุ้มครองในโรคนั้น ๆ เท่านั้น
แต่เป็นเพราะต้องเร็วให้ทัน ก่อนที่แผนประกันสุขภาพจะโดนปิดหรือถูกปรับเพิ่มเบี้ยขึ้น ด้วย
เนื่องด้วยค่ารักษาพยาบาลที่แพงสูงมากขึ้นนี้ จึงทำให้ประกันสุขภาพกลายเป็นเครื่องมือการออมที่สำคัญ ที่จะช่วยแบกค่าใช้จ่ายของวิธีการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เจออย่างแน่นอนต่อไปนี้ได้ (ซึ่งล้วนมีค่าใช้จ่ายเข้าสู่หลักแสนได้ไม่ยากในปัจจุบัน และยังไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะสูงขึ้นอีกเพียงใด)
การฉายภาพขั้นสูง MRI /CT Scan
การผ่าตัด
การส่องกล้อง
การรักษาด้วยเทคโนโลยีใหม่
ยังไม่นับรวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่พร้อมบานปลายอย่าง ค่าตรวจวินิจฉัยก่อนผ่าตัดหรือรักษามะเร็ง ค่าห้อง ค่าฟื้นฟูหลังการผ่าตัด ค่าตรวจวินิจฉัยรักษาติดตามอาการ ค่ายามะเร็งผู้ป่วยนอกรักษา 3-5 ปีหรือตลอดชีวิต ค่าตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยนอกติดตามมะเร็ง ซึ่งอย่างไรแล้วมีราคาเกินเบี้ยประกันสุขภาพที่ออมไปหลายปีแล้วอย่างแน่นอน
โดยค่าตรวจรักษาที่ไม่ทราบวงเงินที่ชัดเจนและพร้อมบานปลายเหล่านี้นี่เอง ได้กลายเป็นผลประโยชน์ที่ทรงพลังที่สุดของการออมผ่านเครื่องมืออย่างประกันสุขภาพ ที่อย่างน้อยทำให้คาดการณ์ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ผ่านทางเบี้ยประกัน
อย่างไรก็ตามประกันสุขภาพจะบังคับให้ออมผ่านเบี้ยประกันทุกปี และให้ออมมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น
![ไฟสำรองทางการเงิน release your risk ไฟสำรองทางการเงิน release your risk](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2024/01/ไฟสำรองทางการเงิน-release-your-risk.webp)
จึงกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่มากที่ควรมีการวางแผนเกษียณส่วนเบี้ยประกันสุขภาพนี้ด้วย
โดยหากมีการวางแผนการเงินเพื่อดูแลเบี้ยประกันสุขภาพหลังเกษียณอายุ 60-99 ที่ดีพอ ก็จะสามารถลดค่าเบี้ยประกันสุขภาพช่วงเกษียณทั้งหมดหลัก 10 ล้านบาท ให้เหลือประมาณ 2-3 ล้านบาท (เมื่อเริ่มวางแผนที่อายุประมาณ 30-35 ปี)
ซึ่งมูลค่าเงิน 2-3 ล้านบาท ในอีกประมาณ 20-30 ปีข้างหน้า อาจจะเป็นเพียงค่าผ่าตัดครั้งใดครั้งหนึ่งเท่านั้นก็เป็นได้
การออมผ่านประกันสุขภาพจึงเป็นสิ่งที่หากมีโอกาสและสุขภาพยังทำได้แล้ว ไม่ควรหลีกเลี่ยงที่จะออม เพราะผลตอบแทนที่ได้จากการรักษาใน รพ. เอกชน โดยเฉพาะในแง่ของสภาพจิตใจยามป่วยไข้นั้นสูงมาก
คุณสมบัติของผู้ที่
ควรทำประกันสุขภาพ
![คุณสมบัติการทำประกันชีวิต 3 release your risl คุณสมบัติการทำประกันชีวิต 3 release your risl](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2024/01/คุณสมบัติการทำประกันชีวิต-3-release-your-risl.webp)
ต้องการรักษาตัวที่ รพ.เอกชน
ต้องการรับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็วที่สุด (ไม่อยากรอคิวนานกว่า 6-8 เดือน)
ต้องการรักษาโรคต่าง ๆ โดยที่ลดความกังวลเรื่องค่ารักษาให้ได้มากที่สุด
ต้องการเลือกวิธีการรักษาที่ดีที่สุดที่ได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยในแพทยสภาได้
ต้องการให้ค่ารักษาแต่ละครั้งอยู่ในงบประมาณที่ควบคุมได้ ทั้งของตนเองและสมาชิกในครอบครัว
ต้องการใช้ลดหย่อนภาษี 25,000 บ. (รวมในสิทธิลดหย่อน 100,000 บ. ของประกันชีวิต)
เบื้องต้นผู้ที่สนใจทำประกันสุขภาพ โดยส่วนใหญ่มักมีประสบการณ์ทางตรงจากสมาชิกในครอบครัว หรือ ทางอ้อมจากคนรู้จัก ที่ได้เห็นบริการเทียบระหว่างสิทธิสวัสดิการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สิทธิ 30 บ. สิทธิประกันสังคม หรือ สิทธิข้าราชการใน รพ.รัฐทั้งในและนอกเวลาทำการ และ รพ.เอกชน
รวมไปถึงได้ทราบถึงค่าตรวจรักษาในปัจจุบันนั้นมีราคาแพงสูงขึ้นอย่างมาก ไม่ต่างกับการปล้นกัน (OPDผู้ป่วยนอก-หลักหมื่น, IPDผู้ป่วยใน-หลักแสน, IPD+OPD โรคร้าย-หลักล้าน)
สิ่งที่ควรเข้าใจ
ก่อนทำประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพ หนึ่งในแบบประกันที่สามารถก่อให้เกิดความขัดแย้งและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้มากที่สุด เนื่องจากผู้ขายก็ไม่อยากบอกข้อจำกัด(เพื่อให้ขายได้ง่าย) และผู้ซื้อเองก็ไม่เน้นทำความเข้าใจก่อนซื้อ(แต่ยกให้เป็นหน้าที่ของผู้ขาย) โดยอาศัยความเชื่อใจอย่างเดียว
ซึ่ง "ความเชื่อใจ" ไม่เท่ากับ (≠) "ความเข้าใจ" และไม่มีผู้ขายหรือผู้ซื้อคนใดเลยที่จะมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในประวัติการรักษา และลายลักษณ์อักษรความคุ้มครองในกรมธรรม์
เพียงแต่เนื่องจากเป็นตัวอักษร หากใครเข้าใจเงื่อนไขในสัญญาได้ครบถ้วนมากกว่า ก็มีทางที่จะตีความเงื่อนไขให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองได้มากขึ้นเท่านั้น และสามารถโต้แย้งในบางประเด็นที่มีการตีความแตกต่างกันไปได้
![เรื่องเงินห้ามไว้ใจแต่..ต้องเข้าใจ release your risk เรื่องเงินห้ามไว้ใจแต่.ต้องเข้าใจ release your risk](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2024/01/เรื่องเงินห้ามไว้ใจแต่.ต้องเข้าใจ-release-your-risk.webp)
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ก่อนซื้อประกันสุขภาพ ผู้ชื้อจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องต่อไปนี้ก่อน เพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง ที่สามารถเกิดขึ้นได้จากความไม่เข้าใจ ดังต่อไปนี้
ความเสี่ยง และ ค่ารักษาของโรคต่าง ๆ
ในปัจจุบันค่ารักษาโรคร้ายแรงนั้นมีราคาในหลักล้านบาทขึ้นไป เพราะมักเป็นการรักษาแบบต่อเนื่อง ไม่ใช่การรักษาครั้งเดียวจบ จึงทำให้ค่ารักษาบานปลาย (ควบคุมไม่ได้เลย) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรคมะเร็ง
ดังนั้นหากไม่ทราบค่ารักษาเหล่านี้ก่อนทำประกันสุขภาพ ก็อาจจะได้ประกันสุขภาพที่ไม่ครอบคลุมค่ารักษาโรคร้ายแรงได้
หมวดความคุ้มครองประกันสุขภาพ
ประกอบไปด้วย 13 หมวดมาตรฐาน และหมวดเสริมอื่น ๆ ตามแต่ที่แบบประกันสุขภาพนั้น ๆ จะเสริมขึ้นมาเพื่ออุดช่องโหว่ของ 13 หมวดมาตรฐาน
โดยหากไม่ทำความเข้าใจหมวดความคุ้มครองเหล่านี้เพื่อมาเปรียบเทียบกับขั้นตอนค่าตรวจวินิจฉัย ค่ารักษาโรคร้าย ให้ดีแล้ว ก็ย่อมจะมีส่วนต่างของค่ารักษาพยาบาลที่ต้องรับความเสี่ยงเองเพิ่มขึ้นมาก หรือถ้าหากเลือกให้มีหมวดความคุ้มครองมากจนเกินไป ก็ย่อมจะส่งผลต่อเบี้ยประกันที่สูงอย่างมากได้เช่นกัน
ที่สำคัญการเลือกหมวดความคุ้มครอง ต้องพยายามเลือกหมวดที่เฉพาะเจาะจงหน้าที่ชัดเจน มากกว่าหมวดที่คุ้มครองกว้าง เพราะหมวดคุ้มครองกว้างจะทำให้ค่าเบี้ยประกันสูงขึ้นมาก แต่ความคุ้มครองที่ได้รับกับลดลงอย่างชัดเจน
ตัวอย่างเช่น ความคุ้มครองแบบ OPD หรือผู้ป่วยนอก ที่มีทั้งแบบเจาะจงและไม่เจาะจงดังนี้
- OPD แบบเฉพาะเจาะจง ได้แบบจ่ายตามจริง (ค่าใช้จ่ายเกิน 15,000 บ. ได้ทุกหมวด)
- OPD ตรวจฉายภาพขั้นสูง MRI CT PET-Scan (Fax-Claim)
- OPD Follow up อุบัติเหตุ 15 วัน จ่ายตามจริง (Fax-Claim)
- OPD Follow up ไม่จำกัดจำนวนครั้งใน 30 วันหลังแอดมิต IPD (Fax-Claim)
- OPD ตรวจยีนส์มะเร็ง (สำรองจ่ายแล้วเคลมตรง)
- OPD ค่ารักษามะเร็งนวัตกรรมใหม่ในอนาคต (สำรองจ่ายแล้วเคลมตรง)
- OPD แบบไม่เจาะจง ได้วงเงินที่ 15,000 บ. ต่อปี
- OPD ค่ารักษาทั่วไป (Fax-Claim) รวมถึง OPD ตามหมวดเจาะจงด้านบนแต่ดูแลไม่เกินวงเงิน
- OPD ค่าฉีดวัคซีน ตรวจสุขภาพ (สำรองจ่ายแล้วเคลมตรง)
ทั้ง 2 แบบ OPD นี้ จะอยู่ในประกันสุขภาพคนละแบบ ที่มีเบี้ยใกล้เคียงกัน โดยแบบหนึ่งให้ OPD แบบเฉพาะเจาะจงที่จ่ายตามจริง แต่แบบหนึ่งให้ OPD ไม่เจาะจงกับวงเงิน 15,000 บ. ต่อปี เท่านั้น
ดังนั้นการเลือกว่าจะเอา OPD แบบใดนั้น จะจำเป็นต้องมองว่า แบบใดที่ตนเองจะสามารถรับความเสี่ยงเองได้ราคาไม่แพงมาก แบบใดที่ตนเองอยากที่จะโอนความเสี่ยงมากกว่าด้วยราคาสูงเกินไป
โดยต้องไม่ลืมว่า หน้าที่ของประกันสุขภาพ คือ เพื่อโอนความเสี่ยงที่รับเองไม่ไหวหรือไม่ทราบค่าใช้จ่ายออกไปเป็นหลัก
ขบวนการพิจารณา ก่อน รับทำประกัน
การทำประกันสุขภาพ เป็นหนึ่งในแบบประกันที่มีการคัดกรองที่ละเอียดมากที่สุดก่อนรับทำประกัน ซึ่งจะไม่ได้คัดกรองเฉพาะก่อนรับทำประกันเท่านั้น โดยหลังรับทำประกันไปแล้ว หากพบว่ามีการปกปิดประวัติ/ไม่แถลงสุขภาพบางอย่าง ก็อาจส่งผลให้ถูกยกเลิกสัญญาหรือไม่ต่ออายุได้
และที่สำคัญ บันทึกที่แพทย์บอกกว่าปกติ(ไม่ต้องรักษา) อาจจะไม่ปกติในสายตาของแพทย์ที่พิจารณารับประกัน(ความเสี่ยง) ดังนั้น ไม่ต้องรักษา จึงไม่เท่ากับ (≠) ไม่มีความเสี่ยง
การทำความเข้าใจขบวนการพิจารณาให้ดีจึงสำคัญอย่างมาก และจะทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า แพ็คเกจโปรโมชันการตรวจสุขภาพของ รพ.เอกชน นั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง
แบบประกันสุขภาพที่ครอบคลุมความเสี่ยงค่าใช้จ่ายสูง
คนส่วนใหญ่มักจะข้ามการพิจารณาข้อ 1-3 และมาที่แบบประกันสุขภาพกับเบี้ยประกันเทียบกับงบประมาณในทันที ทำให้การเลือกแบบประกันสุขภาพมีโอกาสสูงที่จะไม่ครอบคลุมความเสี่ยงที่ต้องการโอนออกไปจริง ๆ และอาจเกิดความหงุดหงิดใจเพราะไม่เข้าใจขั้นตอนการคัดกรองการรับทำประกันที่เข้มงวดได้
(ดังนั้นข้อ 1-3 จึงจำเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยให้การพิจารณาเปรียบเทียบ แบบประกันสุขภาพแต่ละแบบเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก)
ขบวนการ ภายหลัง รับทำประกัน
การทวนสอบกรมธรรม์ที่ได้รับ เช่น เงื่อนไข ระยะเวลารอคอยของโรค ขั้นตอนการเคลมประกัน เป็นต้น เป็นเรื่องที่สำคัญมาก รวมไปถึงบริษัทประกันแต่ละบริษัท เริ่มให้บริการสิทธิพิเศษเพิ่มเติมผ่านทางแอพของบริษัทมากขึ้นเรื่อย ๆ การลงทะเบียนเพื่อใช้งานแอพของบริษัทจึงเป็นสิ่งที่ควรลงมือทำทันที
ขบวนการเคลมประกันสุขภาพ
การเข้าใจขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่เข้า/ออกจาก รพ. เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ได้เตรียมความพร้อมไว้ก่อน เช่น การตรวจสอบ รพ.คู่สัญญาว่า Fax-Claim ในเรื่องใดได้บ้าง จะมีโอกาสต้องสำรองจ่ายในเรื่องใดได้บ้าง ขบวนการเคลมเป็นอย่างไร ต้องระวังเรื่องใดบ้างในตอนพบแพทย์ เป็นต้น ซึ่งแม้ขั้นตอนในปัจจุบันโดยเฉพาะในรพ.เอกชน จะอำนวยความสะดวกอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามก็จำเป็นต้องเข้าใจขบวนการเคลมก่อนเคลมจริงเสมอ
วิธีจัดการเบี้ยประกันสุขภาพหลังเกษียณ
เมื่อมีประกันสุขภาพเรียบร้อย สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้ยังคงสามารถมีประกันสุขภาพ หรือจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพได้ไหวในช่วงอายุเกษียณ เพราะช่วงอายุเกษียณเป็นช่วงที่มีโอกาสใช้ประกันสุขภาพมากที่สุด แต่ก็มักเป็นช่วงที่ขาดรายได้เข้ามา
ดังนั้นการวางแผนการเงินผ่านเครื่องมือการเงินอย่าง ประกันบำนาญและกองทุนรวม จึงเป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้เงินก้อนน้อยได้เติบโตมาเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับทยอยจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพได้ตลอดชีพ
นี้คือ 7 เรื่องสำคัญ ที่ควรทำความเข้าใจก่อนซื้อประกันสุขภาพ เพราะหากเข้าใจแล้วบริษัทประกันใด ๆ ก็ยากที่จะใช้โฆษณาชวนเชื่อให้ซื้อได้ หรือ ยังสามารถช่วยป้องกันการตีความเข้าข้างตนเองของบริษัทประกันได้อีกด้วย
เลือกประกันสุขภาพ
แบบใดดี
การเลือกแบบประกันสุขภาพที่ดีนั้น จะไม่ได้มองหาประกันสุขภาพเฉพาะให้เต็มสิทธิลดหย่อนภาษี 25,000 บ. เท่านั้น แต่จะมองลึกมากขึ้นถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ร่วมด้วย
![เบี้ยเท่าทุน release your risk เบี้ยเท่าทุน release your risk](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2024/01/เบี้ยเท่าทุน-release-your-risk.webp)
เป็นแบบประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาโรคที่แพงที่สุดได้
"มะเร็ง" ยังคงเป็นโรคที่มีค่ารักษาสูงที่สุดในปัจจุบัน ดังนั้นในเมื่อต้องจ่ายเบี้ยไปแล้ว ก็ต้องมั่นใจว่าจะได้รับความสบายใจเรื่องค่ารักษาแลกมาจริงๆ ไม่ใช่จ่ายเบี้ยแล้วยังต้องเก็บความกังวลใจในบางโรคไว้อยู่ ซึ่งแบบนี้จะไม่ค่อยมีใครอยากได้
โดยต้องให้ความคุ้มครองการรักษามะเร็งตั้งแต่ การตรวจวินิจฉัยOPD การผ่าตัดIPD การฟื้นฟูร่างกายIPD/OPD การให้ยาOPD การตรวจติดตามผลOPD เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนใดก็ตาม ค่าใช้จ่ายการรักษาโรคมะเร็งใน รพ.เอกชน มักจะสูงถึงหลักแสนขึ้นไปเสมอ (ยังไม่นับรวมไปถึงว่ามะเร็งเป็นโรคที่ต้องรักษาต่อเนื่องกว่า 5 ปีขึ้นไปจนถึงตลอดชีวิต)
เป็นแบบประกันสุขภาพที่สามารถคุ้มครองได้ตลอดชีวิต
คือให้ความคุ้มครองที่รวมไปถึงวิทยาการสมัยใหม่ในอนาคตด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องคอยเปลี่ยนแบบประกันสุขภาพให้ทันสมัยตามวิทยาการการรักษา (เช่น ยาภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งผู้ป่วยนอก)
เพราะหากมีการเคลมบางโรคไปแล้ว การเปลี่ยนแบบประกันสุขภาพเป็นตัวใหม่อาจจะทำได้ยาก และโดนยกเว้นความคุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนแน่นอน
ตัวอย่างแบบประกันสุขภาพที่เข้าเกณฑ์ เช่น Prestige Health ปลดล็อค
แบบประกันสุขภาพที่จะครอบคลุมตรงความต้องการที่กล่าวมา และยังเป็นแบบประกันสุขภาพที่หากต้องการ OPD ค่ารักษาทั่วไปปีละ 50,000 บ. (นอกเหนือจาก OPD เจาะจงต่าง ๆ) จะสามารถเลือกเป็นแผน 50 ล้าน (แบบมีรับผิด 100,000 บ.ต่อปี) ที่เบี้ยประกันบางช่วงอายุ น้อยกว่าวงเงิน OPD ที่ให้ต่อปี (OPD จะไม่ต้องจ่ายรับผิดส่วนแรก)
อย่างไรก็ตามด้วยความคุ้มครองที่ครอบคลุมและวงเงินที่สูง แบบประกันสุขภาพลักษณะนี้ จึงมีเบี้ยประกันตอนสูงอายุที่สูงอย่างมาก ทำให้การศึกษาและเตรียมการจัดการเบี้ยประกันหลังเกษียณตั้งแต่ยังอยู่ในวัยทำงาน จะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
เพราะจะสามารถช่วยประหยัดเบี้ยประกันได้สูงถึง 50%-90% และเครื่องมือการเงินที่ใช้ในการจัดการก็ยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
ทั้งนี้หากมีประกันสุขภาพตัวหลักที่ดูแลค่ารักษามะเร็งแบบผู้ป่วยนอก 5 ล้านบาทขึ้นไปต่อปีเรียบร้อย (ค่ารักษาในปัจจุบัน) แต่ประกันสุขภาพตัวหลักให้ค่าห้องที่ค่อนข้างน้อย การเสริมด้วยประกันสุขภาพที่เน้นเรื่องค่าห้อง ให้เป็นตัวเสริมอย่างเช่น "สัญญา Happy Health แบบมีรับผิดส่วนแรก 100,000 บ." จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
เนื่องจากแบบประกันสุขภาพลักษณะนี้จะจ่ายตามจริงของห้องเดี่ยวราคาเริ่มต้นของ รพ. นั้น ๆ จึงเป็นประกันสุขภาพตัวเสริมที่ดีที่สุดตัวหนึ่งในตลาดปัจจจุบัน
ประกันสุขภาพ
โดยสรุป
![ครอบครัววางแผนการเงินและภาษี 1 release your risk ครอบครัววางแผนการเงินและภาษี 1 release your risk](https://releaseyourrisk.com/wp-content/uploads/2024/01/ครอบครัววางแผนการเงินและภาษี-1-release-your-risk.webp)
ประกันสุขภาพเป็นรูปแบบประกันที่ควรให้เวลาศึกษาทำความเข้าใจให้ดีที่สุดก่อนตัดสินใจ โดยอย่างน้อยควรเข้าใจหมวดความคุ้มครองตามมาตรฐานประกันสุขภาพให้ได้ และควรมีโอกาสได้ศึกษาตัวอย่างกรมธรรม์จริงๆ ของแบบประกันสุขภาพที่สนใจ
การศึกษาแบบประกันสุขภาพตอนแรกอาจมองเป็นเรื่องยุ่งยากแต่ก็คุ้มค่า เพราะเสียเวลาทำความเข้าใจเพียงครั้งเดียวก็สามารถใช้ได้ไปตลอดชีวิต โดยเฉพาะกับแบบประกันสุขภาพที่เน้นตลอดชีวิต หรือ สำหรับวางแผนเกษียณในอนาคตจริง ๆ
ทั้งนี้จะสามารถศึกษารายละเอียดเจาะลึกเกี่ยวกับวิธีการเลือกแบบประกันสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้
การวางแผนเกษียณอย่างจริงจัง
เริ่มเมื่อเข้าใจธรรมชาติของ
เครื่องมือทางการเงิน